เด็กพันธุ์ใหม่ ...วัย X
โดย อรสม สุทธิสาคร

Click ชีวิตวัยรุ่นไทยยุคปี ๒๐๐๐ ในความเห็นของคุณClick ชีวิตวัยรุ่นไทยยุคปี ๒๐๐๐ ในความเห็นของคุณ

ปกหนังสือ เด็กพันธุ์ใหม่...วัย X (คลิกดูหน้าหลัก)
หนูจะเป็นเด็กดี  
ถึงหนูขาดพ่อไร้แม่ แต่หนูจะเป็นเด็กดี  
      "เรานี่แหละที่จะนำพาชีวิตเราไปด้วยตัวของเรา" เป็นประโยคสั้นๆ บ่งบอกถึงน้ำใจเด็ดเดี่ยวของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งกำพร้าทั้งพ่อและแม่ แม้โลกนี้จะไร้ไออุ่นของบุพการี แต่จะหวั่นไปไยเล่า ในเมื่อมีความเป็นนักสู้อยู่เต็มหัวใจ ทั้งยังพอมีน้ำใจจากผู้อื่นหยิบยื่นให้ ชีวิตนี้คงพอจะฝ่าฟันขวากหนามอุปสรรคไปได้จนถึงฟากฝั่ง
เต็ม เป็นเด็กหญิงวัย ๑๓ เรียนอยู่ชั้น ม.๒ ของโรงเรียนมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง มีผลการเรียนดีด้วยเกรดเฉลี่ย ๓.๒๓ ได้รับทุนการศึกษาจากโรงเรียน เธอเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ลืมตาดูโลกได้เพียงอาทิตย์เดียว พ่อก็ทิ้งไปมีแม่ใหม่ ต่อมาเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ แม่จึงมามีครอบครัวใหม่ และมีลูกกับพ่อใหม่หนึ่งคน เต็มอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง ความสัมพันธ์ในครอบครัวใหม่เป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา แม่ซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดก็จากไป น้าสาวซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของแม่จึงรับเต็มมาอยู่ในความอุปการะ เนื่องจากเกรงไปว่าเต็มผู้เริ่มเป็นสาวน้อยจะไม่ปลอดภัย หากอยู่ร่วมบ้านกับพ่อเลี้ยงไปนานๆ เธอต้องแยกจากน้องสาวต่างพ่อที่เธอรัก ซึ่งถูกส่งไปอยู่กับย่ายายที่ต่างจังหวัด
      ชีวิตเต็มช่างเต็มไปด้วยความพลัดพราก หากเป็นเด็กอื่น ชีวิตหนึ่งนี้อาจกลายเป็นขยะสังคม น่าอัศจรรย์ที่เต็มผู้ยังอยู่ในวัยวันอันน้อยนิด ยังคงมีเป้าหมายที่มุ่งมั่นชัดเจนในเส้นทางอนาคต และเป็นเด็กดี
      "หนูเสียใจมากที่สุดตอนแม่ตาย เหมือนกับเสาหลักสำคัญของชีวิตเราหายไป ไม่รู้จะทำยังไงดี จะอยู่กับใคร พ่อเลี้ยงก็บอกว่าให้อยู่กับพ่อนี่แหละ พ่อจะส่งเสียให้เรียน พ่อเขาบอกว่ารักหนูเหมือนลูกแท้ๆ พอดีน้าเขามางานศพแม่ หนูเพิ่งเคยเจอเขาหนสองหนเอง ยังไม่คุ้นเคย น้าชวนไปอยู่กับเขา น้าเขาเป็นแม่บ้าน มีลูกอายุห้าหกขวบอยู่คนหนึ่ง แฟนน้าเขาทำงานอยู่ต่างจังหวัด เดือนหนึ่งกลับมาบ้านไม่กี่วัน น้าเขยเป็นคนส่งเสียหนูอยู่ตอนนี้ น้าเขาเช่าห้องแบ่งเช่าอยู่ เป็นห้องเดี่ยวโล่งๆ กินนอนกันอยู่ในนั้น