น.ส. รดาพร ไทยมงคล

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเบญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี

เรื่อง หนังสือนี้ดี...มีประโยชน์ และ ปัญหานี้...มีทางแก้

แก้วจอมแก่น เป็นหนังสืออ่านสำหรับเยาวชน ที่สนุกสนาน อ่านแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลิน และยังได้รับความรู้ไปในตัวด้วย แก้วจอมแก่น จะเล่าถึงชีวิตของเด็กหญิงชื่อ แก้วและเพื่อนๆ ของเธอ ซึ่งชีวิตเด็กส่วนใหญ่ก็มักจะหนีไม่พ้นการเล่นซน ที่ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องน่าสนใจเพราะฉากในเรื่องก็เป็นเพียงแค่บ้านและโรงเรียน การเล่นกันของเด็กๆ ก็แสนจะธรรมดา ไม่มีสัตว์ประหลาด ไม่มีเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผู้เขียนซึ่งก็คือ แว่นแก้ว สามารถทำให้การเล่นกันธรรมดาของเด็กๆ นั้นสนุกและน่าอ่านน่าติดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และแว่นแก้วก็สามารถสอดแทรกความรู้ที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่านไว้ได้อย่างแนบเนียน โดยที่ผู้อ่านจะรู้สึกเพลิดเพลินกับความสนุกของเรื่องจนไม่รู้ตัวเลยว่า ตนกำลังได้ซึมซับรับรู้ความรู้จากหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้จะแบ่งเรื่องต่างๆ ไว้เป็นบท บทหนึ่งนั้นจะมีความยาวเพียงแค่สองถึงสามหน้า และหนังสือเล่มนี้จะมี 23 บท ทำให้ผู้อ่านได้ทราบเรื่องราวต่างๆ อย่างหลากหลาย จึงไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หนังสือเล่มนี้ยังมีภาพประกอบที่สวยงาม ช่วยให้ผู้อ่านจินตนาการภาพได้ง่ายขึ้น ภาษาที่ใช้ในหนังสือเรื่องแก้วจอมแก่น เป็นภาษาง่ายๆ ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ผู้อ่านจึงเข้าใจง่าย และรู้สึกสนุกสนานกับการอ่านหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้จะดำเนินเรื่องผ่านตัวละครเอกคือ แก้ว แก้วเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบเล่นโลดโผนเหมือนกับเด็กผู้ชาย แก้วเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีพี่น้องสองคน คือ พี่ไก่และน้องเล็ก แก้วมีเพื่อนมากมายและเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ ทุกคน เพื่อนสนิทของแก้วที่มีนั้น คือ นิด ป้อม อ้วน หมูหวาน และอ้อย นอกจากเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว แก้วยังมีเพื่อนต่างวัยอีกด้วย คือ น้องหน่อย น้าไล ลุงผ่อง และพี่สุทธิ ซึ่งทุกคนล้วนแต่รักและเอ็นดูแก้ว

