จาก คอลัมน์ คนใจสัตว์
ปริญญากร วรวรรณ

หมาใน
marnai
คือนักล่าที่มีประสิทธิภาพมาก อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นฝูง วิ่งไล่ ล้อมกัดจนกระทั่งเหยื่อหมดหนทางหนี เหยื่อจะถูกกระชากเนื้อช่วงก้น และบางครั้งลูกนัยน์ตาออกมาก่อนจะสิ้นใจด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่ารูปร่างรวมทั้งลักษณะท่าทางของหมาในดูจะไม่มีพิษสงอะไรเลยก็ตาม
หมาในเป็น ๑ ใน ๒ ชนิดของหมาป่าที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกชนิดหนึ่งคือ หมาจิ้งจอก

ทุกๆ ครั้งที่เห็นหมาใน

ผมจะรู้สึกเสมอว่ากำลังมองเห็น “ภาพลวงตา”

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเล็ก ๆ ท่าทางน่าเอ็นดู รวมฝูงกันอยู่ ใช้เวลาส่วนใหญ่วิ่งเล่น หยอกล้อ พักผ่อน  ดูไม่น่าจะมีพิษสง เมื่อมองเห็นใกล้ ๆ ขนสีแดงเข้มเป็นเงานั้นน่าเข้าไปโอบกอดเสียด้วยซ้ำ

“ภาพ” ของหมาในคงเป็นเช่นนี้ ถ้าผมไม่เคยรู้ว่านี่คือนักล่าที่มีประสิทธิภาพมาก และไม่เคยเห็นพวกมันลงมือฆ่าเหยื่อต่อหน้าต่อตา

วัวแดงโตเต็มวัยถูกหมาในเพียงแค่ ๒ ตัวโจมตีกระทั่งสิ้นใจในเวลาไม่กี่นาที

ภายหลังเสร็จงาน หมาในเป็นอย่างที่ผมเห็น ไม่มีท่วงท่าของความดุร้าย ไม่มีลักษณะของความเป็นนักล่าผู้ทำงานอย่างได้ผล

มีข้อมูลมากมายบ่งชี้ว่า เหล่าสัตว์กินพืชถูกกำจัดโดยฝีมือของหมาในมากกว่าเสือ

ในการถ่ายรูปสัตว์ป่า ผมมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับหมาในบ่อย ๆ มีรูปของพวกมันอยู่ไม่ใช่น้อย  แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าช่วงเวลาไหนเป็นภาพจริง ๆ ของหมาใน

. . .

หลังจากใช้ความพยายามอยู่หลายเดือนดักจับเสือโคร่งตัวเมียซึ่งมีลูก ๔ ตัว และมีอาณาเขตอยู่รอบ ๆ บริเวณสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อเปลี่ยนปลอกคอที่ติดเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ โดยไม่ประสบผลสำเร็จ เราก็ “ปิดกรง” ชั่วคราว

ความล้มเหลวครั้งนี้ตอกย้ำให้รู้ว่า ในความเป็นเสือโคร่งนั้น พวกมัน “เหนือ” กว่าเรามากเพียงใด  มันเป็นเสือที่เคยพลาดท่าถูกจับมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงไม่ยอมพลาดอีกครั้ง

ไม่ว่าเราจะใช้ “ทริก” หลอกล่อหรือทำให้แนบเนียนขนาดไหน

จากกล้องดักถ่ายเราเห็นว่ามันระมัดระวังมาก โดยเฉพาะลูก ๆ ๔ ตัวของมันซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ ดูเหมือนว่ามันจะควบคุมดูแลไม่ให้เข้ามาใกล้ “กับดัก” อย่างได้ผล

ผมไม่สงสัยหรอกว่าแม่เสือจะ “บอก” ลูก ๆ ด้วยวิธีไหน  เพราะรู้ดีเสมอว่ามีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่เรา “เข้าไม่ถึง” สัตว์ป่า  และที่สำคัญพวกมันรู้หลายสิ่งที่เราไม่เคยรู้

. . .

