สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๑๐ เดือน สิงหาคม ๒๕๔๕
สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๑๐ เดือน สิงหาคม ๒๕๔๕ " เปิดแฟ้มคดีมด "
นิตยสารสารคดี Feature Magazine ISSN 0857-1538
  ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๑๐ เดือน สิงหาคม ๒๕๔๕  

หยุดเซ็กซ์ เก็บพรหมจรรย์ : ในวันที่ "ใคร ๆ เขาก็ทำกัน"

หยุดเซ็กซ์ เก็บพรหมจรรย์ : ในวันที่ "ใคร ๆ เขาก็ทำกัน"
(ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่)
เกษร สิทธิหนิ้ว : รายงาน / ฝ่ายภาพ สารคดี : ภาพ
      ปัญหาการตั้งท้องเมื่อไม่พร้อม การลักลอบทำแท้งเถื่อน และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ปรากฏตัวชัดเจนขึ้นในปัจจุบัน บ่งบอกชัดว่า "พฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น" กำลังมีปัญหา
      หากแต่ปัญหาที่ว่านั้นเกิดจากอะไร จะป้องกันอย่างไร ดูจะน่าคิดกว่า
      เพราะเด็กสมัยนี้ไม่รักนวลสงวนตัวหรือ ?
      เพราะสื่อกระตุ้นให้เด็กออกนอกลู่นอกทางมากขึ้นใช่หรือไม่ ?
      หรือเพราะเด็กสมัยนี้ "ก้าวไปไกล" เกินกว่าที่ผู้ใหญ่ และวิธีการที่เคยใช้เป็นกลไกควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาจะตามทันเสียแล้ว ?
      และถ้า "กลไกควบคุมพฤติกรรมทางเพศ" ที่เคยมีอยู่ในสังคมไทยและเคย "ขลัง" เริ่มเสื่อมลงเพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นไปในปัจจุบันอีกต่อไป เราจะบอกเตือน "เด็ก ๆ" ของเราถึงเรื่อง "ส่วนตัว" ของเขาว่าอย่างไรดี ? 
      การตั้งประเด็นใด ๆ ก็ตามในทำนองที่ว่า "ผู้หญิงควรเก็บหรือไม่เก็บพรหมจรรย์" อาจดูเหมือนไม่ยุติธรรมต่อ "เธอ" ทั้งหลายเท่าไรนัก เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นนั้น เกิดจากปัจจัยที่มากกว่าตัวผู้หญิง และการที่ผู้หญิงจะเก็บหรือไม่เก็บพรหมจรรย์มากนัก
      อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ และหนักหน่วงที่สุด ก็คือตัวผู้หญิงเอง
      ในเบื้องต้นนี้ เรา อันหมายถึง พ่อแม่ ญาติมิตร ครูบาอาจารย์ ฯลฯ ควรจะบอกกล่าวแก่เด็กของเราว่าอย่างไร จะใช้กลไกการควบคุมทางเพศแบบไหน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ 
      บอกให้เด็กสาวเก็บพรหมจรรย์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน หรือจนกว่าจะใช้ชีวิคคู่แล้วจริง ๆ เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นขณะที่ยังไม่พร้อม หรือจะบอกให้เด็กของเรา ใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่อย่างระมัดระวังและเท่าทัน
      ต่อไปนี้ คือข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเพศของเด็กไทย ซึ่งโครงการ "ดูเร็กซ์ โกบัล เซ็กซ์ เซอร์เวย์ ๑๙๙๙" ได้ทำการสำรวจพฤติกรรม และทัศนคติด้านเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นอายุ ๑๖-๒๑ ปี รวมทั้งหมด ๔,๒๐๐ คน ใน ๑๔ ประเทศทั่วโลก โดยมอบหมายให้บริษัทวิจัยอิสระในแต่ละประเทศเป็นผู้เก็บข้อมูล แล้วส่งผลการสำรวจทั้งหมดนั้นให้บริษัทวิจัยอิสระกลางในกรุงลอนดอนเป็นผู้วิเคราะห์ 
      ผลปรากฏว่าวัยรุ่นไทยครองแชมป์โลกในเรื่องต่อไปนี้

      - นิยมมีคู่นอนมากกว่า ๑ คน ค่าเฉลี่ย "สูงที่สุดในโลก" คือมีร้อยละ ๕๒ (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ ร้อยละ ๓๔)
      - เริ่มเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา "ช้าที่สุดในโลก" คือเมื่ออายุ ๑๓.๕ ปี (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ ๑๒.๒ ปี)
      - มีการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเซ็กซ์ครั้งแรก "น้อยที่สุดในโลก" เพียงร้อยละ ๒๓ (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ ร้อยละ ๕๗)

      ส่วนพ่อแม่ของวัยรุ่นไทยครองแชมป์เรื่องมีบทบาทในการสอนเรื่องเพศแก่ลูก "น้อยที่สุดในโลก" คือร้อยละ ๑ เท่านั้น (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ ร้อยละ ๑๒)
      ส่วนผลสำรวจจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า
      - วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ยประมาณ ๑๔-๑๘ ปี และมีกับเพื่อนหรือคู่รักมากกว่าหญิงบริการทางเพศ
      - ในกลุ่มคนโสดมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานในอัตราเพิ่มมากขึ้น
      - เยาวชนหญิงในเขตเมืองเกือบครึ่งหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน
      - วัยรุ่นชายหญิงปัจจุบันเชื่อว่าชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานมากขึ้น
      - วัยรุ่นหญิงยอมรับแนวคิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานมากขึ้น
      - มีแนวโน้มว่าวัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุน้อยลงเรื่อย ๆ 

      อาจไม่มีคำตอบสำเร็จรูปตายตัวสำหรับการป้องกัน และแก้ปัญหาที่วางอยู่บนพื้นฐานของสภาพสังคมข้างต้น แต่อย่างน้อย "เสียง" จากสองขั้วความเห็นที่เป็นตัวแทนวัยรุ่นไทยส่วนหนึ่งนี้ คงพอบอกได้ว่า เด็ก ๆ ของเราต้องการอะไรจากสังคมและ "ผู้ใหญ่" ที่แวดล้อมเขาอยู่

ร่วมแสดงความคิดเห็น สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
คลิกที่นี่


นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ 
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข

      "ที่ผ่านมาเราเน้นแต่การรณรงค์ให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย คือให้ใช้ถุงยางอนามัย แต่ถ้าพิจารณาถึงบริบททางสังคม วัฒนธรรม และทางด้านจิตวิทยาด้วย สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ก็คือเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความรับผิดชอบ การรู้เท่าทัน และความสามารถในการควบคุมตัวเอง
      "เพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวัยรุ่นหญิง มักจะเกิดขึ้นเพราะถูกสถานการณ์บังคับ ถูกหลอกล่อ หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ สารเสพย์ติด ส่วนในวัยรุ่นชายเองมักมีเพศสัมพันธ์ โดยที่ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา ไม่ได้เป็นเพศสัมพันธ์ที่มีความรับผิดชอบ คือมีเพศสัมพันธ์ด้วยความตระหนักรู้ เกิดจากการตัดสินใจของตัวเอง จากความรักและต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กับคนนี้จริง ๆ ภายใต้สติสัมปชัญญะเต็มที่ ไม่ใช่ภายใต้อิทธิพลหรือค่านิยมหรือคำสบประมาทอย่างอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าแต่งงานหรือไม่แต่งงาน 
      "แนวโน้มของสังคมปัจจุบัน คาดว่าคนจะแต่งงานเมื่อมีอายุมากขึ้น แต่เดิมคนไทยแต่งงานอายุ ๑๘-๒๐ ปี แต่ต่อไปอาจจะแต่งงานตอนอายุ ๓๐-๔๐ ปี แต่มนุษย์มีฮอร์โมนเพศ มีความต้องการทางเพศตั้งแต่อายุ ๑๓-๑๔ ปี ดังนั้นสังคมต้องสร้างสิ่งที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกควบคุมพฤติกรรมทางเพศ ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของร่างกาย และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป 
      "ในบริบทของสังคมสมัยก่อน จะมีปัจจัยภายนอกเข้าไปควบคุมพฤติกรรมทางเพศ เช่น ความเชื่อ ประเพณี การประกอบอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับแบบแผนการใช้ชีวิต และการทำงานในยุคนั้น แต่ปัจจุบัน กลไกควบคุมพฤติกรรมทางเพศที่เป็นความเชื่อ จารีตประเพณี ไม่สอดคล้องกับบริบททางสังคมอีกต่อไป เมื่อก่อนคนที่อายุ ๑๔-๑๘ ปีเข้าสู่ระบบการทำงาน มีปัจจัยอื่น ๆ มารองรับให้มีเพศสัมพันธ์ แต่สมัยนี้ คนในวัยเท่านี้ไม่ได้เข้าสู่ระบบการทำงาน แต่เข้าสู่ระบบการศึกษา ส่วนใหญ่ยังเรียนหนังสือกันอยู่ โดยเฉพาะเด็กที่มาเรียนในเมืองจะเป็นอิสระจากพ่อแม่ ทั้งยังมีปัจจัยภายนอกที่คอยกระตุ้น ให้เกิดความรู้สึกทางเพศอยู่ตลอดเวลา เช่น สื่อต่าง ๆ การได้รับค่านิยมจากเพื่อน แต่สิ่งที่จะช่วยควบคุมพฤติกรรมทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นความรู้จากสื่อ โรงเรียน โดยเฉพาะพ่อแม่ ซึ่งควรจะมีส่วนในการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่ลูก กลับไม่ได้ทำหน้าที่เลย
      "เมื่อปัจจัยภายนอกที่ใช้ควบคุมมันไม่มี ก็เหลือแค่ปัจจัยภายใน ที่จะบอกเขาว่าเขาต้องดูแลตัวเองให้ดี นั่นก็คือปัจจัยที่จะทำให้เด็กรู้เท่าทัน เข้าใจเรื่องความต้องการทางเพศของตัวเอง สามารถที่จะควบคุมความต้องการของตัวเอง เลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่มีความรับผิดชอบได้ มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศอย่างเหมาะสม มีทักษะในการตัดสินใจและแก้ปัญหา ทักษะในการปฏิเสธ ทั้งหมดนี้เรียกว่าทักษะชีวิต
      "ความต้องการทางเพศเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่การควบคุมพฤติกรรมทางเพศ มันเป็นทักษะชีวิตที่เกิดขึ้นด้วยการเรียนรู้ สิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์ก็คือสมอง สัตว์จะมีสมองส่วนสัญชาตญาณมากกว่าส่วนคิด แต่มนุษย์ตรงกันข้าม เราสามารถพัฒนาสมองส่วนคิดให้สามารถควบคุมสมองส่วนสัญชาตญาณได้ นี่คือหัวใจสำคัญในการเรียนรู้เพื่อให้มีทักษะชีวิต
      "ปัญหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ คือโครงสร้างของสังคมเรา มันเปลี่ยนแปลงไม่ทันกับสถานการณ์ เรามีสื่อต่าง ๆ มากมายที่จะส่งข่าวสารทั้งด้านบวกและด้านลบเข้าถึงตัวเด็ก มียาเสพย์ติดซึ่งกระตุ้นให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ โดยขาดความยั้งคิดมากขึ้น แต่เรากลับขาดกลไกที่จะปกป้องเด็กจากสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้เป็นเวลาที่จะต้องทบทวนตัวเองว่า โครงสร้างทางสังคมทั้งหมด ที่จะใช้เป็นกลไกควบคุมพฤติกรรมทางเพศ การพัฒนาสมองส่วนคิดที่จะทำให้เขามีทักษะชีวิตนั้น มันทำงานหรือไม่ หากมันไม่เป็นอย่างนั้น เราก็ต้องทำให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ เสียที"



เนตรชนก ภิญโญทรัพย์
นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อ้อย
อายุ ๑๙ ปี นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง 