ความรู้ที่ผู้อ่านได้รับจากหนังสือเรื่องแก้วจอมแก่น นี้มีมากมาย เช่น บทที่ 3 เรื่องความรับผิดชอบนั้น แก้วได้ไปโรงพยาบาลกับน้าไล และได้เห็นเด็กคนหนึ่งพาน้องมาหาหมอ แก้วจึงได้คิดว่า ไม่ใช่เด็กทุกคนที่เกิดมามีโอกาสได้เล่นสนุก บางคนนอกจากจะต้องรับผิดชอบตัวเองแล้ว ยังต้องรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นด้วย เรื่องจันทร์อังคาธนั้นทำให้ผู้อ่านได้ความรู้เรื่องจันทรคราสแบบชาวบ้าน จากการตีเกราะเคาะไม้ของลุงผ่องกับพรรคพวก จากการที่คุณย่าวิ่งแจกยาลูกหลานตามบ้านต่างๆ และจากคำบอกเล่าของคุณแม่ ส่วนความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้น เราได้จากคุณพ่อนักวิชาการ และพี่ไก่ผู้คงแก่เรียนว่า จันทรคราสเกิดจาก ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ เรียงกันอยู่ในแนวที่เงาของโลกทอดไปบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่จะสะท้อนไปดวงจันทร์ เรื่องโอ๊ย! ปวดท้องจริง แก้วนั้นแอบคุณแม่กินอมยิ้มที่ใส่สี ทำให้ปวดท้อง ดังนั้นหากเราจะรับประทานอะไร เราควรเลือกอาหารที่สะอาดถูกสุขอนามัย เรื่องแม่ครัวหัวป่าก์ ให้ความรู้เกี่ยวกับขนมแป้งสิบ อธิบายวิธีการทำขนมแป้งสิบ และทำให้เราได้รับรู้ถึงคุณธรรมว่า หากเราทำผิด เราก็ควรจะรับผิดชอบ ดังเช่นที่แก้วและนิดนั้นทำครัวเลอะเทอะ แก้วและนิดจึงต้องทำความสะอาดครัวให้สะอาดดังเดิม เรื่องแก้วกับแก่น แก่นนั้นเป็นกระรอกที่แก้วได้มาจากลุงผ่อง แก่นนั้นไปกินอาหารมีพิษเข้า คุณพ่อจึงเอาไข่ดิบให้แก่นกิน เพื่อเป็นการถอนพิษ จากเรื่องนี้เราก็ได้ทราบวิธีการถอนพิษเบื้องต้น เรื่องเลี้ยงปลา ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำอ่างปลาสมดุล และทำให้เราทราบว่า การเลี้ยงปลากัดนั้นเป็นการทรมานสัตว์ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เรื่องนักวิทยาศาสตร์เอก ทำให้เราได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำผลึก เรื่องของเห็ด เพื่อให้เราได้ทราบถึงวิธีการเพาะเห็ดฟาง และวิธีแยกเห็ดเมาจากเห็ดหัวกรวดและเห็ดโคน เพื่อให้บริโภคได้อย่างปลอดภัย เรื่องลมว่าวคราวพัดมา ทำให้ผู้อ่านได้ทราบถึงชนิดของว่าว พร้อมทั้งได้ข้อคิดจากลุงผ่องที่บอกแก้วว่า ถ้าเราได้ว่าวใครเขามาแล้วก็ไม่ควรเล่นให้เจ้าของเห็น เป็นการสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับเจ้าของเดิม ควรเก็บไว้ดีกว่า

หนังสือเรื่องแก้วจอมแก่น นี้ จัดว่าเป็นหนังสือที่มีประโยชน์มาก ทำให้เราได้ข้อคิดต่างๆ เช่น แก้วนั้นถึงแม้จะชอบเล่นซนตามประสาเด็ก และอาจดูเหมือนชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่แก้วเองก็ไม่ได้ตั้งใจและสำนึกผิดทุกครั้ง และพร้อมจะรับผิดชอบกับการกระทำของตน คุณพ่อและคุณแม่ของแก้วก็เป็นตัวอย่างที่ดีต่อพ่อแม่คนอื่นๆ ด้วย คือคุณพ่อและคุณแม่ของแก้วนั้นจะสอนให้พี่ไก่ แก้ว และน้องเล็ก รักใคร่ปรองดองกัน และสอนให้ลูกทั้งสามคนประหยัด และสามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งคุณพ่อนั้นจะสอนให้พี่ไก่ แก้ว และน้องเล็ก ปลูกต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว และเพาะเห็ดฟางเพื่อรับประทานเอง เป็นการประหยัดและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไปพร้อมๆ กันด้วย

หนังสือเรื่องนี้เป็นหนังสือที่เหมาะกับทุกครอบครัว เนื่องจากสภาพแวดล้อมในสังคมทุกวันนี้ ดูไม่เอื้ออำนวยให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีโอกาสอบรมหล่อหลอมบุตรหลานของตนได้มากนัก พ่อและแม่ที่รักลูกทุกคนจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจต่อสิ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ อบรมบุตรหลานแทนตน ซึ่งได้แก่ โรงเรียน ครู พี่เลี้ยง ตลอดจนสื่อต่างๆ ที่ส่งเสริมให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เช่น หนังสือ ของเล่น เป็นต้น แก้วจอมแก่น น่าจะเป็นหนังสือที่สามารถใช้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวได้ เพราะหนังสือเล่มนี้นั้นได้สอดแทรกความรู้และข้อคิดดีๆ ที่เยาวชนทุกคนควรจะได้รับรู้ไว้ และตัวผู้เขียนเองก็สามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของความเป็นเด็ก และประสบการณ์ดีๆ ที่เด็กทุกคนควรจะมีประสบการณ์ในการเล่นสนุก ประสบการณ์ในการได้มีเพื่อน มีมิตรภาพที่ดีๆ ไว้ในหนังสือเล่มนี้อย่างครบถ้วน

หนังสือเรื่องแก้วจอมแก่น นี้จึงเหมาะที่ทุกคนในครอบครัวจะอ่าน เพื่อได้นำความรู้และข้อคิดที่ได้รับมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน เพื่อให้ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ดังเช่นครอบครัวของแก้วในหนังสือเล่มนี้


