ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : รายงาน

oilageโทนี เซบา (Tony Seba) นักบรรยายด้านการลงทุนทางการเงิน และการพัฒนาพลังงานสะอาด ผู้แต่งหนังสือ Clean Disruption of Energy and Transportation : How Silicon Valley Will Make Oil, Nuclear, Natural Gas, Coal, Electric Utilities and Conventional Cars Obsolete by 2030 กล่าวว่าโลกกำลังเดินหน้าสู่ยุคสิ้นสุดการใช้น้ำมัน รวมทั้งกิจการขนส่งรูปแบบเดิมๆ

“อายุขัยของยุคสมัยแห่งการใช้น้ำมันและการขนส่งแบบเก่าจะสิ้นสุดลงใน ค.ศ. ๒๐๓๐ หรือไม่ก็เร็วกว่านั้น สิ่งที่จะเข้ามาแทนที่คือเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง”

เซบาคาดการณ์สถานการณ์โลกด้านพลังงานเมื่อเข้าสู่ ค.ศ. ๒๐๓๐ ว่า

  • พลังงานใหม่ทั้งหมดจะผลิตขึ้นจากลมและแสงอาทิตย์
  • รถยนต์ใหม่ทั้งหมดจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
  • ตลาดรถยนต์จะหดตัวลง ๘๐ เปอร์-เซ็นต์
  • แนวคิดเรื่องรถยนต์ส่วนบุคคลกลายเป็นเรื่องล้าสมัย
  • อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
  • น้ำมันจะกลายเป็นสิ่งของล้าสมัย ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์ล้าสมัยไปก่อนหน้าแล้ว

เขายังกล่าวถึง “เทคโนโลยีพลิกโลก” (disruptive technology) ซึ่งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนอย่างมหาศาล ยกตัวอย่างกล้องถ่ายภาพดิจิทัลมาแทนที่กล้องฟิล์ม โทรศัพท์มือถือซึ่งแทนที่โทรศัพท์บ้าน

ต่อกรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแทนรถที่ใช้น้ำมันนั้น เซบายกเหตุผลสนับสนุนว่า ปัจจุบันพลังงานที่เราเติมลงในรถยนต์ เกือบทั้งหมดจะกลายเป็นความร้อนที่หม้อน้ำ ประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ แต่เมื่อเราเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าแล้วจะเป็นตรงกันข้าม ที่สำคัญไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์นั้นในอนาคตจะมาจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ทำให้ผู้ใช้เกิดความสะดวกสบาย นอกจากนี้เมื่อถึง ค.ศ. ๒๐๓๐ ต่อให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ จะมีค่าเท่ากับศูนย์ ก็ยังแพงกว่าไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพราะมีราคาที่ต้องจ่ายผ่านทางสายไฟฟ้ารวมถึงค่าบริการ

“ยุคหินไม่ได้สิ้นสุดลงเพราะหินหมดสิ้นไป แต่เป็นเพราะการเข้ามาของโลหะอย่างทองแดง ยุคของพลังงานน้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน นิวเคลียร์ ก็จะไม่ได้สิ้นสุดลงเพราะพลังงานเหล่านี้หมดไป น้ำมันจะยังเหลืออยู่ใต้ดิน แต่ไม่มีการขุดขึ้นมาใช้เพราะมนุษย์ค้นพบเทคโนโลยีที่เหนือกว่าแล้ว”