ส นั บ ส นุ น

คั ด ค้ า น

  • ความพร้อมที่เขาพูดกัน ท้ายที่สุดก็เชื่อว่า นั่นคือความไม่พร้อม มันเป็นแค่เหตุผลที่เขาสรรหามา เพื่อจะสนับสนุนการกระทำของตัวเอง 
  • การเก็บพรหมจรรย์ไว้ มันจะเก็บปัญหาทุกอย่าง เก็บอาการคิดมาก เก็บความตั้งใจเรียน ฯลฯ ที่ผู้ใหญ่ห้ามเรื่องนี้ ก็เพราะเขารู้ว่า มันจะมีปัญหาพ่วงตามมาอีกมากมาย
  • คนที่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็เพราะเขาเสียไปแล้ว ในวินาทีนี้ที่เราสามารถ ที่จะรักษาของเราไว้ได้ เก็บความภาคภูมิใจของเราไว้ได้ ก็จงเชื่อต่อไปว่า พรหมจรรย์เป็นสิ่งสำคัญ
  • เมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้ชีวิต แต่งงาน และทำงานอยู่ในสังคม อย่างประเทศไทย ก็อย่าเอาค่านิยมที่ได้รับจากเมืองนอก มาปนกับสังคมไทย เพราะถึงแม้เราจะอยู่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ได้ด้วยความภาคภูมิใจ
  • การที่เด็กสมัยนี้ จะเก็บ หรือไม่เก็บพรหมจรรย์ ผู้ใหญ่คิดไปเองว่า มันเป็นปัญหา แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ปัญหา เป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ใช่เรื่อง ที่จะมาแตกตื่นกันอีกต่อไป
  • การเปิดใจยอมรับเรื่องนี้ พูดกันอย่างตรงไปตรงมา จะทำให้เด็กกล้าเข้ามาปรึกษา กล้าถามเรื่องที่อยากรู้ การห้ามไม่ให้เด็ก มีอะไรกันโดยไม่ให้ข้อมูล จะสร้างปัญหามากกว่า
  • ผู้หญิงมีค่า มากกว่าเรื่องพรหมจรรย์ พรหมจรรย์เป็นแค่เรื่องทางกาย ความเป็นคนดี ขึ้นอยู่กับจิตใจ
อ่านฝ่ายสนับสนุน คลิกที่นี่
click here
อ่านฝ่ายคัดค้าน คลิกที่นี่
click here
กลับไปหน้า สารบัญ

แสดงความคิดที่ สารคดีกระดานข่าว (Sarakadee Board)


แล้วคุณล่ะ สนับสนุน หรือ คัดค้าน !

ต้องการ แสดงความคิดเห็นเพิ่ม คลิกที่นี่


แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เ พิ่ ม เ ติ ม

ชื่อ-สกุล: *
E-Mail:
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม: *
*

 

พบเห็น ข้อความไม่เหมาะสม กรุณาช่วยกันแจ้ง ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster) ขอบคุณครับ

มนุษย์เราไม่ใช่ในสมัยดึกดำบรรพ์ซึ่งอยู่กันเป็นชนเผ่า ( Primitive Society )

เพศหญิง มีสัมพันธ์กับชายหลายคน นั่นอาจเป็นเรื่องความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ที่ต้องการคนมาก ๆ เพื่อ ต่อสู้ หรือหาอาหาร

แต่ปัจจุบัน บริบท ต่างกัน
จะเอามาเทียบเคียงไม่ได้

ปัจจุบัน มนุษย์เราไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับธรรมชาติ อย่างสาหัส การพัฒนาทางจริยธรรมจึงมาแทนที่
เพื่อควบคุมสังคมซึ่งก็นับได้ว่าเป็นการพัฒนาสู่ความดีงามขึ้น

ก็มีเหตุผลอันใดเล่าที่ต้อง ร่วมเพศ กับคนหลายคน

นอกจาก " ความสนุก "

ซึ่งกลายเป็นวัฒนธรรม " กามกรีฑา " ในยุคปัจจุบันที่น่าเป็นห่วงต่อสถาบันครอบครัว

( เว้นแต่อาจด้วยความผิดพลาด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเป็นส่วนน้อย เนื่องจาก มนุษย์ต่างต้องควบคุม การกระทำของตน )

พรรมจรรย์จึงไม่ได้อยู่ที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่เป็นค่าความรู้สึกทางจิตใจ และไม่ได้จำกัดเฉพาะที่เพศหญิงเท่านั้น

การยับยั้งชั่งใจเป็นคุณสมบัติขั้นสูงของมนุษย์

ผมว่างั้นนะ

007
- Saturday, January 10, 2004 at 03:21:35 (EST)

เราควรรู้จักยับยั้งชั่งใจ รักกันจริงไม่ขึ้นอยู่กับ sex
ลันทม สังจันทร์ <lanthoms@yahoo.com>
- Thursday, December 11, 2003 at 02:57:02 (EST)

ถ้าคุณทำอย่างที่คุณอ้างว่าใครๆเขาก็ทำกัน แล้ววันที่คุณมีลูกคุณจะไม่เจ็บปวดหรือเมือลูกเรียกคุณว่า"แม่" ไม่เจ็บปวดหรือเมื่อคิดว่าถ้าลูกรู้ว่าเราผ่านชายมากี่คนก่อนจะคลอดเขา ไม่เจ็บปวดหรือเมื่อคิดไปถึงอนาคตว่าลูกคุณจะเสียตัวครั้งแรกเมื่ออายุเท่าไหร่
เด็ก ม.ธ. <surapiriya@hotmail.com>
- Friday, December 05, 2003 at 05:36:59 (EST)

การเสียพรหมจรรย์ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ที่เมือ่เสียไปแล้ว คิดอย่างไร คิดว่าตนยังมีค่าก็ยังมีค่าในตน แต่ ถ้าคิดว่าเมือ่เสียไปแล้วตนหมดค่า ทำอะไรในสิ่งที่ไร้ค่าก็ไม่ควรเสีย ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่มีพรหมจรรย์หรือไม่ มันอยู่ที่วิธีคิดของคุณ
คนยะลา
- Thursday, October 02, 2003 at 09:26:16 (EDT)


ผู้หญิงนี่แปลกนะครับ บอกว่าสังคมไม่เคารพการตัดสินใจ จะมีหรือไม่มีเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ถึงเวลา ที่ผู้ชายรับไม่ได้ ก็บอกว่าเขาใจแคบ คุณก็ไม่เคารพสิทธิการตัดสินใจของเขาเหมือนกัน

จริง ๆ แล้วจะเห็นว่าคำพูดว่า สิทธิของฉันกับคำว่าผิดพลาดไปแล้มักมาคู่กันเสมอ คนที่พูดว่าสิทธิของฉันก็จะไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องคนที่ผิดพลาด เพราะอะไร เพราะตัวเองกำลังทำสิ่งนั้นอยู่แต่ยังไม่เลิกรากันกับแฟนแล้วใช้คำว่า " ผิดพลาด " นั่นเอง

ตอนทำก็บอกว่าสิทธิขอฉันกันทุกคน เวลาผ่านไปเหลลือแต่คำว่าผิดพลาด คำว่า " สิทธิของฉัน " ก็เงียบไป

วันนึงเจอคนที่เขาดี ๆ พร้อมรับผิดชอบดูแลคุณทั้งชีวิตน่ะ ไม่เสียใจบ้างหรือไงครับ กับอดีตของตนเอง ต้องหาความสุขให้เต็มที่แล้วค่อยใช้คำว่า "
ผิดพลาด "
อย่างนั้นหรือ
เพราะอะไรถึงต้องรอให้ผิดพลาดก่อน เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นไม่พอหรือไร

สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยนะครับ ทำไม ผมถึงยังไม่เห็นมีใครยินดีกับอดีตของตนเลยสักคน เพราะอะไร นั่นก็เป็นคำตอบ ที่มีอยู่จริง และคนที่บอกว่าไม่สำคัญ พยายามจะไม่พูดถึง

พงศ์
- Friday, August 22, 2003 at 04:00:05 (EDT)

อ่านไปอ่านมางงน่ะ ตกลงว่าน้องอ้อยอยู่ฝ่ายสนับสนุน หรือว่าน้องเนตรชนกเป็นฝ่ายสนับสนุนกันแน่ ลักษณะเวบแปลกๆไม่ค่อยคุ้น เอาเป็นว่าเราสนับสนุนเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าการสูญเสียมันไปเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย น่าจะปลูกฝังให้เด็กรักนวลสงวนตัวมากกว่า หรือถ้าจะมีก็ให้มีความรับผิดชอบเพียงพอต่อผลที่จะตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์
Pakykul
- Thursday, June 26, 2003 at 05:22:04 (EDT)

สนับสนุนเต็มที่ น้องอ้อยพูดได้ดีมากๆ เห็นด้วยเพราะเราก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน มันเป็นความภูมิใจของตัวเอง และของพ่อแม่ด้วย
Pakykul
- Thursday, June 26, 2003 at 05:04:11 (EDT)

ได้รับการสั่งสอนมาแต่เด็กว่า " เก็บตัวและเก็บใจ รักษาไว้ให้ใครซักคน ให้คนที่เห็นคุณค่า ที่เขาบูชาความรักด้วยหัวใจ จงอย่าเป็นอย่างดอกกระถิน ให้เขาเด็ดกินแต่อ่อนๆ จงเป็นบัวกลีบซ้อน ให้เขาเก็บเป็นพุทธบูชา " ก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นกับพรหมจรรย์มากเกินไปหรอกนะ เพราะพรหมจรรย์ไม่ใช่สิ่งใช้วัดความดีของผู้หญิง เพียงแต่อยากจะเก็บไว้ให้กับคนที่อยากจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราจริงๆเท่านั้นเอง จึงเห็นว่าการรักนวลสงวนตัวเป็นสิ่งที่ดี เพราะเห็นว่ามีน้อยคนที่จะได้แต่งงานกับคนที่เราเซ็กส์ด้วย ดังนั้นมีเซ็กส์กับคนที่เราแต่งงานด้วยดีกว่านะ
Real Virgin Girl at 27 Years !
- Wednesday, June 11, 2003 at 02:50:35 (EDT)

จริงอยู่ที่ค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่พรหมจรรย์ แต่มันก็เป็นความภูมิใจของผู้หญิงไทยที่เราสามารถเก็บรักษามันไว้ได้ ถึงแม้ว่าผู้ชายสมัยนี้จะไม่ยึดถือเรื่องพรหมจรรย์ของผู้หญิงอีกต่อไปก็ตาม ซึ่งความจริงก็เป็นเรื่องความใจกว้างพอสมควร เพราะผู้หญิงบางคนก็ผิดพลาดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่เข้าใจว่าวัยรุ่นสมัยนี้ทำไมถึงเห็นเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมดา ประเภทฉันรักคนนี้ฉันก็ไปอยู่กับเขา แล้วพอเลิกกันไป รักคนใหม่ก็อยู่กับคนใหม่อีก จนกว่าจะเจอคนที่เขารักจริงแต่งงานด้วย ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าที่จะรักนวลสงวนตัวมากกว่า
อายุ 27 ปี เด็กต่างจังหวัดที่เรียนและทำงานในกรุงเทพ 10 ปีแล้ว
- Wednesday, June 11, 2003 at 02:33:09 (EDT)

พฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น เป็นสิ่งสังคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อสถานการณ์ ปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พฤติกรรมทางเพศนั้นมิใช่เพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์ในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงองค์ประกอบของการวางตัวทางเพศ และการมีสัมพันธภาพกับเพื่อนต่างเพศด้วย สิ่งเหล่านี้ องค์กรทางสังคมไม่ว่า ครอบครัว โรงเรียน กลุ่มเพื่อน กลุ่มอาชีพ องค์กรศาสนา หรือแม้กระทั้งสื่อมวลชน ควรร่วมกันปลูกฝัง-สั่งสอนให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร
นศ. พัฒนาสังคม นิด้า
- Saturday, June 07, 2003 at 14:17:41 (EDT)

พฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น เป็นสิ่งสังคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อสถานการณ์ ปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พฤติกรรมทางเพศนั้นมิใช่เพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์ในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงองค์ประกอบของการวางตัวทางเพศ และการมีสัมพันธภาพกับเพื่อนต่างเพศด้วย สิ่งเหล่านี้ องค์กรทางสังคมไม่ว่า ครอบครัว โรงเรียน กลุ่มเพื่อน กลุ่มอาชีพ องค์กรศาสนา หรือแม้กระทั้งสื่อมวลชน ควรร่วมกันปลูกฝัง-สั่งสอนให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร
นศ. พัฒนาสังคม นิด้า
- Saturday, June 07, 2003 at 14:13:16 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:42:06 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
สรัล มั่งทองคำ <likkodo@hotmial.com>
- Sunday, May 11, 2003 at 07:41:46 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:41:10 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:39:15 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:38:36 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:37:04 (EDT)

มันขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมันสมองของแต่ละคนมากกว่ามั้งครับ สภาพแวดล้อม-พ่อแม่ผู้ปกครองก็เช่นกันด้วยนะครับว่าแต่คนที่มีเพศสัมพันธ์นั้นจะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อย่าบอกว่ามันเป็นของคู่กันเลยนะครับระหว่างเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นน่ะ ถ้าคนๆนั้นเขามีความสนใจในด้านอื่นๆหรือได้รับความรักจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่เพื่อนหรือคนรักก็ตามเขาก็อาจจะมีเวลาที่จะสละให้สิ่งเหล่านั้นมากกว่าจะมัวมาคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์อีกนะครับ ผมไม่ได้ปฦเสธว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นสิ่งที่น่าละอายแถมมันยังเป็นสิ่งที่สวยงามด้วยฃ้ำ........แต่คนที่มีไปแล้วเนี่ยเขามีภาวะความรับผิดชอบกับผลกระทบต่างๆที่จะตามมาหรือเปล่า(ถ้าคุณเป็นผู้ที่ได้ติดตามการตอบปัญหาทางเพศทางทีวีหรือหนังสือก็ตาม)จะสังเกตว่านายแพทย์ที่ตอบคำถามส่วนมากก็ไม่ได้ปฦเสธการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันของวัยรุ่นเพียงแต่ห่วงเรื่องหลังจากนั้นที่จะตามต่างหาก ที่คุณบอกว่าไม่มีใครรักคุณ แต่แฟนคุณรักคุณคนเดียวคุณจึงยอมนอนกับเขามันก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่ลองคิดในแง่ที่ว่าถ้าคุณมีครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มีเพื่อนที่ดี มีความสนใจในกิจกรรมหลายๆอย่างเช่นกีฬา/ดนตรี หรืออะไรก็ตาม เนี่ยคุณจะได้มีเวลามานอนกับแฟนของคุณหรือเปล่า ได้หรือเปล่า? ป่านนี้คุณก็อาจจะเป็นเด็กที่เสียตัวแล้วไม่กล้าบอกใครอย่างที่คุณพูดถึงละมั้ง ผมในฐานะที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนตรงๆมีอะไรผมก็พูดกับพ่อแม่หมดไม่ปิด มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็ไม่เคยจะเห็นมีปัญหาเหล่านี้ที่ว่ามาเลย ผมไม่อายไม่พูดเรื่องเล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและไม่รักษาภาพพจน์ เพราะถือว่ามันเป็นวิทยาทาน การที่คุณบอกว่าคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนั้น เป็นคนที่ไม่เคยมีแฟน แสดงว่าคุณดูถูกคนเหล่ามากนะครับดูถูกแฟนเขาด้วย และเหมาเอาว่าทุกคนจะต้องรักษาภาพพจน์นั้นด้วย ผมขอถามหน่อยนะว่าคุณไปรู้จักพวกเขาทุกคนได้งัย หา..................คนเราแต่ละคนมันจะเหมือนกันได้ไง(ครอบครัวคุณคงไม่ได้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่คุณมากเท่าแฟนคุณมั้ง) คุณจึงรักแฟนและยอมมีเพศสัมพันธ์ไง ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่เพราะความเห็นที่คุณถ่ายทอดออกมามันป็นเชิงนี้ ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่เลวร้ายต่อสังคมแถมยังเป็นผู้ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่นด้วย ส่วนตัวก็ไมใช่คนดีอะไรนักหนาหรอก อาจจะเลวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ผมให้เกียรติผู้หญิงเสมออาจจะไม่ใช่ด้วยคำพูดที่ดีเด่อะไร แต่ผมให้เกียรติด้วยการกระทำไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเองก็ท่านั้น หวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความเห็นของคนๆหนึ่งที่รู้สึกติดใจกับคำพูดบางคำก็เท่านั้น
running
- Sunday, May 11, 2003 at 07:36:53 (EDT)

ไม่ค่อยมองว่าพรหมจรรย์เป็นเรื่องสำคัญมองถึงความดีของคนมากกว่า แต่ผู้หญิงที่เรียบร้อยมีความเป็นกุลสตรีและเป็นคนดีจะมีเครดิตดีกว่าในสายตาผู้ชายไม่ว่าจะสังคมไทยหรือสังคมฝรั่ง
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย(ใช้หัวคิด)ท้ายสุดเมื่อมีคู่ครองจะเลือกโดยใช้หลักของความเหมาะสม ในปัจจุบันและอนาคต อดีตไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญ แต่ประวัติศาสตร์ก็เป็นพื้นฐานของอนาคตอย่าลืม

สุรชัย <maiy01@hotmail.com>
- Sunday, February 02, 2003 at 00:12:07 (EST)

สังคมสมัยนี้อระไรมันเปลี่ยนไปมาความคิดของคนโดยเฉพาะวัยรุ่ยคนหนุมคนสาวการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดาแต่ต้องรู้รับผิดชอบคำว่ารู้รับผิดชอบในที่ไม่ใช้การที่จะต้องแต่งงานกันอยู่กินเป็นสามีภรรยาแต่คือการเรียนรู้ว่าทำอย่างไม่ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามที่หลังดังนั้นสังคมทั่งการคึกษาสื่อต่างๆต้องให้การเรียนรู้อย่างเปิดแผยไม่ใช้ปิดบังการเรียนรู้ถ้าเด็กมีการเรียนรู้มีเพศสำพันธือย่ารู้ผิดชอบไม่เกิดปัญหาสังคมตามมาที่หลังดังนั้นเรื่องการที่จะเก็บพรหมจรรย์ไว้มันไม่ใช้ปัญหาของหญิงสาวหรือสังคมหรอกเพราะมันไม่มีผลอระไรเลยคนที่เสียไปแล้วก็เห็นได้แต่งงานมีลูกอยู่ในสังคมอย่างมีความสูขทุกคนอย่าคิดมากนะท่านผู้ใหญ่ทั่งหลายครับ
ภากร <korn1880@thaimail.com>
- Friday, January 24, 2003 at 17:21:35 (EST)

พรหมจรรย์ คำนี้มีความมาย ทั้งสำหรับตนเองและผู้อื่น การที่คนๆ นั้น จะเก็บไว้ให้ดีมิให้สิ่งใดๆ มากล้ำกลาย ดิฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ และน่าจะเป็นความคิดที่ดีของคนๆ นั้นด้วยซ้ำ ส่วนคนที่จะต้องเสียให้ใคร คนใด หรืออีกหลายๆ คนก็จะไม่เกี่ยวกับคนอื่น แต่ถ้ามามองกันถึงคุณวุฒิ ความเหมาะสม ความสำนึกของคนๆ นั้นแล้ว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาสำหรับความไม่เหมาะสมดังปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ก็คือ ปัญหาสังคม อาทิ การทำแท้งเถื่อน เด็กถูกทอดทิ้ง ปัญหาเอดส์ ปัญหาโรคต่างๆ ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาครอบครัว ปัญหาเด็กเร่ร่อน และปัญหาอีกมากมายที่เราน่าจะรู้กันอยู่ แต่ปัญหาทั้งหมดทั้งหลายเหล่านี้เราสามารถป้องกันได้ ซึ่งคนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ใหญ่ทั้งหลายน่าจะมีการสั่งสอน โดยเริ่มต้นกันในครอบครัวก่อน มีการปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือผิดธรรมชาติแต่อย่างใดในเรื่องเพศ ลองคิดว่าเมื่อตอนวันขนาดคุณ หรือในวัยอยากรู้อยากเห็นคุณมีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้ นั่นหละก็เช่นกันกับที่วัยรุ่นสมัยนี้เค้าต้องการรับทราบ ซึ่งแต่ละครอบครัวก็น่าจะมีวิธีการที่อาจจะไม่เหมือนกันได้เพราะมันไม่ใช่สูตรที่ตายตัวกับเรื่องเหล่านี้ และอีกกรณีนึง คือ กรณีที่คนๆ นึงไม่อาจเก็บรักษาคำว่า "พรหมจรรย์" ไว้ได้แล้ว เราน่าจะต้องมาดูเป็นกรณีไปมิใชม่เหมาโหลราวบยอดกันไปซะหมดว่าวัยรุ่นทุกคนที่เสียพรหมจรรย์ไปแล้วจำเป็นคนไม่ ขอให้จำไว้ว่า จงมีสติว่าสิ่งที่คุณได้ตัดสินใจทำลงไปแล้วนั้นจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้อื่น ต่อครอบครัว ต่อสังคม และต่อประเทศชาติ เมื่อคุณไม่ทำในสิ่งที่เป็นปัญหาแล้วจงทำไปเถอะถ้าคุณคิดดีแล้ว ตัดสินใจเองได้คะไม่ใช่เรื่องที่วัยรุ่นที่มีความคิดอย่างคุณทำให้คนือ่นเดือดร้อน แต่อย่าพยายามทำตามกระแส หรือ ทำตามเพื่อนเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ตามมาเพื่อนๆ ของคุณวัยรุ่นทั้งหลายไม่ได้รับรู้และสามารถช่วยเหลือคุณได้ 100 % แน่นอน
มรกต <manee11@thaimail.com>
- Monday, December 23, 2002 at 01:44:38 (EST)

ถ้ารักษาพรหมจรรย์ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่คิดรักษา ก็ไม่เป็นไร ขอให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคติดต่อและการตั้งครรภ์

นั่นคือ ถ้าคิดจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องมีอย่างรับผิดชอบ และอย่าหมกมุ่นจนเสียการเรียน

หนุ่มโสดริมทะเล
- Friday, December 20, 2002 at 00:58:29 (EST)

มันก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบชั่วดีของแต่ละคน ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมีความคิดที่จะช่วยกันทำมาหากินและสร้างเนื้อสร้างตัวก็ดีไป แต่อย่างน้อยน่าจะให้บรรลุนิติภาวะเสียก่อน เพราะต่อมสมองก็โตพอที่จะคิดเองหาเงินเอง ไม่ต้องขอทางบ้านแล้ว เรื่องนนี้ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายหญิงมากกว่า เพราะผู้ชายสบายอยู่แล้ว ไม่ท้อง ไม่ต้องอับอาย ผู้หญิงเองก้ต้องมีศักดิ์ศรีและรู้จักที่จะป้องกันตัวเองไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาเกิดมาก่อนค่อยแก้ ช้าไป และที่สำคัญต้องรู้จักที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองไม่ไปทำลายตัวเองอีกหรือทำลายคนรอบข้าง(ที่โง่อยู่)เซ็กซ์ทำง่าย เมื่อไหร่ก็ได้กับใครก็ได้แต่ ...การเมคเลิฟน่ะมันเป็นสิ่งสวยงานสำหรับคนสองคนที่รักกัน และมันจะดีแค่ไหนที่ผู้ชายรู้ว่า เขาเป็นคนแรก ปล่อยให้เมืองไทยเป็นเมืองโสเภณีในสายตาต่างชาติไปเถอะ เพราะผู้ชายก็ต้องการปลดปล่อยแต่ผู้หญิง(ที่ดี)ก็ต้องรักนวลสงวนตัว ให้เขาไปบำบัดกับนางกลางคืนไปไม่ต้องสนใจ และมันก็ขึนอยู่กับความรู้ของเขา ว่าจะเอาตัวเองรอดได้แค่ไหน เพราะผู้หญิงไทยไม่ได้ง่ายกับเซ็กซ์ใช่ไหม????!!!
kay <dustinthewind614@hotmail.com>
- Monday, December 16, 2002 at 06:04:40 (EST)

มันก็ถูกและผิดในตัว ของทุกอย่างอยู่ที่สภาพแวดล้อมมากกว่าอย่างแก้ไข อยากพัฒนาอยากอยู่ในสังคมดีชั่วมีหรือไม่มีรักษาหรือไม่รักษาเรื่องนี้ทำหรือไม่ทำขออย่างเดียวอย่าให้เดือดร้อนต่อสังคมแค่นี้ก็น่าจะให้อภัย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนแล้วจะเอาอะไรมากมายกับสังคมนี้เราทำอะไรไม่เดือดร้อนต่อสังคม
ลาว <lav072000@yahoo.com>
- Wednesday, December 11, 2002 at 00:13:24 (EST)

มันก็ถูกและผิดในตัว ของทุกอย่างอยู่ที่สภาพแวดล้อมมากกว่าอย่างแก้ไข อยากพัฒนาอยากอยู่ในสังคมดีชั่วมีหรือไม่มีรักษาหรือไม่รักษาเรื่องนี้ทำหรือไม่ทำขออย่างเดียวอย่าให้เดือดร้อนต่อสังคมแค่นี้ก็น่าจะให้อภัย ทุฏสิ่งทุกอย่างไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนแล้วจะเอาอะไรมากมายกับสังคมนี้เราทำอะไรไม่เดือดร้อนต่อสังคม
ลาว <lav072000@yahoo.com>
- Wednesday, December 11, 2002 at 00:10:56 (EST)

ไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะอยากจะให้อนุรักษ์ค่านิยมของบรรพบุรุษไทยสมัยโบราณเอาไว้ แล้วปัญหาการผิดประเพณีจะไม่มีภาพพจน์ของวัยรุ่นไทยจะดีขึ้นมีค่ามากขึ้น ความสุขของคนไม่ได้อยู่แค่เรื่องแบบนั้น หาความสุขโดยการเที่ยวกับครอบครัว ทำให้ครอบครัวอบอุ่นจะดีกว่าเยอะ แล้วปัญหาโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์อันเป็นปัญหาใหญ่ของโลกในปัจจุบันนี้ก็จะลดน้อยลงด้วย
ชิดสุภางค์ ชำนาญ <chidsupang123@thaimail.com>
- Sunday, December 08, 2002 at 05:23:24 (EST)

หากปราศจาก การควบคุมการกระทำอันเบียดเบียน ผู้อื่น แล้วละก็ จงอย่าเอ่ยอ้าง สิทธิแห่งการกระทำอันไม่รับผิดชอบ นั้นเลย
ชลวิทย์ อัจฉริยเดชา
- Tuesday, December 03, 2002 at 01:43:25 (EST)

อยากถามทุก ๆ คน จริง ๆ ว่า

ในขณะที่ ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ก็ตาม ต่างก็ต้องการ คู่ชีวิตที่ดีด้วยกันทุกคน ( เว้นแต่ผู้นั้นจะต้องการต่างไปจากนี้ ซึ่ง เป็นพวกที่ต้องยกเว้นให้กับคำอธิบายพิเศษ )

พ่อ ต้องการแม่ที่ดีของลูก และแม่ก็ต้องการพ่อที่ดีของลูก หรือ สามีและภรรยา ต่างก็ต้องการคนที่ดีสำหรับตน

หากในขณะที่ชีวิตวัยรุ่นที่ผ่านมา คุณไปนอนกับใครมาก็ได้ร้อยพัน ถ้าคุณถือว่านั่น เป็นสิทธิของปัจเจกพึงกระทำได้ ใช่ หากพิจารณาตามนั้น

แต่ใจมนุษย์นั้น มีมโนธรรมอะไรรองรับ สิทธิ เหล่านั้น อยู่หรือไม่ ??

ผู้หญิงเพศแม่ คุณ จะนึกอดสู ละอายลูกบ้างไหมว่า ธรรมชาติกำหนดพ่อให้เขาคนเดียว แต่ เขา มี " พ่อร่วมมารดา " เดียวกันมากมาย

ผู้ชาย เคยตระหนักไหมว่า การปลดปล่อยกามารมณ์ อย่างตะกละตะกราม ไร้ความรับผิดชอบแต่ตนกลับต้องการหญิงที่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง

คนเราทำใจยอมรับกันง่าย ๆ กับสิทธิของตนโดยไม่คิดถึงผู้อื่น อย่างนั้นหรือ ?

ถ้าใช่ มันก็เป็นสิทธิ แห่งความเห็นแก่ตัวเต็มที !!

และที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ก็เป็นเรื่อง ความสัมพันธ์แบบทั่วไป ชาย กับ หญิง
เป็นเรื่องเกินกว่า " พรหมจรรย์ " ที่เราเถียงกันอยู่นี้ก็เป็นการแยกพิจารณากลุ่มความสัมพันธ์ทางเพศแบบ หญิงกับหญิง หรือ ชายกับชาย ออกไป ไม่อย่างนั้น " สิทธิ " ที่ว่านั้น ก็ จำกัดเพียงแค่ การตั้งครรภ์ หรือ ไม่ เท่านั้น ซึ่งคนกลุ่มหลัง ซึ่ง เป็นกลุ่มน้อย นี้ ก็ จะไม่ต้องรับผิดชอบ " สิทธิ " อะไร เลย เพราะ ไม่มีการเสียพรหมจรรย์ หรือ ตั้งครรภ์


การมีเพศสัมพันธ์ ที่รับผิดชอบ นั้น มนุษย์ แต่ละคน ไม่ว่าเขาจะมีเพศสภาพเป็นอย่างไรก็ตามไม่ควรกระทำอย่างที่เป็นการเบียดกันและกัน มนุษย์ ต้อง ควบคุม การกระทำของตนทุกขณะจิต คือ

ต้องเป็นเพศสัมพันธ์กับคู่สมรสที่แท้จริงเท่านั้น
ในวัยที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม
มีกายและใจที่พร้อม
โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
มิใช่เพศสัมพันธ์อันเกิดจากการควบคุมอารมณ์มิได้

ชลวิทย์ อัจฉริยเดชา
- Tuesday, December 03, 2002 at 01:39:03 (EST)

สำหรับดิฉันเห็นว่าเราไม่ควรที่จะเสียเวลาพูดเรื่องที่ผู้หญิงควรที่จะรักษาพรมจรรย์หรือไม่เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ผู้หญิงคนๆนั้นจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกเดินทางไหน การสูญเสียพรมจรรย์ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ทำไมนะหรือ หากว่าคุณอ่านวรรณคดีคุณก็จะรู้ว่านางเอกในหลายๆเรื่องก็ชิงสุกก่อนห่ามก็มีถมไป เมื่อเวลาผ่านไป เราก็ได้รับวัฒนธรรมจากตะวันตก คนก้หันไปมองว่าผู้หญิงก็กล้ามากขึ้นยอมมีอะไรกับผู้ชายง่าย แต่คุณควรที่จะคิดว่า ตัวคุณน่ะเคารพในการตัดสินใจของคนอื่นมากพอรึยัง คุณตัดสินคนที่ความบริสุทธิ์น่ะหรือ แสดงว่าความคิดของคุณน่ะยังไม่พัฒนา ถ้าพัฒนาก็คงจะน้อยมากหรือช้าไม่ทันกับสภาพสังคมที่คุณอยู่
คุณค่าของพรมจรรย์หญิงนั้นหากย้อนมองกลับไปดูก็จะเห็นว่าผู้ชายเป็นคนสร้างความสำคัญของมันขึ้นมาผู้ชายสร้างกรอบขึ้นมาเพื่อบังคับให้ผู้หญิงอย่างที่เขาเป็นแต่สำหรับตัวเขาจะไปแรดกับใครก็ได้ อยากให้คิดดูให้ดีๆว่า คุณจะแน่พอที่จะทำอะไรตามใจตัวเองรึยัง คุณรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณกระทำได้ไหมเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา

คนช่างคิด <sasirada33@hotmail.com>
- Monday, November 18, 2002 at 01:05:48 (EST)

อันที่จริงแล้ว ความคิดของดิฉันจะอยู่กึ่งๆนะคะ คือเรื่องส่วนตัวถึงขนาดนี้รัฐบาลจะเอามาพูดกันทำไมให้เสียปาก ชีวิตของใครคือของของคนนั้น เขาจะไปเละเทะที่ไหนกับใคร ถ้าไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ก็น่าจะพอได้แล้ว เซ็กส์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต การยกมันขึ้นเป็นปัญหาใหญ่แสดงว่าคุณหมกมุ่น หรือมิฉะนั้นก็กำลังเบี่ยงเบนประเด็นอะไรบางอย่าง(ใช่พรบ.แพทย์รึเปล่าเอ่ย คุณสุดารัตน์?)
ชนกานต์ ชัชวาลา
- Friday, November 15, 2002 at 08:14:45 (EST)

ขอให้เพื่อนๆที่พลาดไปแล้วทุกคนคิดว่า เราต้องทำตัวให้ดีไม่ให้พลาดอีกเพราะจะดีจะชั่วตัวเราที่รู้ เราเสียใจแต่คงกลับไปแก้อะไรไม่ได้ ก็ขอให้อย่าพลาดอีก
รักตัวเองมากๆๆ ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่ไม่ใช่ต้องจบลงด้วย sex เสมอไป จำไว้นะ หนักแน่นและอย่าหลงผิดอีก



กานต์ <kajieb@chiyo.com>
- Sunday, November 10, 2002 at 01:27:12 (EST)

ก็ยอมรับอยู่นะว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง สาม...แต่ก็แล้วแต่บุคคลแต่อย่าให้หลงมาก มีอะไรให้ทำมากมายนัก การมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องรู้จักป้องกันเอาไว้...แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีปํญหา...หนักใจแทนพ่อและแม่จริงๆ
พักใจ
- Thursday, November 07, 2002 at 00:55:12 (EST)

sex มันหยุดไม่ได้หรอก พรมจรรย์ก็หยุดไม่ได้ ใครบ้างที่ไม่อยากเรียนรู้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ควรกระทำได้ เพราะระบบการทำงานของร่างกายมันเป็นสิ่งเกื้อหนุนตามทฤษฎีธรรมชาติ คุณเกิดมาก็ด้วยทฤษฎีธรรมชาติอยู่แล้วคุณจะมาคัดค้านตัวเองหรือ หรือว่าคุณเกิดมาจากรูดิน สิ่งหนึ่งที่ควรระวังหรือป้องกันของเด็กที่ยังไม่รู้นิติภาวะ ตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ใหญ่เป็นผู้กำหนดสื่อ ผู้ใหญ่เป็นผู้ทำสภาพแวดล้อมที่เลวขึ้นเพียงเพื่อจะสูบเลือดเด็กที่ต้องแบเงินขอเงินพ่อแม่อยู่ หลังจากที่เด็กเดินเข้าไปโลกของกิเลสและอบายมุข การแบมือขอเงินบุพการีก็คงจะไม่พอ สิ่งที่หาได้ง่ายที่สุดในยามที่เขาหลงไปในโลกอบายมุขแล้ว มันอยู่ใกล้ตัวเขาเหลือเกิน สิ่งที่ผู้ใหญ่คาดหวังกับเด็กมากเกินไป แต่ผู้ใหญ่ไม่ได้ทำตัวอย่างให้กับเด็กดูเลย ทุกวันนี้เรากำลังอยู่ในโลกตะวันตกวัฒนธรรมตะวันตก เพียงแต่ร่างกายเป็นไทยเท่านั้นเอง อินเตอร์เน็ตที่ออกความคิดเห็นอยู่นี้มันก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นเรื่องวิวัฒนาการของเทคโนโลยี สังคมไทยวันนี้มองดูง่ายๆ มองดูที่ TV บ้านเราข่าวต่างประเทศก็นำเสนอน้อยหวังแต่เอาเรททิ่งของละครน้ำเน่าสรรหาคำหยาบคายมาด่ากัน ก็ผู้ใหญ่ทั้งเป็นผู้กำหนด แทนที่จะข่าวเหตุการณ์บ้านเมือง ให้ประชนออกความคิดเห็น เด็กกลับบ้านก็ต้องมาดูTVพร้อมครอบครัวผู้ใหญ่ดูละครเด็กก็ต้องดูตาม เพราะฉะนั้นสื่อสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศและปลูกฝังเยาวชน ว่าไปแล้วสื่อนั้นทั้งสร้างและทำลาย.......
โจ้ สนามบินน้ำ
- Wednesday, November 06, 2002 at 03:04:18 (EST)

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อ ในอุดมคติฯและไม่เคยมีมาเลย จนเรียนจบระดับอุดมศึกษา แล้วเริ่มเที่ยว(เพราะคิดว่ามีเงินเป็นของตัวเอง)พอมีประสบการณ์ ก็รู้สึกว่า มันไม่ได้เป็นความสุขเลย มันมีความทุกข์มากมาย ก็คิดว่า เราไม่ได้เกิดมา กับสิ่งเหล่านี้
kui
- Monday, November 04, 2002 at 14:29:37 (EST)

การที่จะมีพรหมจรรย์หรือเปล่า ไม่ได้เป็นข้อตัดสิน ความดีของคน แต่ผมคิดว่า ความรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัวต่างหากที่สำคัญเมื่อเสียไป สำหรับในสังคมไทย ที่เริ่มมีการเปิดกว้าง สำหรับเรื่องsexมากขึ้น วัยรุ่นมีค่านิยม ที่มีsexกันเร็ว sexหนะมีกันได้แต่ผมมองเห็นว่าปัญหาที่ตามมา ในเมื่อวัยรุ่นส่วนใหญ่ยังไม่มีความสามารถในการที่จะรับผลที่ตามมา ต่างๆเช่นการตั้งครรภ์ ซี่งเป็นปัญหามากกว่าที่บางคนเห็นเพียงว่าพรหมจรรย์สำคัญ