เมื่อไม่ได้เปิดกรง ซึ่งต้องออกไปตรวจสอบตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างและในตอนค่ำอีกหนึ่งครั้ง ไปไหนมาไหนไม่ได้ อยู่ในสภาพคล้ายติดอยู่ในกรงเสียเอง ดูเหมือนว่าเราจะมีเวลามากขึ้น

แต่อีกนั่นแหละ เวลาทั้งหมดเราใช้ไปกับการ “ตามเสือ”

เสืออีก ๔ ตัวมีข้อมูลให้ติดตามตำแหน่งของพวกมัน บางตัวอยู่ไกล บางตัวใกล้  เสือตัวผู้ซึ่งมีอาณาเขตราว ๓๐๐ ตารางกิโลเมตร คือ งาน อันทำให้เรารู้ว่าการจับมันได้นั้นแท้จริงงานหนักเพิ่งเริ่มต้น

บางตำแหน่งเราใช้เวลาเดิน ๒ วันจึงถึงจุดที่มันอยู่และฆ่าเหยื่อเอาไว้

เหยื่อส่วนใหญ่เป็นกระทิง และวัวแดงตัวผู้ที่เติบโตเต็มวัย

ทุกตัวมีรอยดิ้นรนไม่มาก ตำแหน่งเขี้ยวซึ่งกดลงบริเวณลำคออย่างแม่นยำเป็นตำแหน่งเดียวกันในเหยื่อทุกตัว

หลังจากฆ่า มันจะลากเหยื่อไปราว ๆ ๕๐ เมตรก่อนลงมือกิน  กระทิงหรือวัวแดงน้ำหนัก ๕๐๐-๖๐๐ กก. ไม่ใช่ปัญหาในการลากเคลื่อนที่

หากเราเข้าไปในขณะมันอยู่ที่ซาก เสียงคำรามขู่คือสิ่งที่เราจะได้ยิน

หลังจากเฝ้ารออยู่สักพัก บางครั้งมันยอมล่าถอยให้เราเข้าไปตรวจสอบซากได้ แต่หลายครั้งเราต้องเป็นฝ่ายถอย

ในตอนที่มันพลาด และเราจับมันได้นั้น เมื่อพบคนมันส่งเสียงขู่คำรามเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็หมอบนิ่ง ดวงตาแข็งกร้าวพร้อมรับมือกับทุกสิ่ง

สำหรับเสือ นี่คือวิถีของมัน  เสือโคร่งทุกตัวที่จนมุมจะไม่ดิ้นรน ความสงบนิ่งคือสิ่งที่เสือเลือกทำ

ในความสงบนิ่งนั้น เรารู้ว่าอันตรายมากเพียงใด

หลังถูกวางยาสลบ มันฟื้นเร็วในเวลาไม่นาน เราไม่สงสัยในความแข็งแรงและพละกำลังของมัน

มันเพิ่งเบียดเจ้าถิ่นผู้ครอบครองอาณาเขตอยู่ก่อนออกไปได้  ในอาณาเขตของมันมีตัวเมียอาศัยอยู่ ๓ ตัว และหนึ่งในนั้นเป็นเสือแม่ลูกสี่ที่เราพยายามจับอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ

เสือใช้เวลาไม่นานในการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

ระยะทางนับสิบกิโลเมตร

ขณะตาม เราใช้ด่านเส้นทางเดียวกับที่เสือใช้ เดินเหยียบย่ำไปบนรอยตีนของมันที่เดินไปล่วงหน้า

เรารู้ว่าสัตว์ป่าเดิน “ล่วงหน้า” ไปไกล

การเดินตามไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

แต่หากไม่ตาม สิ่งนี้เราคงไม่รู้

. . .

บนสันเขาสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ ๙๐๐ เมตร สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง

หลังใช้เวลากว่า ๔ ชั่วโมงในการเดิน เราถึงตำแหน่งที่เสืออยู่

จากสันเขามีรอยลากลงหุบ จากรอยนั้นเราพบว่าต่ำลงไปสัก ๘๐ เมตร มีร่องน้ำแคบ ๆ ซึ่งไหลไปลงลำห้วยใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

“กระทิงครับ” รอดที่เดินอยู่ข้างหน้าพูดเบา ๆ  เขาก้มลงหยิบชิ้นส่วนตีนกระทิงที่ถูกกัดขาดเหลือเพียงช่วงกีบเท้าขึ้นมาถึงหนังสีขาว ๆ กระดูกถูกกัดขาดด้วยเขี้ยวและฟันอันแข็งแรง

เสือกินเหยื่อของมันหมด และจากไปแล้ว  ส่วนหัวเหลือเพียงกะโหลก เนื้อและหนังโดนลอกกินจนหมด รอยตีนโต ๆ เหยียบย่ำไว้ทั่ว

จากร่องรอย ผมเห็นภาพเสือชัดเจน

. . .

ระหว่างเสือโคร่งกับหมาใน

ผมมีโอกาสอยู่กับพวกมันอย่างใกล้ชิด
เมื่อเห็นหมาใน ผมรู้สึกได้ถึงการเห็นภาพ “ลวงตา”
แต่เมื่อเห็นเสือ ผมเห็นอย่างที่มันเป็น
นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกมัน
หรือเป็นความรู้สึกของผมเอง
ผมไม่แน่ใจนัก