ปัญหานี้....มีทางแก้

หนังสือเรื่องเวลาในขวดแก้ว เป็นนวนิยายที่สะท้อนปัญหาชีวิตที่เริ่มต้นจากปัญหาของผู้ใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบต่อวัยรุ่นในที่สุด ประภัสสร เสวิกุล ผู้เขียนได้ถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงปัญหาในชีวิตตั้งแต่ต้นเหตุของปัญหา จนกระทั่งผลกระทบที่เกิดตามมาได้อย่างลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ผู้เขียนจะสามารถเขียนเรื่องปัญหาชีวิตที่หนักหนาให้ผู้อ่านอ่านแล้วยังคงรับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใย ความผูกพันที่พ่อและแม่มีต่อลูก และมิตรภาพที่ดีงามระหว่างเพื่อน จึงนับว่าเวลาในขวดแก้ว เป็นหนังสือที่น่าสนใจและน่าอ่านมากทีเดียว

วลาในขวดแก้ว ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว และปัญหาที่เกิดระหว่างเพื่อน โดยสื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ผ่านตัวละครเอกคือ นัต นัตเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่น ครอบครัวของนัตมีด้วยกันอยู่สี่คน คือ พ่อ แม่ นัต และน้องสาวชื่อ หนิง ครอบครัวของนัตอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น จนกระทั่งนัตเติบโตเป็นวัยรุ่น พ่อและแม่ของนัตจึงเริ่มมีปัญหากัน พ่อของนัตจึงย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาคนใหม่ ส่วนแม่นั้นก็เปลี่ยนจากคนที่อ่อนโยนกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย นัตกลายเป็นคนคิดมากและเก็บตัว ไม่ค่อยมีเพื่อน หนิงก็เปลี่ยนจากเด็กสาวที่ร่าเริงกลายเป็นคนพูดน้อย ซึมเศร้า นัตมีเพื่อนสนิทเพียงแค่สามคน คือ เอก ชัย และป้อม แต่เมื่อนัตเริ่มเรียนไวโอลิน นัตก็ได้พบเพื่อนใหม่คือจ๋อม นัตคิดเสมอว่าชีวิตของจ๋อมนั้นราวกับเป็นด้านสะท้อนของชีวิตนัต ชีวิตของจ๋อมนั้นสดใส มีครอบครัวที่ร่ำรวย อบอุ่น ส่วนนัตพ่อและแม่แยกทางกัน ชีวิตของนัตและจ๋อมนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แต่มีเพียงอย่างเดียวที่นัตและจ๋อมเหมือนกันคือไม่ค่อยมีเพื่อนจึงทำให้นัตและจ๋อมสนิทกันอย่างรวดเร็ว แต่ต่อมาพ่อของจ๋อมแอบมีภรรยาใหม่ จ๋อมจึงไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ จ๋อมและนัตจึงห่างกันไป ชีวิตของนัตในเวลานั้นก็พบเจอแต่ปัญหา คือ แม่ของนัตนั้นมีสามีใหม่ หนิงเองก็มีปัญหา และขาดคนให้คำปรึกษา จึงหาทางออกผิดๆ จนกระทั่งหนิงตั้งท้องและต้องทำแท้งในที่สุด เพื่อนของนัตต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อ นัตเองก็สอบเอนทรานซ์ไม่ติด เขาตั้งใจจะเอนทรานซ์ใหม่ปีหน้า ป้อมและชัยเพื่อนของนัตนั้น เข้าร่วมขบวนการประท้วงจนชัยบาดเจ็บและป้อมเสียชีวิต จ๋อมทราบข่าวจึงติดต่อนัตอีกครั้ง หลังจากที่ไม่เคยติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่ไปอังกฤษ นัตดีใจมากที่จ๋อมติดต่อมา แต่นัตก็ได้ทราบว่าจ๋อมตัดสินใจมีครอบครัว นัตรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนัตพบจ๋อมอีกครั้ง สามีของจ๋อมนั้นทิ้งจ๋อมไปให้จ๋อมเลี้ยงลูกตามลำพัง จ๋อมจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่อังกฤษ ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย จ๋อมจะส่งเพียงการ์ดอวยพรในโอกาสสำคัญมาให้นัต แต่ก็ไม่เคยบอกที่อยู่ให้ใครทราบ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มิตรภาพระหว่างเพื่อนก็ยังคงเดิมเสมอ