กรองพล <ruansri@chaiyo.com>
- Monday, November 04, 2002 at 13:12:11 (EST)

ได้อ่านบทความข้างบนแล้ว ต้องขอแสดงความเห็นด้วยว่าอยากให้เด็กวัยรุ่นหญิงไทยได้อ่านและเลือกที่จะมีทัศนคติที่ถูกต้องในการรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ ขอย้ำว่าไม่ใช่หัวโบราณหรือหัวเก่าใด ๆ เพียงแต่อยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความภูมิใจในตัวเอง พรหมจรรย์ถ้าไม่มีไม่ได้หมายความว่าต้องตายแน่ ๆ ถ้าผู้ชายเขารู้ เพียงแต่มันคือความงดงามของผู้หญิงต่างหากล่ะ ถ้าหากรักษาเอาไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาอันควรมันจะมีค่ามาก ๆ เชียวแหละ ขอบคุณค่ะ
ณทรา ฤทธิ์เนติกุล <zuzannea@yahoo.com>
- Monday, November 04, 2002 at 04:54:34 (EST)

ผมคิดว่าสำคัญมากสำหรับการรักงวนสวงนตัว เก็บสิ่ง
ที่ดีที่สุดไว้ให้คนที่เรารัก และเรารักเขาเพราะการที่เสีย
ไปแล้วมิใช่จะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งการที่เราเสียไปแล้วหากไม่การป้องกันที่ดี ก็จะสร้างปัญหาให้กับสังคมได้ หรือ หากคุณจะอ้างได้ว่าคุณป้องกันเป็นอย่างดีแล้วก็ตามคุณก็ไม่ต่างไปจาก ขอโทษด้วยนะครับที่ผมได้ใช้คำรุณแรง (คุณตัว) ที่พอรักคนนี้เราก็ยกตัวเราให้กับคนนี้ แล้วพอ ไปรักอีกคนหนึ่งก็ยกตัวเราให้กับอีกคนหนึ่ง เราเป็นมนุษย์ เรามีสมองมากกว่าสัตว์ พวกท่านๆ ทั้งหลายจงคิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไรลงไป เพราะทำไปแล้วนั้นเราเรียกคืนกลับมามิได้...................

nut <nut35@mweb.co.th>
- Sunday, November 03, 2002 at 05:10:51 (EST)

ทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน มีสติกับการกระทำ และรับผิดชอบกับการกระทำนั้นๆนั่นแหละสำคัญ.....ปัญหาจริงๆก็คือครอบครัวผลักภาระการดูแล การให้ความรู้ให้กับสถานศึกษา ตัวเองมีหน้าที่ผลิตลูก หาเงินแล้วผลักไปให้โรงเรียนที่คิดว่าดี เดี๋ยวส่งไปเรียนเปียโน ส่งไปเรียนพิเศษ เพิ่มความสามรถพิเศษด้านต่างๆให้ อัดกันเข้าไป ได้แต่ความรู้ แล้วเค้าก็จะห่างครอบครัวออกไปเรื่อยๆ ความเข้าใจ ความสนิทสนมระหว่างกันก็น้อยลงทุกที ปัญหามันก็เลยมากมี ทบทวี ไม่ชอบเลยโรงเรียน! แทนที่ความรู้จะถูกถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกพร้อมกับความเข้าใจ แล้วยังสร้างภาระเรื่องค่าเล่าเรียน ค่าเดินทาง ค่าหอ พ่อแม่เอาเวลาไปหาเงินก็แทบไม่มีเวลาจะคุยกับลูกๆแล้ว แย่ชะมัด
ป้อ <pophotharam@yahoo.com>
- Saturday, November 02, 2002 at 00:25:12 (EST)

อดีตวัยรุ่นที่ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว สารภาพว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุ15กับแฟนหนุ่ม และแน่นอนกับแฟนคนต่อๆมา และต่อๆมา เบื้องหน้าเธอคือหญิงสาวผู้มีความประพฤติดีงามเฉลียวฉลาดการงานดีเด่นประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้าน แต่เบื้องหลังแหลกเหลวแทบเอาชีวิตไม่รอด สกปรกมืดมนยิ่งกว่าสีดำ ทำแท้งมานับครั้งไม่ถ้วน เธอฝันร้ายกับปาบที่ก่อแต่ก็โง่เง่าให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีความภูมิใจที่แท้จริงกับความสำเร็จในชีวิต เพราะทุกวันนีเธอไม่ได้เป็นที่ต้องการของผู้ชายคนใดเลย เธอและลูกในท้องเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่พวกมันไม่ต้องการ ปัญหาแบบนี้เกิดจากความไม่รักนวลสงวนตัวของเธอเอง
อย่าเลย...อย่าได้แต่พร่ำสอนเพศหญิงให้รักนวลสงวนตัวเลย สอนเด็กผู้ชายบ้างได้ไหม....คงยากจนเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ สิ้นหวังแล้วล่ะกับเรื่องนี้ ใครมีลูกสาวก็ขอภาวนาเอาใจช่วยให้คุณได้ลูกสาวที่ฉลาดรักตัวเองเป็นไม่โง่ยอมเป็นเหยื่อผู้ชาย

วรรณพฤกษา
- Friday, November 01, 2002 at 11:33:27 (EST)

ส่วนผม ผมคัดค้านแน่นอนเพราะนี้มันสมัยใหม่เเล้ว
มันเอามาเบรียบไม่ใด้หรอก ความดีเเล้จิตใจคนต่างหากที่วัดกันใด้

pharadorn <dam85@web.de>
- Friday, October 25, 2002 at 17:19:32 (EDT)

ผมคิดว่าอยากให้พ่อแม่แนะนำในสิ่งที่ดีกับลูกปลูกฝังให้ด้วยสิ่งไหนควรไม่ควรและปัญหาสังคมปัจจุบันมีมากมายเนรื่องการเงินทำให้นักศึกษามีโอกาสที่จะหลงทางและพฤติกรรมเรียนแบบต่างๆคานิยมผิดๆ
วรวิทย์ นาดี <warnadee.hunsa.com>
- Wednesday, October 23, 2002 at 00:21:46 (EDT)

วัยรุ่นไทยในปัจจุบันได้รับค่านิยมที่ผิด ๆ จากตะวันตกมาก อันเนื่องมาจากวัฒนธรรมไทยที่อ่อนแอ และการขาดจุดยืนของตนเองในหมู่เยาวชน นักศึกษาบางคนจึงเป็นคนไทยกลายพันธุ์ จะเป็นฝรั่งก็ไม่ใช่ คนไทยก็ไม่เชิง ไร้กิริยามารยาท มิใช่เพราะเป็นคนเลว แต่พวกเขาขาดคนอบรมให้รู้ระเบียบสังคม ครูอาจารย์บางคนในสถาบันอุดมศึกษาก็ไม่ใส่ใจสั่งสอนศิษย์ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนต้องใส่ใจหากมีความปรารถนาจะรักษาสังคมไทยและวัฒนธรรมอันดีของเราไว้
อนุชาติ บุนนาค <anuchartbunnag@yahoo.com>
- Tuesday, October 22, 2002 at 23:12:05 (EDT)

--------------------------------------
มติชน 17 ตุลาคม พ.ศ. 2545

...ชี้ธุรกิจครอบงำการเมือง

ขณะที่ นางผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ENRON,คอร์รัปชั่น และความบกพร่องที่สุจริต ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีบทบาทในการเปลี่ยนโฉมระบบการเมืองไทย พรรคไทยรักไทยแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการการควบอำนาจ ระหว่างนักธุรกิจขนาดใหญ่กับนักการเมือง แม้ว่านักธุรกิจจะครอบงำการเมืองไทยมานานแล้ว แต่ส่วนมากเป็นนักธุรกิจภูธรที่มีความมั่งคั่งระดับปานกลาง เมื่อเทียบกันแล้ว พบว่าใจกลางของรัฐบาลปัจจุบัน คือกลุ่มนักธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่ของกรุงเทพฯที่รอดพ้นชะตากรรมของวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540

"พ.ต.ท.ทักษิณเอง เป็นผู้ประกอบการปัจเจกบุคคลที่มั่งคั่งที่สุด ซีพี(เครือเจริญโภคภัณฑ์) เป็นบรรษัทขนาดใหญ่ที่ใครๆ รู้จักชื่อเสียงดี ตระกูลมาลีนนท์ เมื่อปี 2543 เป็นครอบครัวที่มีหุ้นมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย กลุ่มธุรกิจของบริษัทบีอีซีเวิร์ลด์และบริษัทแกรมมี่ เป็นสองบริษัทในกิจการบันเทิงที่ใหญ่มาก กลุ่มซัมมิทของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมไทยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนกิจการรับเหมาก่อสร้างอีกหลายกลุ่ม ธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยขณะนี้ควบคุมการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง" นางผาสุก กล่าว

อัดนโยบายเอื้อ 3 ธุรกิจหลัก

นางผาสุกกล่าวว่า นักธุรกิจขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพรรคไทยรักไทยล้วนเป็นธุรกิจที่พึ่งตลาดภายในประเทศ ไม่ใช่ธุรกิจส่งออก และยังใช้เทคโนโลยีและปัจจัยการผลิตที่ต้องนำเข้าในอัตราสูง ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อการวางนโยบายเศรษฐกิจหรืออัตราแลกเปลี่ยน ที่มุ่งสู่การขยายตัวภายในระยะสั้น และเสี่ยงต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำ

นางผาสุกกล่าวต่อว่า โครงสร้างดังกล่าวส่งผลให้การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นนโยบายที่เอื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ซึ่งมีธุรกิจหลัก 3 ประเภทคือ ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมาตรการต่างๆ ที่ออกมาให้ประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจค่อนข้างสั้น ไม่ยั่งยืนในระยะยาว ในภาวะที่ปัจจัยภายนอกมีความเสี่ยงสูง ต้องช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในด้วยการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรในประเทศ และลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

นางผาสุก ยังกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากการครอบงำของกลุ่มธุรกิจว่า มีผลต่อการพัฒนาการเมืองอย่างมาก เพราะมีลางบอกเหตุว่ารัฐบาลพยายามลดต้นทุนของการคอร์รัปชั่นด้วยวิธีต่างๆ ที่ไม่ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย เช่น ความพยายามควบคุมสื่อ การแทรกแซงกระบวนการปฏิรูประบบสื่อความพยายามลดความน่าเชื่อถือขององค์กรปราบปรามคอร์รัปชั่น เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

รบ.คอร์รัปชั่นนโยบายแก้ยาก

"กรอบการเมืองไทยตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปิดกั้นพรรคการเมืองขนาดเล็ก เพราะผู้เขียนกฎหมายมุ่งให้เกิดระบบสองพรรคใหญ่ ทั้งที่ไม่เหมาะกับประเทศ เพราะจะนำไปสู่การรวบอำนาจ ไม่มีการแข่งขัน นำไปสู่การผูกขาดทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ในอดีตนักธุรกิจที่เข้ามาเล่นการเมือง ไม่สามารถครอบงำการเมืองได้เต็มที่ เพราะยังมีพรรคการเมืองเล็กๆ น้อยๆ คานอำนาจ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว โดยพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคที่มีเงินหนา สามารถดูดพรรคเล็กพรรคน้อยเข้าไปอยู่ในอาณัติ ฝ่ายค้านเองก็มีปัญหา" นางผาสุกกล่าว

นางผาสุกกล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ถือเป็นสัญญาณที่จะนำไปสู่การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายที่แก้ปัญหายาก ซึ่งการกำหนดนโยบายต่างๆ จะกลายเป็นเนื้อเดียวกับความต้องการของนักธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้จะมีกระบวนการทางสภา แต่กลุ่มคนเหล่านี้คือเสียงข้างมากในสภาที่กระบวนการแก้กฎหมาย องค์กรประชาชน นักวิชาการและองค์กรอิสระในสังคมต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น เกิดความละอายที่จะกระทำ

"หาก พ.ต.ท.ทักษิณ อาจรู้สึกว่าสิ่งที่ดิฉันพูดไม่แฟร์ หากเป็นเช่นนั้นต้องขออภัย เพราะพยายามวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ แต่หากวิเคราะห์ผิดพลาดไปก็เป็นความบกพร่องโดยสุจริต" นางผาสุก กล่าว

แด่ " คนรุ่นใหม่ ผู้ไม่สนใจการเมือง "