ความเป็นส่วนตัวหายาก ก็ค่อนข้างอึดอัด เพราะเราไม่คุ้นเคยกับเขามาก่อนด้วย กลับถึงบ้านก็ช่วยน้าเลี้ยงน้อง ทำงานบ้าน กลางคืนเราก็จะมีเวลาของเราเอง น้าเขาก็ดีกับเรานะ แต่ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยยังไงก็ไม่รู้ ชีวิตไม่มีใครแล้ว มันว้าเหว่ บางคืนยังนอนร้องไห้ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าต้องเข้มแข็ง เพราะเราโตแล้ว"
      เต็มได้เงินค่าขนมไปโรงเรียนวันละ ๓๐ บาท เป็นค่ารถ ค่าขนมและอาหารเช้า มื้อกลางวันมีทุนอาหารกลางวันให้ทานฟรีที่โรงเรียน เต็มบอกว่าเธอเป็นคนช่างเก็บงำความรู้สึก เวลามีเรื่องไม่สบายใจจะไม่บอกเล่าให้ใครฟัง ในโลกที่อ้างว้างอย่างนี้ เต็มมีทางออกของเธอ
      "หนูรู้สึกว่าชีวิตเราต่างจากเพื่อนมาก เรื่องส่วนตัวของหนู หนูจะเก็บไว้คนเดียว แต่ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวสนุกๆ จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เฮฮากันในกลุ่มเพื่อน หนูชอบคุยเล่นกับเพื่อนๆ ทำให้เราลืมอะไรไปได้ เวลาว้าเหว่มากๆ คิดถึงแม่ก็หยิบหนังสือมาอ่าน หรือไม่ก็ฟังเพลง ทำให้รู้สึกดีขึ้น หนูชอบเพลงของพี่เสือ ชุดคนใช้ชีวิต คนเดินถนน เคยฟังเพลงหัวใจเดียวกันของเขา เนื้อเพลงมันใช่เลย เหมือนชีวิตเรา ฟังแล้วทำให้มีกำลังใจ บางทีร้องไห้ แต่ก็สบายใจขึ้น ทำให้เรามีแรงใจที่จะก้าวเดินต่อไป"
 
      เต็มบอกว่าเธอได้ธาตุของความเข้มแข็งอดทนมาจากแม่ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว
      "ช่วงที่แม่ยังดีๆ อยู่ แม่ใจดีมาก มีอะไรก็จะเล่าให้แม่ฟังหมด แม่อารมณ์ดี ชอบหยอกล้อ แหย่กันเล่น สนิทกันเหมือนเพื่อนเลย ทำให้หนูมีความสุข อบอุ่นมาก แต่ตอนแม่ไม่สบาย แม่จะอารมณ์เสียยังกะนางมารร้าย หนูต้องเข้มแข็งตั้งแต่บัดนั้นมา" เต็มหัวเราะ เมื่อนึกถึงคำเปรียบเปรยของตนเอง น้ำเสียงที่เธอพูดถึงแม่ เต็มไปด้วยความสนิทสนมรักใคร่
      ดูจะมีความในใจมากมายอยู่ในหัวใจดวงเล็กๆ ของเด็กดีวัย ๑๓ ปีคนนี้
      "หนูเชื่อในความดี แต่บางทีก็ไม่เชื่อ เราทำความดีไปแล้วนานมากเลย กว่าที่คนอื่นเขาจะเห็นความดีของเรา บางทีคิดท้อเหมือนกันที่จะทำดี แต่ก็ต้องทำ เพราะทำดีก็ยังดีกว่าไปทำสิ่งที่ผิด ดีกับตัวเราด้วย บางทีหนูก็เคยนึกว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเป็นอย่างนี้ แต่นึกไปก็ทำอะไรไม่ได้ สู้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า คิดว่าชีวิตเราคงไม่มืดแปดด้าน เราต้องมีแรงฮึด หนูต้องเรียนสำเร็จให้ได้ คือตอนนี้เราไม่มีใครแล้ว เราตัวคนเดียว จะต้องทำตัวของเราให้ดีที่สุด คิดจุดนี้อย่างเดียว เลยมุ่งมั่นเรื่องเรียนเป็นหลัก ถ้าเราไม่เรียน เราคงไม่มีอนาคต คงลำบากน่าดู
