สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๑๙๔ เดือน เมษายน ๒๕๔๔ "โลกของเฟิน"

นิตยสารสารคดี Feature Magazine

www.sarakadee.com
ISSN 0857-1538
  ฉบับที่ ๑๙๔ เดือน เมษายน ๒๕๔๔
 กลับไปหน้า สารบัญ

ของเล่นใบมะพร้าว สร้างความสุขด้วยสองมือ

วันดี สันติวุฒิเมธี : รายงาน / บุญกิจ สุทธิญาณานนท์ : ถ่ายภาพ
    ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลานกลางแจ้งสวนลุมพินี คึกคักไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมในงาน "วิถีไท" งานซึ่งจัดขึ้น โดยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเผยแพร่วัฒธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นจากสี่ภาคของไทย รวมทั้งจำลองวิถีชีวิตผู้คนจากถิ่นอื่น ให้คนเมืองได้สัมผัส และเรียนรู้อย่างใกล้ชิด
 คลิกดูภาพใหญ่     ที่มุมหนึ่งของ "ลานเด็ก"--พื้นที่สำหรับสำหรับเด็กและเยาวชน ที่มีพี่เลี้ยงจากองค์กรอิสระหลายกลุ่มนำกิจกรรม และการละเล่นต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกมากมาย เราได้พบกับเด็กกลุ่มใหญ่ กำลังก้มหน้าก้มตา ทำอะไรสักอย่างอยู่บนสนามหญ้า รอบตัวมีใบมะพร้าวเส้นยาว วางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด พักหนึ่ง เสียงเครื่องเป่าอะไรสักอย่างที่ฟังดูบี้ ๆ แบน ๆ ก็ดังออกมาจากวง ตามด้วยเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากสนุกสนาน พอเดินเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่า เสียงแห่งความสุขนั้น เกิดขึ้นเมื่อเด็ก ๆ ได้ลงมือแปลงร่างใบมะพร้าวเส้นยาว ให้เป็นของเล่นนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาตะเพียน จั๊กจั่น ตั๊กแตน ตะกร้อ รวมถึงปี่ที่ส่งเสียงบี้ ๆ แบน ๆ อยู่เมื่อครู่
    "เด็กกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำของเล่นด้วยตัวเอง พอมาเจอของเล่น ที่เขาสามารถทำเองได้ ก็เลยรู้สึกสนุก และภูมิใจ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคน ก็มาให้เราสอนเหมือนกัน เพื่อที่เขาจะได้เอาไปสอนลูกที่บ้าน เพราะพ่อแม่เองก็ทำไม่เป็น แม้ว่าหลายคนจะมีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด เคยหัดทำของเล่นมาก่อน แต่พอเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ นานวันเข้าก็ลืม เลยไม่รู้จะสอนลูกยังไง"
    ศรัทธา ปลื้มสูงเนิน หรือ กุ๋ย พี่เลี้ยงจากกลุ่มไม้ขีดไฟ กลุ่มอิสระที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็ก บอกถึงเหตุที่คนให้ความสนใจ ของเล่นใบมะพร้าวมากเป็นพิเศษ พร้อมทั้งเหตุผลที่เลือกกิจกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของลานเด็กว่า
 คลิกดูภาพใหญ่     "ทุกวันนี้เด็กไทยมีปัญหาใหญ่ คือ ขาดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เด็กมักถูกตีกรอบ ห้ามทำนู่น ทำนี่ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในคอนโดฯ ห้องเรียน ไม่เคยทำอะไรเอง เด็กจึงไม่เกิดการเรียนรู้ ถ้าเรามองว่าเด็กเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม เขาก็ควรจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และเด็กจะเติบโตได้จากการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เป็นการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่ในห้องเรียน ดังนั้นกิจกรรมในลานเด็กทั้งหมด จึงพูดถึงการมีส่วนร่วม โดยให้เด็กทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่น ปั้นขนมบัวลอย ทำเครื่องจักสาน วาดรูป ทำยาหม่อง ทำให้เด็กเกิดความภูมิใจ และเห็นคุณค่าในสิ่งของที่ตนทำขึ้นเองกับมือ
    "ส่วนพวกเราก็คิดกันว่าน่าจะสอนให้เด็กทำของเล่น เพราะเด็กทุกวันนี้ไม่ค่อยได้ทำของเล่นเล่นเอง ผมคิดว่าถ้าเราสอนให้เขาทำเอง มันจะเกิดอะไรขึ้นเยอะเลยในหัวใจเขา  อย่างน้อยเขาก็ได้ของเล่นกลับไป และได้ความภูมิใจ นอกจากนี้ความรู้ในการทำของเล่น ก็จะอยู่กับเขาตลอดไป เขาสามารถกลับไปสอนน้อง พ่อแม่เองก็เอาไปสอนลูกได้"
    เมื่อตกลงกันได้ว่าจะให้เด็ก ๆ ทำของเล่นใบมะพร้าว พอถึงวันงาน บรรดาพี่เลี้ยงกลุ่มไม้ขีดไฟ ก็ขนใบมะพร้าวจากสวนของเพื่อนพ้องคนรู้จัก มากองไว้ที่บริเวณลานเด็ก หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็เริ่มเรียกความสนใจ ด้วยการหยิบใบมะพร้าวมาแปลงร่างเป็นสิงสาราสัตว์ แล้ววางโชว์ไว้บนสนามหญ้า สักพักหนึ่ง เด็กตัวน้อยตัวใหญ่ ก็เริ่มเดินเข้ามาหาดังคาด
    สุเทพ วิไลเลิศ แอบเผยความลับให้เราฟังว่า