WDI!
- Saturday, October 19, 2002 at 08:07:48 (EDT)

สนับสนุนไม่ใช่เพราะเหตุเรื่องเก็บรักษาพรหมจรรย์ไว้หรือไม่... แต่อยากให้ทุกคนมีเซ็กส์ที่รับผิดชอบมากกว่า... ไม่ใช่เพื่อความสนุกเพียงครั้งคราวเท่านั้น
ผู้ชายควรให้เกียรติผู้หญิง... มิใช่หวังเพียงหลอกฟัน
ผู้หญิงก็ต้องรู้เท่าทัน...
ทุกคน(ทั้งชายและหญิง) ไม่ควรมองเซ็กส์เป็นเครื่องเล่น หาความสนุก... ชีวิตของมนุษย์ควรทำอะไรที่มีค่า มีความหมายกว่านี้
สุดท้าย... ขอย้ำว่าควรมีเซ็กส์อย่างมีความรับผิดชอบ

kong <pp_online@jdmail.com>
- Thursday, October 17, 2002 at 01:26:35 (EDT)

ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป
ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย
หากคุณคิดว่าคุณสามารถรับผิดชอบ
กับการมีเพศสัมพันธ์ได้...มันก็เป็นสิทธิส่วนตัว
แต่ถ้าทำลงไปแล้ว..คุณไม่สามารถรับผิดชอบกับชีวิตของคุณในอนาคตได้...ก็เลิกดีกว่า!!!

bantatei <bantatei@hotmail.com>
- Monday, October 14, 2002 at 11:00:01 (EDT)

เก็บ หรือ ไม่เก็บเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ และก็ไม่เห็นจะเสียหาย หรือลำบากใครๆ มาข้องเกี่ยว และก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครๆ ว่าฉันยังเก็บหรือไม่เก็บไว้
Breezy
- Saturday, October 12, 2002 at 09:43:51 (EDT)

ถึงใครจะว่าไม่ทันสมัย ก็ยอม เพราะถ้าทันสมัยในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่เอาดีกว่า คนเรามีความคิดทุกคน และรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดีไม่ควรทำ ทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก อย่าเอาเหตุผลจอมปลอมมาอ้างเพื่อทำในสิ่งที่ดี ให้เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ระชา <pee_racha@hotmail.com>
- Thursday, October 10, 2002 at 22:58:43 (EDT)

ห้ามเด็กอายุตำกว่า 18 ปี เข้า ผมคิดว่าประโยคนี้มันเหมือนกับการทำให้เด็กอยากรู้อยากลอง ผมว่ามันเป็นนิสัยของคนทั่วโลก เช่น ถ้าบอกอย่าไปที่ตรงนั้นมีงู ผมว่า ร้อยละ 60 ต้องเดินไปดู เหมือนกับที่สังคมบอกวัยรุ่นว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเรียนเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม ผมว่าเหมือนยิ่งยุเหมือนราดนำมันลงไฟ
ประยงค์ ม่วงสาย <pm@.co.th//>
- Thursday, October 10, 2002 at 03:47:57 (EDT)

ที่แสดงความเห็นมานี้ ไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านค่ะ แต่จะเล่าสิ่งเป็นจริงที่เจอมาให้ท่านๆที่เป็ฯวัยรุ่น วัยใกล้รุ่น หรือวัยเลยรุ่น แต่ยังมี sex โดยไม่ได้คิดว่า "สิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ" "ผลพวงจากการกระทำของคุณเอง" คืออะไร

ดิฉันทำงานในโรงพยาบาลค่ะ มีเรื่องผู้ป่วย 2 รายจะเล่าให้ฟัง แม้จะเป็น 2 ในหลายๆรายที่เราเจออยู่เรื่อยๆนะคะ เผื่อจะช่วยให้ท่านๆคิดมากขึ้น ไม่ใช่คิดว่า "เป็นสิทธิส่วนตัวที่ท่านจะไปนอนกับใครก็ได้" ทำไมต้องมายุ่งด้วย

รายแรกเป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี มาด้วยตกเลือดจากการไปทำแท้งเถื่อนมา คนที่พาไปทำ คือ พ่อ-แม่เด็กเอง บอกว่า ยังไม่ต้องการให้ลูกหมดอนาคต ผป.รายนี้ ตกเลือดหนัก หากมาช้าอีกนิด อาจจะเสียชีวิต หรืออาจต้องตัดมดลูกทิ้ง ดิฉันคุยกับแม่เด็ก เข้าใจว้าทำไมแม่ต้องทำเช่นนั้น แต่นั่น ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหา ใช่มั้ยคะ ที่สำคัญเด็กบอกว่า เคยบอกผู้ชายว่าท้อง ผู้ชายห้ามบอกใคร แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร


อีกราย รายนี้หนักหนาสาหัสกว่าค่ะ ด้วยวัยเพียง 20 ปี เธอไม่พร้อมจะมีท้องต่อไป เธอไปทำแท้งเถื่อน ต้องบอกว่ากรณีนี้เถื่อนจริง เพราะมีการรีด บีบเค้น ตอนนี้แพทย์สงสัยว่าเธออาจมีอวัยวะอื่นในช่องท้องฉีกขาดด้วย มีการตกเลือดในช่องท้อง ยังอยู่ระหว่างการรักษา อาจต้องมีการตัดอวัยวะภายในบางอย่าง

ที่เล่ามาเป็นเพียงปัญหาทางร่างกายที่เกิดจากการที่เขามีเพศสัมพันธ์ที่ไม่พร้อม ไม่ได้คิดถึงความรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้น ใช่หรือไม่ แล้วไหนจะมีปัญหาทางจิตใจ ทางสังคมอีก เช่น การมีเด็กเกิดมา แล้วคนเป็นพ่อ-แม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เด็กจรจัด เด็กขอทาน เด็กขายยาบ้า ฯลฯ ที่มีอยู่มากมายวันนี้ เป็นผลพวงจากใคร เด็กเองอยากเกิดมาเพื่อเป็นเช่นนั้นหรือ??

อยากบอกว่า เวลาคิด ขอให้คิดให้รอบด้าน อย่าคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ถ้าคุณสามารถรับผิดชอบได้ คงไม่มีใครห้ามหรือขอให้คุณเก็บอะไรของคุณเพื่อใครค่ะ และเห็นด้วยว่าที่บอกว่าเก็บพรหมจรรย์ในที่นี้ คงไม่ใช่เรื่องของเนื้อเยื่อบางๆส่วนนั้นเท่านั้น อีกประเด็นที่พอช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ก้คงฝากผู้ใหญ่เรื่องการสอนเพศศึกษานะคะ คงต้องรีบช่วยกันค่ะ

Piyarat <sipiyara@atree.psu.ac.th>
- Thursday, October 10, 2002 at 02:34:34 (EDT)

ในวัยเรียนแล้วยังหาเลี้ยงชีพตัวเองไม่ได้
เสือกทำให้คนนั้นมีลูกในขณะเรียน
แล้วไง ภาระการเรียนก็ต้องถูกรบกวน
โดยการต้องมาเลี้ยงดูลูกเพิ่มขึ้นมาอีก
ไอ้ที่อ้างว่าคนสมัยก่อนอายุ ประมาณ 17-18แต่ง
งานแล้วมีลูกได้นั้นน่ะ เป็นเพราะสมัยนั้นการ
ศึกษาในประเทศยังด้อยอยู่ แล้วยังหาเลี้ยงชีพ
ด้วยการเกษตรทำไร่ทำนา และก็เลี้ยงควายไง
ถึงอยู่รอดมาได้ก็เพราะแบบนี้ไง แต่ถามว่าอยาก
เลี้ยงควายแบบสมัยก่อนหรือ เคยไหมที่พ่อแม่
หรือครูบาอาจารย์ บอกว่า ถ้าขี้เกียจมากๆก็ไป
เลี้ยงควายซ่ะ ก็ไม่อดตายไง แต่อยากจะถามว่า
มันลำบากหรือเปล่าที่จะทำอาชีพเลี้ยงควายน่ะ?

ดังนั้นถ้าคิดจะมีลูกในขณะที่เรียนหนังสือกันอยู่
ก็ต้องหางานเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง ขึ้นมาใหม่
อาชีพอะไรเหรอ ขายตัวไง สิ้นคิดอีกแล้วใช่ไหม
ยังไม่ได้จบมามีงานทำ เสือกอยากเป็นสามี
ภรรยาลับๆ พอลูกๆโตขึ้นมาก็เอาอย่างพ่อแม่ที่
ทำมาบ้างแล้ว ก็อย่าเสือกห้ามลูกตัวเองหล่ะกัน

ปล. อย่างว่าหล่ะน่ะความคิดของคนที่ Ent' ไม่ติดมัน
จะเป็นกระหรี่อยู่เสมอๆ

คัดค้านความคิดที่อยากเป็นผัวเมียในวัยเรียน <จำเป็นต้องระบุหรือ>
- Monday, October 07, 2002 at 01:19:42 (EDT)

ผมเป็นเด็กอายุ15ปี
ผมเข้าใจว่าพรหมจรรย์เป็นเยื่อบางๆในอวัยวะเพศหญิง ที่มีการฉีกขาดเมื่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
โรงเรียนสอนมาเท่านี้
นักเรียนหญิงในโรงเรียนผมหลายคนชอบทำตัวแบบปล่อยตัว ไม่สนใจที่จะรักสงวนตัว "มันทำเราแล้วมันก็เอาออกคืนไม่ใช่คาไว้สักหน่อย" ผมได้ยินจากนักเรียนคนหนึ่ง
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่นอน
นักเรียนหญิงเกินร้อยละ90ที่ไม่สนใจที่จะสงวนตัว ต้องเสียอนาคต ท้อง ถูกโรงเรียนจับได้ ลาออกไปแต่งงาน ซึ่งในกรณีหลังสุดนั้นไม่มากนักเพราะผู้ชายจะปฏิเสธในทำนองที่ว่า"เค้ายอมผมเอง" แล้วผู้หญิงเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร?
นี่มันเรื่องอะไรกันครับ สำหรับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า"คนรุ่นใหม่" ผมไม่อยากเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่มีความภูมิใจ เพราะ"เด็กรุ่นใหม่"จะมีภาพแบบนี้ติดตัวทุกคน "ไม่เคารพผู้ใหญ่ รักอิสระ รู้สิทธิแต่กลับไม่รู้หน้าที่"รวมถึงเรื่องที่กล่าวไปแล้ว
ในความคิดของผม พรหมจรรย์ไม่ใช่ของผู้หญิงเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะรักษาด้วย "การขึ้นครู" ที่ผมเคยได้ยินมา มันไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือน่าภูมิใจเลยสำหรับผู้ชาย
สรุปแล้วผมก็เห็นว่าพรหมจรรย์ยังไงก็เป็นสิ่งที่ควรเก็บไว้จนกว่าจะแต่งงาน หรือมีวุฒิภาวะพร้อมแล้ว การร่วมเพศกันไม่ใช่การศึกษาของวัยรุ่นหนุ่มสาวนะครับ แต่ต้องมีด้วยความรัก และทั้งสองฝ่ายที่รักกันก็ต้องมีความสามารถที่จะรับผลพวงที่จะตามมาจากสิ่งที่ทำไปได้ไม่ใช่ พอมีปัญหาก็ทิ้งกัน โทษนู่นโทษนี่
สำหรับคนที่คิดว่าค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่พรหมจรรย์อยู่ที่จิตใจนั้น ผมก็ว่าถูก แต่นั่นก็หมายคิดว่าความว่าการเก็บรักษาพรหมจรรย์ของผู้ชายก็ไม่จำเป็นเช่นกัน เราจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยได้ ไม่ต้องซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง

แล้วคนที่ไม่สนใจเรื่องพรหมจรรย์ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่จิตใจดีหรือครับ ??

