เดือนแห่งความรัก

 

เดือนแห่งความรักในปีนี้ ทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลการทำโพลของเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง ๑๒-๑๙ ปี จำนวน ๒,๓๘๔ คน ในกรุงเทพมหานครเนื่องในวันวาเลนไทน์ ไว้อย่างน่าสนใจว่า

ร้อยละ ๒๑ มองว่าว่าอาจจะมีเพศสัมพันธ์ในวันแห่งความรัก ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ เป็นสิทธิส่วนตัวในกทม.มีเด็กและเยาวชนประมาณ ๑,๓๐๐,๐๐๐ คน หากเอาสถิตินี้เป็นตัวตั้ง นั่นหมายความว่า จะมีเด็กวัยรุ่นที่อาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์เป็นจำนวนถึงสองแสนกว่าคนผลสำรวจยังพบว่า ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีเพศสัมพันธ์นั้น ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพียงร้อยละ ๒๑ และร้อยละ ๒๐ ไม่เคยใช้เลย

ไม่น่าแปลกใจที่เด็กไทยวันนี้หมกมุ่นในเรื่องเพศมากขึ้น และมีแนวโน้มจะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะดูเหมือนว่า การมีเพศสัมพันธ์กำลังกลายเป็นนิยามสำคัญของความสุขในโลกปัจจุบัน

ลองเข้าไปในเว็บไซท์ของกูเกิ้ล และค้นหาคำไทยง่าย ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์จะพบว่ามีหัวข้อเหล่านี้นับล้านหัวข้อ มีทั้งวรรณกรรม ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ ฝีมือวัยรุ่นไทย ไม่ต้องไปพึ่งหนังเอ๊กซ์จากฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือเกาหลีที่กำลังมาแรง
หันมาดูนิยามความสุขของคนอื่นกันมั่ง

ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการสำรวจวัยรุ่นอายุ ๑๓-๒๔ ปี ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขามีความสุข ผลปรากฎว่า ร้อยละ ๗๓ ระบุสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขมากที่สุด คือการได้ใช้เวลากับครอบครัว โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่หย่าร้าง ไม่ทะเลาะกัน จะทำให้พวกเขามีความสุขมากที่สุด

และที่น่าสนใจคือ เมื่อถึงคำถามว่าเพศสัมพันธ์กับความสุข ปรากฏว่าวัยรุ่นอเมริกาเหล่านี้ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์นำไปสู่ความสุขที่ลดลง หรือนำไปสู่ความสุขเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

เรื่องเซ๊กส์ในหมู่วัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมอเมริกัน ไม่ต่างจากการกินข้าว ไม่ได้เป็นประเด็นทางสังคมจนซีเรียสเหมือนบ้านเรา และบางครั้งก็เปิดโอกาสให้คุณหญิงคุณนายที่ทำตัวเป็นคนดีมีศีลธรรมมาแสดงอาการรังเกียจเรื่องเพศจนน่าเวทนา

เมื่อถามถึงเรื่องเงินว่าทำให้มีความสุขหรือไม่

วัยรุ่นอเมริกันบอกว่า เงินไม่ได้ช่วยทำให้พวกเขามีความสุข

สถิติจากประเทศที่เป็นต้นแบบแห่งการบริโภคทุนนิยม คงบอกเราได้ว่า ที่ผ่านมาสังคมแบบทุนนิยมได้ทำให้คนอเมริกันมีการหย่าร้างสูงมากขึ้น ปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรง ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งมีมากขึ้นพอ ๆกับปัญหาวัยรุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่โพลจะบอกว่า ความสุขของวัยรุ่นอเมริกันคือความสัมพันธ์กับพ่อแม่

หันกลับมาที่เมืองไทย

สวนดุสิตโพลเคยออกแบบสำรวจวัยรุ่นไทยเมื่อปีที่แล้วว่า อะไรที่ทำให้มีความสุขมากที่สุด