คลิกดูภาพใหญ่     "ความจริงพวกเราทำของเล่นได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น เพราะความตั้งใจของเรา ไม่ใช่ไปสอน แต่เราต้องการไปกระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราเชื่อว่าคนที่มาร่วมงาน จะต้องมีคนที่ทำของเล่นใบมะพร้าวเป็นมาก่อน แค่เราหาใบมะพร้าวไปวางไว้ เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาทำให้ดู แล้วก็มีจริง ๆ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มาช่วยกันสอน และแลกเปลี่ยนวิธีทำของเล่นกัน เพราะแต่ละคนจะทำได้คนละอย่างสองอย่าง อย่างคุณลุงคนหนึ่ง ปรกติขายเขียงอยู่แถวคลองเตย พอเห็นเราเอาใบมะพร้าวมาวางไว้ แกก็มานั่งแล้วก็สอนคนอื่น ๆ ให้ทำปลาตะเพียน ตั๊กแตน ระหว่างสอน แกก็เล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองให้คนอื่น ๆ ฟัง ผมรู้สึกได้เลยว่า แกมีความสุข และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มานั่งเรียนกับแก พวกเราเองก็ได้เรียนรู้ จากคนเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน"
    งานวิถีไทจัดขึ้นทั้งหมดห้าวัน คือระหว่างวันที่ ๗-๑๑ มีนาคม ตลอดระยะเวลาดังกล่าว บริเวณลานเด็กเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม แววตาใสซื่อ และสองมือที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนของเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม เด็กบางคนมาทุกวันจนทำกิจกรรมได้หมดทุกอย่าง พอถึงวันสุดท้ายจึงได้เลื่อนตำแหน่ง จากผู้ชมให้เป็นวิทยากรนำกิจกรรมเสียเลย
    หลังจากร่วมกิจกรรมกับเด็กมาเป็นเวลาหลายวัน กุ๋ย หัวเรือใหญ่ของกลุ่มไม้ขีดไฟ ก็ได้พบสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เด็กเมืองกรุง ทำของเล่นไม่เป็น
    "ปัญหาหนึ่งคือเรื่องทรัพยากร หรือวัสดุจากธรรมชาติที่จะนำมาทำของเล่น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเราหาวัสดุอื่นแทนก็ได้ ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ อยู่ที่จินตนาการมากกว่า เพราะถ้ามีจินตนาการ เขาจะสามารถดัดแปลงหรือสร้างสรรค์อะไรก็ได้ สาเหตุที่เด็กขาดจินตนาการ มาจากการที่เด็กมักถูกตีกรอบอยู่ตลอดเวลา พอจะทำอะไรก็ถูกห้ามไปหมด อีกสาเหตุหนึ่งคือ เด็กมีเวลาที่จะได้เป็นอิสระน้อย ถ้าเด็กอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะ วันหยุดก็ต้องไปเรียนพิเศษ เรียนบัลเลต์ เรียนเปียนโน ถ้าเด็กอยู่ในครอบครัวที่ยากจน ก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ไม่ค่อยมีเวลาที่จะคิดทำอะไรด้วยตัวเอง
คลิกดูภาพใหญ่     หลังจบงานวิถีไท บรรดากลุ่มพี่เลี้ยงที่มาช่วยงานในลานเด็ก ก็แยกย้ายไปทำงานอื่น ๆ ตามเป้าหมายของกลุ่มตน สำหรับกลุ่มไม้ขีดไฟ ก็ต้องกลับไปทำงานด้านการพัฒนาเด็กของตนต่อไป
    กุ๋ยกล่าวถึงภารกิจหลัก และโครงการต่อไปของพวกเขาว่า
    "เนื่องจากกลุ่มของเราเป็นกลุ่มอิสระ ของบประมาณจากองค์การพัฒนาเด็ก และเยาวชน ในพระบรมราชูปถัมภ์แบบปีต่อปี ดังนั้นในแต่ละปี เราจึงต้องมาคิดกันว่า เราจะทำกิจกรรมที่มีเนื้อหาอะไรบ้าง โดยรูปแบบกิจกรรมที่เราทำส่วนมากเป็นละครเวที ซึ่งนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ หรือปัญหาของสังคมในช่วงเวลานั้น เช่น ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์  ปัญหาความรุนแรงในเด็กและผู้หญิง ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นต้น โดยหลังจากการแสดง ก็จะมีการพูดคุยกันกับผู้ชมด้วย
    "สาเหตุที่พวกเราเลือกทำละคร เพราะเชื่อว่าละครมีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มันทำให้คนที่ได้ดูละครของเรา รู้สึกไว้ใจเรา และอยากระบายปัญหาต่าง ๆ ให้ฟัง ปัจจุบันเรากำลังทำละครเกี่ยวกับความรุนแรง ในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ พยายามนำเสนอเนื้อหาที่ทำให้เขารู้สึกว่า สังคมเป็นของเขา และเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เขาควรจะเอาพลังที่จะทะเลาะวิวาท มาทำเรื่องที่สร้างสรรค์ดีกว่า
    "ในอนาคตพวกเรามีโครงการเปิดศูนย์ ให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่น โครงการพัฒนาศักยภาพ เครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความเข้มแข็ง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นมากขึ้น รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ที่จะช่วยลดปัญหาสังคมเท่าที่เราจะพอทำได้ เราอยากเห็นสังคมไทย มีปัญหาน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นี้"