เวลาในขวดแก้ว ใช้ภาษาในการแต่งได้อย่างสละสลวย มีหลายข้อความที่อ่านแล้วทำให้ผู้อ่านซาบซึ้งและประทับใจ ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้ผู้อ่านเข้าใจและรับรู้ได้อย่างง่ายดาย ชัดเจน และสร้างความประทับใจให้ผู้อ่านอย่างมากมาย หนังสือเล่มนี้ยังสอดแทรกบทเพลงและกลอนดีๆ ไว้ด้วย ผู้เขียนใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถจินตนาการภาพได้ชัดเจน เช่น ข้อความหน้า 6-7 ที่กล่าวถึงจ๋อมว่า “จ๋อมเป็นเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ ในสายตาของครูอาจารย์...เจ้าหญิงที่แสนดี บอบบาง ร่ำรวย และบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่น่าสงสารที่หล่อนกลายเป็นเจ้าหญิงที่ว้าเหว่ที่สุดในโลก เงินทองของหล่อนไม่อาจซื้อเพื่อนได้แม้แต่คนเดียว” ซึ่งทำให้เราได้ทราบว่าจ๋อมนั้นร่ำรวยเงินทอง แต่เงินทองที่จ๋อมมีนั้นกลับทำให้จ๋อมโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นด้วยว่า เงินทองไม่สามารถซื้อทุกอย่างบนโลกนี้ได้

หนังสือเล่มนี้ยังให้ข้อคิดและแนวทางในการดำเนินชีวิตที่สามารถสร้างกำลังใจให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างมาก และข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนคงจะประทับใจเหมือนที่ข้าพเจ้าประทับใจ เช่น ข้อความในหน้า 77 ที่กล่าวว่า “คนเราไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน หากไม่ไปให้สุดกำลังเสียก่อน” ซึ่งสื่อให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความพยายามและความอดทนในการทำสิ่งต่างๆ และที่สำคัญเราไม่ควรดูถูกตนเองและด่วนตัดสินตนเองโดยไม่ลองพยายามทำดูก่อน เพราะหากเราคิดแต่เพียงว่าเราไม่สามารถทำได้ ก็ย่อมไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน หรือข้อความในหน้า 183 ที่กล่าวว่า “บางครั้งการที่เราตั้งจุดหมายไว้ไม่ได้ก่อให้เกิดอะไรกับชีวิตเราเลย นอกจากความผิดหวังและเจ็บปวด” เป็นการบอกให้ผู้อ่านนั้นอย่าตั้งจุดหมายในชีวิตไว้สูงเกินไป และควรเผื่อใจให้กับความผิดหวังบ้าง การตั้งจุดหมายในชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ดี เปรียบเสมือนเรารู้ดีว่าเราควรทำตัวอย่างไรเพื่อให้ถึงจุดหมายที่วางไว้ แต่หากเราตั้งจุดหมายไว้สูงเกินไปแล้วเราทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ก็ย่อมพบกับความผิดหวัง อาจทำให้เราคิดสั้นและทำร้ายตัวเองได้ เราจึงควรตั้งจุดหมายไว้ให้พอดีกับความสามารถของตน เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวังมาก

เวลาในขวดแก้ว ให้ข้อคิดที่ดีๆ มากมาย แต่ข้อที่เด่นชัดที่สุดคือ ข้อคิดทางด้านครอบครัว เนื่องจากชีวิตของตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ประสบปัญหาในชีวิตขณะยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งล้วนแต่มีสาเหตุมาจากครอบครัวที่ขาดการให้เวลาและการเอาใจใส่ ทำให้วัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่เปราะบาง ต้องการอิสระในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน วัยรุ่นก็ยังคงต้องการความเข้าใจและการเอาใจใส่จากครอบครัว นอกจากข้อคิดด้านครอบครัว เวลาในขวดแก้ว ยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในสังคม การตัดสินใจ และการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ท้อถอยกับชีวิต หากเกิดปัญหาก็ต้องพร้อมจะสู้กับปัญหา อาจมีบางเวลาที่เราท้อ ที่เราอยากจะถอย แต่เมื่อเรามีกำลังใจ เราก็ต้องพร้อมจะสู้อีกครั้ง และเราควรจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และพร้อมจะปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพที่ตนเป็นได้อย่างสงบสุข

หนังสือเรื่องเวลาในขวดแก้ว จึงเหมาะกับผู้อ่านทุกเพศทุกวัย ผู้อ่านจะได้รับทั้งความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และข้อคิดในการดำเนินชีวิตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นที่เป็นวัยเดียวกับตัวละครในเรื่องนี้ สามารถนำปัญหาที่เกิดกับตัวละครในเรื่องนี้มาเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์สอนใจในการดำเนินชีวิต เพื่อไม่ให้ตนพบเจอปัญหาเช่นที่เกิดกับตัวละครในเรื่องเวลาในขวดแก้ว

รดาพร ไทยมงคล
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ม.4/15 จ. อุบลราชธานี