ในความคิดของเด็กน้อย <..>
- Sunday, October 06, 2002 at 09:15:39 (EDT)

เห็นด้วยกับคุณหมอยงยุทธ ที่ว่า"สังคมเปลี่ยนไปปัจจุบัน กลไกควบคุมพฤติกรรมทางเพศที่เป็นความเชื่อ จารีตประเพณี ไม่สอดคล้องกับบริบททางสังคมอีกต่อไป" ในอดีตผู้หญิงอายุ 16 ปีก็แต่งงานแล้วและเป็นการแต่งที่เกิดจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ จะได้เจอะเจอผู้ชายก็ในโอกาสเวลาที่มีงานประเพณีต่างๆ ซึ่งยุคสมัยผ่านไปสังคมไทยก็ผ่านยุคของการคลุมถุงชน ผู้หญิงก็ได้มีโอกาสได้รู้หนังสือจากที่ได้เรียนรู้แต่งานบ้านงานเรือน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงภาคภูมิใจในระดับหนึ่ง จนปัจุบันผู้หญิงไทยไม่ได้แต่งงานออกเรือนก่อนอายุ 20 อีกต่อไป(ถ้าสมัยก่อนจะถูกมองว่าขายไม่ออก) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้หญิงไทยต่างภาคภูมิใจ
เสียดายที่ท่าน ส.ส. ซึ่งเป็นผู้หญิงท่านหนึ่งกำลังแก้ไขปัญหาด้วยการทำลายสิ่งที่เป็นอยู่ โดยจะทำให้ผู้หญิงไทยต้องกลับไปเป็นช้างเท้าหลังเหมือนเดิม
ผู้ชายกับผู้หญิงก็คนเหมือนกัน ต่างกันแค่ร่างกายตรงอวัยวะเพศแค่นั้น ความรู้สึกทางเพศก็มีพร้อมๆ กัน เหมือนๆ กัน เป็นนักศึกษาอยู่แล้วมีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่สิ่งที่ผิดธรรมชาติอะไร ทำไมไม่มองในด้านฝ่ายชายบ้าง การมีเพศสัมพันธ์มันต้องประกอบด้วยฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง อยากให้สิทธิสตรีเท่าเทียมกับชาย ก็ต้องเริ่มจากศักดิ์ศรีก่อนครับ ถ้ายัง(ย้อนกลับไป)คิดถึงเรื่องพรหมจรรย์อยู่ ผู้หญิงก็ยังกดตัวเองอยู่ต่อไป
ผู้ชายก็จะยังภูมิใจต่อไป ที่ได้ขึ้นครู มีบ้านน้อย ได้แต่งงานกับหญิงพรหมจรรย์ ได้ฟันหญิงไม่ต้องจ่ายออฟ
ผมไม่ได้ต้องการให้ผู้หญิงมั่วเซ็กส์นะครับ แต่อยากเห็นค่านิยมของสังคมไทยเปลี่ยนไป เพราะเรื่องแบบนี้ฝรั่งเค้าคิดต่างและคิดห่างเราเป็น สิบๆ ปี ไม่ใช่ว่าจะยกย่องว่าเค้าดีวิเศษ แต่ศักดิ์ศรีมันต่างกันเยอะจริงๆ ถ้าแต่งงานกันแล้วคุณไปมีหญิงอื่นก็หย่ากัน ไม่มีมาบ้านเล็กบ้านใหญ่ ออกเดทกินข้าวกันถ้าพึงใจกันก็มีเซ็กส์กัน แต่หญิงไทยถ้าคุณยังไม่ได้แต่งงานคุณมีเซ็กส์กับใครคุณก็กลายเป็นสำส่อน แพศยา แม้คุณจะเป็นผู้ใหญ่ 30กว่าแล้วก็ตาม วัยรุ่นฝรั่งเค้ามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ เช่นงานพร้อมท์ เค้าไม่มาคิดว่าโดนฟันหรือว่าฉันเสียตัว ท่าน ส.ส.หญิงของเรา ท่านอยากให้ผู้ชายไทยเวลาที่แต่งงานแล้วมีความภูมิใจที่ได้สินค้าใหม่แกะกล่อง ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน แต่ฝ่ายหญิงต้องภาคภูมิใจที่ได้ใช้ของที่ผ่านการ QC มาแล้วว่าใช้งานได้จริง บางชิ้นอาจผ่านคลินิครักษาโรคหนองในมาแล้วสัก 3 ครั้ง ยิ่งเหมือนใบรับรอง(certificate)
การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในปัจจุบัน ผมมองว่าปัญหามันอยู่ที่ความรู้เท่าทันของผู้หญิง ความเห็นแก่ตัวของฝ่ายชาย ถ้าเป็นความเป็นความยินดีทั้งสองฝ่ายมีการเข้าใจในสถานภาพ ตระหนักในสถานะการณ์ การเสพสมกันมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่มีปัญหาเป็นเพราะการไม่คิดอะไรนอกจากได้ปลดปล่อย เช่นเมาแล้วถูกเพื่อนผู้ชายลากขึ้นแท็กซี่ หรือยอมเพราะกลัวผู้ชายจะไม่รัก ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเช่นการตั้งครรภ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับการหล่อหลอม ปลูกฝังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลา เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในรุ่นหลาน แต่ก็ยังดีกว่าถอยหลังกลับไปสมัย ร.5 พร้อมกับท่าน ส.ส.หญิง

ชายไทยที่ไม่คิดแบบ สส.หญิง
- Saturday, October 05, 2002 at 11:35:38 (EDT)

ผมว่าผู้หญิงควรรักนวลสงวนตัวครับ อย่าลืมนะครับผู้ชายอยากได้ผู้หญิงที่เหมาะสมเป็นแม่ของลูกแล้วถ้าเธอคนนั้น"ผ่าน" มาเยอะแล้วใครจะยอมรับละครับ อย่างมากก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นละครับ ผมว่าคุณผู้หญิงต้องระวังตนเองไม่ให้เหลิงไปกับ "อารมณ์" นะครับ อย่ารับวัฒนธรรมฝรั่ง ญี่ปุ่น เลยครับ สำหรับผู้ชายนั้นมันก็เป็นสันดานเหมือนกันทั่วโลกซึ่งผมก็ยอมรับ คราวนี้ก็ขึ้นกับพวกคุณผู้หญิงแล้วละครับว่าอยากเป็น "สิ่งมีค่า" หรือ "ของเล่นเหลือเดน" ให้พวกผมเชยชมเล่นแต่ไม่จริงใจ
Ek <EkEKEK>
- Saturday, October 05, 2002 at 02:00:11 (EDT)

ก็มันดี มีผัวหลายคน เกิดมาชาติเดียว เป็นโสเภฟรี ระยำ...เลือกไม่ได้
sex girl
- Tuesday, October 01, 2002 at 08:56:12 (EDT)

ผัวหนูมันรู้ว่า หนูไม่ซิงมันรังเกียจ อะ
ranee
- Tuesday, October 01, 2002 at 08:52:03 (EDT)

ในสภาพที่เป็นผู้ชายผมขอแสดงความคิดเห็นว่าถ้าผู้ชายได้พรหมจรรย์ของผู้หญิงก่อนแต่งงานแล้วส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้แต่งงานกันและผู้หญิงจะเสียเปรียบมาก การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานแสดงถึงความไม่สามารถยับยั้งชั่งใจหรือ EQ ส่วนใหญ่ชีวิตคู่จะล้มเหลว ถ้าผู้ชายที่รักจริงจะให้เกรียติคนที่รักจริงและสามารถรอถึงวันแต่งงานได้ เพราะฉนั้นผู้หญิงไม่ควรถูกหลอกโดยผู้ชายที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แล้วถ้ามีครอบครัวไปแล้วจะสามารถ ดูแลครอบครัวได้อย่างไรครับ ลองคิดดูเอาเอง ความรัก แตกต่างจาก ความใคร่มาก
Paitoon p.
- Tuesday, October 01, 2002 at 04:55:49 (EDT)

ในสภาพที่เป็นผมขอแสดงความคิดเห็นว่าถ้าผู้ชายได้พรหมจรรย์ของผู้หญิงก่อนแต่งงานแล้วส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้แต่งงานกันและผู้หญิงจะเสียงเปรียบมาก การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานแสดงถึงความไม่สามารถยับยั้งชั่งใจหรือ EQ ส่วนใหญาชีวิตคู่จะล้มเหลว ถ้าผู้ชายที่รักจริงจะให้เกรียติคนที่รักและสามารถรอถึงวันแต่งงานได้ เพราะฉนั้นผู้หญิงไม่ควรถูกหลอกโดยผู้ชายที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แล้วถ้ามีครอบครัวไปแล้วจะ
Paitoon p
- Tuesday, October 01, 2002 at 04:53:48 (EDT)

พรหมจรรย์..ไม่ใช่เพียงเนื้อเยื่อของผู้หญิงตามธรรมชาติแค่นั้นหรอก...แต่พรหมจรรย์คือความคิด ความเชื่อ ความรู้จักอดทน อดกลั้น ยับยั้งชั่งใจ ไม่ชิงสุกก่อนห่าม เป็นค่านิยมแห่งวัฒนธรรมของเราที่ฝรั่งมองไม่เห็นคุณค่า..ถ้าเราจะคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรักษา ก็คงไม่มีใครว่าหรอก...แต่อย่าบอกว่าคือลูกหลานไทย..นะ
wit <wichianb@yahoo.com>
- Tuesday, October 01, 2002 at 02:33:00 (EDT)

ความรักนั้นเป็นของสวยสดงดงาม แต่ความใคร่ไม่ไช่
ควรจะรอเวลาให้แน่ใจเสียก่อน ใช้เวลาดูกันให้มากสักนิด จะได้ไม่ต้องมาถามหมอว่าเขาจะรู้ใหมว่าเราไม่บริสุทธิ์

sittiwat soontornnon <chumsaeng@msn.com>
- Tuesday, October 01, 2002 at 00:14:16 (EDT)

แม่น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิมเจ้าแล้วจึงหยดถึงมือพี่ ถ้าหากเป็นแหวนก็เปรียบดังแม้นเจ้าโดนสวมฟรี เพชรที่งามหรือจะมีค่าสูงยิ่งกว่าดัชนีของนาง!!!!!!
จ.ธรรมชัย
- Friday, September 27, 2002 at 05:55:08 (EDT)

อยากแบ่งปันเรื่องที่ไปได้รู้ได้เห็นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ครูสอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกันมีพ่อเป็นหมอ เล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเองมีความสัมพันธ์กับแฟนคนแรกอายุ 20 ปี และท้องเมื่ออายุ 21 ปี เลยไม่ได้จบปริญญาตรีตามที่ตั้งใจไว้ เพราะต้องเลี้ยงลูก ต่อมาก็อยู่ด้วยกันกับแฟนคนนี้ จนมีลูกด้วยกันสี่คน แล้วค่อยไปเรียนแบบศึกษาผู้ใหญ่เก็บสะสมหน่วยกิตไปเรื่อย ๆ จนจบปริญญาตรี และมาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ต่อมาก็มาพบกับชาวอาหรับคนหนึ่ง ถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้รักสามีที่มีลูกด้วยกันสี่คน
สามีก็รู้ตัวว่า ไม่ได้รักแม่ของลูก 4 คนนี้แบบจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เลยแอบไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น พอดีกับครูไปปิ๊งชาวอาหรับ เลยแยกกันไปแต่งกับคนที่ตัวเองคิดว่ารัก
ครูเล่าให้ฟังตอนเดินออกจากห้องเรียนว่า ครูว่าพรหมจรรย์นี่ มันเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของผู้หญิงนะ ถ้าชั้นทำได้จะเก็บมันไว้ให้กับคนที่ชั้นรักจริงๆ และก็ควรจะแต่งงานก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย ไม่งั้นชีวิตก็ลุ่ม ๆ ดอนๆ ต้องเลี้ยงลูกด้วย เรียนด้วย ทำงานบ้านด้วย เหนื่อยมาก
ที่ครูเล่าให้ฟัง เพราะครูห่วงลูกสาวคนโตตอนนั้นอายุ 14 ปี สวยมาก แล้วมีหนุ่ม ๆ มาติดกันมาก ครูบอกว่าไม่อยากให้ลูกมีประสบการณ์ชีวิตเหมือนตัวเขา อยากให้ลูกเรียนจนก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ กว่าจะรู้ใจตัวเองว่า รักใครจริง ๆ
ปัจจุบันครูอายุ 38 ปี