การสำรวจ พบว่า เงิน ทำให้วัยรุ่นไทยมีความสุขมากที่สุด คือสูงถึงร้อยละ ๔๐

รองลงมาคือ ความสัมพันธ์กับคนรัก สูงร้อยละ ๓๐

เราพอคาดเดาได้ว่าความสุขของวัยรุ่นยุคแอ๊บแบ๊ว ยุค แว้น ยุคสก๊อย เป็นอย่างไรกันมั่ง

สุดท้ายโพลของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้สำรวจความรู้สึกของวัยรุ่นต่อการเมืองไทยในหัวข้อภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยที่อยากทำตาม พบว่า

ร้อยละ ๒๘ อยากเลียนแบบเรื่องความเห็นแก่ตัว ทุจริต โกหก ของบรรดานักการเมือง มีเพียงร้อยละ ๘ ที่บอกว่าอยากเลียนแบบเรื่องความซื่อสัตย์ และการทำงานหนัก สอดคล้องกับผลวิจัยก่อนหน้านี้ที่เคยพบว่า เด็กและเยาวชนเกินกว่าครึ่งมีความเอนเอียงที่จะยอมรับรัฐบาลที่โกงกิน รวมไปถึงการกินค่าหัวคิวหรือการกินตามน้ำ แต่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี

หรือพูดง่าย ๆว่า โกงกินไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน

สอดคล้องกับคุณภาพของนักการเมืองไทยรุ่นนี้จริง ๆ

 

Comments

  1. คนคู่

    น่าเป็นห่วงจริงๆกับความรู้สึกของเด็กไทยต่อภาพลักษณ์นักการเมืองที่กำลังจะกลายเป็นค่านิยมแห่งความล่มสลาย
    เดือนแห่งความรัก พลังแห่งความรัก อานุภาพของความรัก กับการแสดงความรัก เป็นเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องกัน ก็คงเป็นสิทธิของแต่ละคนจะกำหนด เพราะอย่างไรแล้ว ความจริงที่ว่าความรักนั้นสร้างโลกก็ยังเป็นอมตะวลี เรื่องที่น่าคิดจึงอยู่ที่ความรักนั้นทำให้โลกของเขาแคบลงมีแต่ 2 เราจนอยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ หรือทำให้กว้างขึ้น คำนึงถึงคนรอบตัว คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น นี่แหละที่ว่าเพราะค่านิยมของยุคสมัยหล่อหลอม

  2. yuttipung

    โพลล์นี้น่าตกใจ แต่ผมว่าน่าตกใจกว่าคือการคิดโพลล์ บางทีโพลล์ก็เหมือนเป็นตัวชี้นำให้เด็กดึงความรู้สึกไม่ดีเบื้องลึกมาตอบก็ได้ หรือบางทีก็เป็นการตอบแบบคึกคะนอง(หรือเปล่า ?) สุดท้ายมันจะกลายเป็นตัวชี้นำไปเมื่อกลายเป็นข่าว

  3. สุวิทย์

    เหตุผลที่โพลออกมาอย่างนี้ไม่แปลก เพราะสิ่งที่คนคิดว่าจะมีความสุขที่สุดมักมาจากสิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดนั่เอง ลองถามกลับว่าอะไรสำคัญกับชีวิตมากที่สุดคิว่ามีส่วนน้อยที่บอกว่า อากาศ ทั้งที่ขาดอากาศเพียงแค่ 4 นาทีสมองก็ตายแล้ว ก็เพราะว่ามันหาได้ง่ายจริง เช่นเดียวกัน ที่เขายอมให้มัรัฐบาลที่โกงได้เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครไม่โกง ลองถามัวเองสิว่าของในบริษัทเอามาใช้งานส่วนตัวบ้างหรือเปล่า แต่เขาจะหารัฐบาลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเหมือนรัฐบาลยุคทักษินไม่เจอต่างหากครับ

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.