อีกครั้งหนึ่งก็ย้ายไปเรียนอีกเมืองหนึ่ง เจอครูหน้าตึก บังเอิญ มีเด็กสาวอายุประมาณ 17-18 ปีเข็นรถเข็นใส่ลูกตัวเองมาที่โรงเรียนด้วย ชั้นล่างของโรงเรียนจะมีเนอร์เซอรี่รับเลี้ยงเด็ก เสียค่าใช้จ่ายราคาประหยัด แม่ก็ขึ้นไปเรียนหนังสือ ปล่อยลูกให้เนอร์สเซอรี่ช่วยเลี้ยงไป เรียนเสร็จจะกลับบ้านก็ค่อยไปรับลูกกลับ เพราะกฏหมายอเมริกัน ห้ามพ่อแม่ทิ้งลูกอายุต่ำกว่า 15 ปีไว้เพียงลำพัง ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลตลอด ครูเห็นแล้วบอกว่า baby has baby คือเด็กต้องไปเลี้ยงเด็ก ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย หาเลี้ยงตัวเองก็ยังไม่พอกิน ต้องมานั่งเลี้ยงลูกแล้ว ขนาดอเมริกามีเงินช่วยเหลือแม่เด็กที่ผู้ชายทิ้ง หรือสามีตาย แต่ไม่มากเท่าเงินเดือน ชีวิตของแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง (single parent) ยังลำบากขนาดนี้ เมืองไทยไม่มีสวัสดิการเช่นอเมริกา แต่ไปรับวัฒนธรรมเขามาแบบเปิดเสรี (สื่อ เครื่องแต่งกาย ความประพฤติต่าง ๆ อื่นๆ และอื่น ๆ) เด็กสาว ๆ เมืองไทยต้องคิดให้ดีว่าเราพร้อมที่จะรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากการมีเพศสัมพันธ์หรือเปล่า และที่จริงแล้ว ไม่มีใครรักตัวเรามากเท่ากับตัวเราเอง อนาคตของเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจด้วยเหตุผล และความถูกต้อง ไม่ใช่อารมณ์ เพราะเรายังอยู่กับสังคม

ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า จารีตประเพณีและ ความเชื่อว่าความบริสุทธิ์ของหญิงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ เด็กสาวมีเวลาเรียนรู้สังคม เรียนรู้ความเป็นไปของโลกอย่างระมัดระวัง เวลานี้ที่อเมริกาเขารณรงค์ ทำโปรแกรมกันว่า ขอร้องเด็กนักเรียนสาวของเขาอย่าเพิ่งมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะอายุ 18 ปีขึ้นไป (ลืมบอกไปว่า เด็กอเมริกันอายุ 18 ปีทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนได้แล้ว มีวุฒิภาวะการรับผิดชอบตัวเอง ไม่ให้เกิดปัญหากับสังคม) เพราะเขาเห็น และเจอปัญหามามาก
ไปได้เห็น ได้ยินคุณครูเล่าแล้ว สรุปได้ว่า พลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศต้องมาจากแม่ที่มีคุณภาพ และคุณธรรม รู้อะไรควร ไม่ควร สอนลูกได้ว่าอะไรผิด อะไรถูก เยาวชนของชาติจะได้มีคุณภาพและคุณธรรมตามแบบแม่

น้อยโหน่ง
- Wednesday, September 25, 2002 at 04:21:05 (EDT)

ความที่เป็นไทย ทำอะไรสบายๆกันมามาก เอาง่ายเข้าว่าไว้ พออะไรๆเข้ามาก็รับหมด ลืมชาติกำเนิดตนสิ่งที่ดีงามที่เคยปฏิบัติกันมาเห็นดีเห็นงามตาม
ไม่ได้ว่าอะไรดีไม่ดี แต่ว่าว่าทำไมคิดกันเองไม่ได้เสียทีว่าอะไรดีไม่ดี อะไรควรไม่ควร

ร่วมกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่เป็นมา
(คิดเองเป็นอยู่คนเดียวกระนั้นหรือ บ้านเมือง)

สันติ
- Tuesday, September 24, 2002 at 04:45:55 (EDT)

ไม่มีอะไรจะแก้ไขได้หรอกครับ ต่อระบบจริยศาสตร์ ( Ethic ) ที่กร่อนสลายของสังคมไทยปัจจุบัน



การกล่าวว่า อย่ารับเอาวัฒนรรมเรื่องเพศของต่างประเทศมานั้น เป็นคำกล่าวที่ไร้ความหมาย






ท่ามกลางการแข่งขัน การเติบโตของอุตสาหกรรมและการศึกษาที่ลดทอนความรู้เป็นเพียงส่วน ๆ ผลิตมนุษย์เหมือนจักรกลตัวหนึ่งในการทำงาน


เราจะเริ่มตรงไหน ?

หากไม่ใช่ การทบทวน คุณค่าของชีวิตอันแท้จริง

ปัญหาเหล่านี้ มิใช่ผลพวงของเรื่องสุขภาพ ประชากร หรือ วัฒนธรรม แต่ เกิดผลกระทบต่อระบบการเมืองทั้งหมด

การศึกษาเชิงวัตถุสอนอะไร นอกจาก การไปเป็นหน่วยผลิต ที่บริโภควัตถุ ไปในตัว การกลายเป็นเมือง ความเจริญ หรือ เศรษฐศาสตร์ที่บอกว่า ความฟุ้งเฟ้อ มี " ประสิทธิภาพ "

โลกไม่มีวันถอยกลับแล้ว ในขณะที่วิพากษ์วิจารณ์ วัยรุ่น ก็มีระบบคิดเป็นของตัวเอง เพราะ รบบจริยศาสตร์ได้ถูกทำลายลงแล้ว


วัยรุ่น ไม่เชื่อ ว่า ดี - ชั่ว ตายตัว ดีชั่ว คงเป็นเรื่องความคิดของแต่ละคนและทุกคนมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ที่ตนต้องการ ไม่เชื่อลองดูสถิติซิว่า ทำไม วัยรุ่น ถึงมีปรสบการณ์ทางเพศเร็วมาก อย่างไม่น่าเชื่อ

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร วัยรุ่นก็ยังเต็มที่อยู่

ผมไม่หวังใด ๆ แล้ว

*-*
- Monday, September 23, 2002 at 07:05:06 (EDT)

เห็นด้วย อย่ายิ่ง
morgan
- Monday, September 23, 2002 at 05:49:27 (EDT)

เห็นด้วยมาก ๆ เลยครับ ถ้าหยุดเซ็กซ์ เก็บพรหมจรรย์ : ในวันที่ "ใคร ๆ เขาก็ทำกัน" มันคงจะช่วยลดปัญหาหลายๆอย่างของสังคมลงไปได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
จักรพันธ์ ธรรมชัย
- Friday, September 20, 2002 at 22:44:32 (EDT)

เรื่องเพศเป็นที่เป็นธรรมชาติ แต่สำหรับสังคมไทยเราควรจะอายๆกันนิดนึ่งนี่ฝรั่งยังอาย ระเริงกันจนติดอันดับโลกอย่างนี้ เก่งจริง นับถือๆ
sex ควรมีขอบเขตที่ดีกว่านี้ <tch_2002i-kool.com>
- Friday, September 20, 2002 at 21:51:15 (EDT)

ถ้าหากคุณจะเสียพรหมจรรย์ให้กับใครที่คุณรัก มันไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องมาเถียงกัน แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าสังคมต้องมานั่งรับเลี้ยงดูเด็กที่พ่อแม่ทอดทิ้ง รับปัญหากับเด็กที่พ่อแม่หย่าร้างกัน รับปัญหาคนที่ไม่มีคุณภาพในสังคมที่มากขึ้นทุกวัน ผลเสียมันไม่ได้เกิดอยู่ที่คนกระทำโดยตรง เพราะคนที่ทำกลับเห็นว่าเป็นเรื่องของความรัก ความสนุกส่วนตัว แต่ปัญหามันตกอยู่กับสังคมโดยส่วนรวม ที่ร้ายที่สุดคือมันตกอยู่ที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย คนสนุกกันสองคนแต่คนที่จะเกิดต้องมารับทุกข์ คนที่กระทำเรื่องแบบนี้น่าจะรับรู้ปัญหาง่าย ๆ แค่นี้ได้ดี ไม่ใช่พยายามหาหนทางหลบเลี่ยงไม่รับรู้ เห็นแต่ว่าเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวของคนกระทำเอง ผมอยากจะถามว่าถ้าหากคุณมีลูกผู้หญิงแล้วคุณก็ปลูกฝังความคิดแบบนี้ให้เขา คุณที่เป็นแม่จะรู้สึกอย่างไร เมื่อลูกสาวอายุ 14-15 เดินเข้ามาหาคุณแล้วพูดว่า "หนูท้อง" หรือ"หนูเป็นเอดส์"
นายกิตติ คำศิริ <riw9@thaimail.com>
- Friday, September 20, 2002 at 05:27:25 (EDT)

วัยรุ่นในสังคมไทยมีแต่การรับรู้ และเลียนแบบ ในสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นเขานิยมทำกัน โดยเฉพาะเพื่อน ซึ่งพอได้รับรู้แล้วก็ขาดสติปัญญาในการคิดว่าสิ่งที่ตนเองกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้คงต้องโทษถึงผู้ปกครอง สังคมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหน่วยงานที่กำกับดูแลทางด้านการศึกษา และสถานศึกษา ที่มีแต่หลักสูตร หรือนโยบายที่ทำให้เด็กมีแต่การรับรู้ และเลียนแบบ แต่ไม่เคยคิดสอนให้เด็กเกิดการเรียนรู้เลย ไม่น่าแปลกใจที่เด็กไทยทุกวันนี้จะมีพฤติกรรมเป็นแบบนี้ ดังนั้นอยากจะขอร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ที่ต้นเหตุก่อนที่จะคิดแก้หรือตำหนิว่าเป็นความผิดของเด็กเท่านั้น
นายกิตติ คำศิริ <riw9@thaimail.com>
- Friday, September 20, 2002 at 05:02:50 (EDT)

ความต้องการทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์โลกก็จริง แต่เราเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์มีสมองที่ดี สามารถคิดอย่างมีเหตุผลที่ดี...ฉะนั้น เราจึงมาสารถหาทางออกให้กับเรื่องความต้องการทางเพศให้อยู่ในขอบเขตได้แล้วสังคมของ เราจะน่าอยู่แล้วมีระเบียบกว่านี้ ผมไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเรื่องเพศของเยาวชน ของไทยเรา โดยเฉพาะประเทศของเราผู้หญิงของเราว่ากันว่าเป็นหญิงที่รักงวนสงวนตัวมากฟ่า ผรั่งมั่งคา แต่ปัจจุบัน กับครองแชมป์โลกในเรื่องแบบนี้ ฟังแล้วเศร้า..
อย่าลืม"เรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติก็จริงแต่ให้มันมีขอบเขตครับ โดยเพฉาะคนไทยของเรา เยาวชนไทยของเรา เมืองไทยของเรา...

เรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติก็จริงแต่ควรมีขอบเขต <tch_2002@i-kool.com>
- Thursday, September 19, 2002 at 23:47:37 (EDT)

เรื่องนี้ในฐานะผู้หญิง ถ้าคุณเป็นคนๆหนึ่งที่อยู่ในสังคม เพียงแต่คุณไม่แคร์ความรู้สึก ของสังคมรอบๆ ข้าง ตัวคุณ คุณก็สามารถทำได้ แต่ถ้าคุณแคร์กับสังคมรอบๆ ข้าง คุณก็จะไม่สามรถทำได้ (สังคมรอบข้าง ในที่นี้ ก็คงเป็น พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง) ของเราเอง
k
- Tuesday, September 17, 2002 at 01:20:22 (EDT)

I think your attitude towards sex will change a lot when you a little bit grow up.
Baby G
- Monday, September 16, 2002 at 15:45:34 (EDT)

ไม่คัดค้าน ไม่สนับสนุน วิถีชีวิตคนไม่เหมือนกัน แต่โดยส่วนตัว คิดว่าถ้าคิดจะมีเรื่องอย่างนั้นก็ต้องระวัง ถ้าไม่คิดจะมีก็ไม่ต้องระวัง อะไรมันจะสบายใจกว่ากันก็ชั่งน้ำหนักกันดูเอง
นกขมิ้น
- Sunday, September 15, 2002 at 02:39:19 (EDT)

สำหรับผมแล้ว พรหมจันทร์ ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรมากมายนัก คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่พรหมจันทร์ ทำไมเราไม่ดูที่จิตใจของผู้หญิงละ ทำไมต้องโทษแต่ผู้หญิง เลือกมองในสิ่งดี ๆ แล้วเราจะรู้สึกดี เลิกเสียทีครับที่ผู้ใหญ่ชอบลิขิตชีวิตคนอื่น
ชายอำ <am007@friends.co.th>
- Friday, September 13, 2002 at 21:15:17 (EDT)

ต้องถามตัวเองก่อนที่จะทำ แน่ใจหรือไม่ว่าคนอื่นจะไม่เดือดร้อนเพราะเรา ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำ
P
- Friday, September 13, 2002 at 01:37:20 (EDT)

สนับสนุนด้วยคนครับ
pp
- Tuesday, September 10, 2002 at 07:44:00 (EDT)