      "หนูยังคิดว่าเรายังมีโอกาสดีกว่าเด็กบางคนที่เขาไม่ได้เรียน เขาไม่มีใคร แต่เรายังมีโอกาสตรงนี้ บางทีหนูก็อยากเกเร มันอึดอัดกับการเป็นเด็กดี อยากลองทำอะไรที่แหกกฎโรงเรียนบ้างบางครั้ง เพราะเด็กวัยรุ่นก็ชอบทำอะไรที่แหกกฎ เด็กไม่ชอบการบีบบังคับ แต่การที่เราไม่มีขอบเขตมันก็ทำให้เรารู้สึกเหงาเหมือนกัน หนหนึ่ง หนูเคยพับถุงเท้าเล็กๆ มันผิดกฎไงคะ แต่ก็ทำได้ชั่วครั้งชั่วคราว พอนึกขึ้นมา เออ ทำแล้วไม่เห็นดีเลย หนูก็ไม่ทำอีก"
      เต็มอยากเรียนหมอ แต่รู้ตัวเองว่าความสามารถอาจไม่ถึง ที่สำคัญเธอไม่ใช่นักฝัน แต่มองชีวิตอย่างเป็นจริงมากกว่า ว่าขอเพียงให้ได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาอย่างที่ต้องการ เต็มบอกว่าต้องใช้เวลาอีกแปดปี จึงจะเรียนจบปริญญาตรี อย่างน้อยขอให้ได้เรียนจบ ม.๓ หรือ ม.๖ ค่อยเรียน กศน. ต่อก็ได้เป็นขั้นๆ ไป โดยทำงานส่งเสียตัวเองไปพร้อมกัน
      "หนูคงทำงานส่งตัวเอง อาจจะเรียนรามฯ ก็ได้ มหาวิทยาลัยไหนเราไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ขอเพียงให้ได้เรียนก็พอ มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า เรามองชีวิตนี่เห็นทางเดินของเราเลย มองอย่างที่เป็นจริง คงไม่มองแบบนิยายน้ำเน่า เราไม่เสียเวลากับตรงนี้ เพราะเวลาก็ไม่ได้มีมากมาย เราต้องรีบคิด เราต้องรีบทำ ความทุกข์ความลำบากมันสอนให้เราอดทน สอนให้เรารู้จักคิด รู้จักวางแผนตัวเรา"
      ในโลกกว้างอ้างว้าง ช่างมีหนทางของความเลวร้ายมากมายให้เด็กวัยรุ่นได้ก้าวเดิน หลายคนอ่อนแอ ก้าวถลำลึกเกินจะกลับตัว เต็มคิดอย่างไร
      "หนูคิดว่ามันขึ้นอยู่กับปัญหา ถ้าเขาคิดว่ามันร้ายแรงมากจนกระทั่งเขารับไม่ได้ อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนเขามีความอบอุ่นมาก ปรับตัวไม่ได้ ทำตัวดีไปก็ไม่มีใครสนใจ แต่หนูไม่คิดอย่างนี้ อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมของเราทำให้เราไม่กล้าคิด สิ่งแวดล้อมนี้คือครอบครัวของน้าที่เราอาศัยอยู่ด้วย และคนรอบข้างที่เขากำลังมองดูความสำเร็จของเราอยู่  ถ้าเราทำผิด คนจะคิดว่าเราทรยศต่อความตั้งใจของเขา น้าเขาพูดว่าหนูต้องทำให้ดีที่สุดนะ เราโตแล้ว เราพอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ว่าสภาพชีวิตเราจะเป็นยังไง มันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา"
      หากจะมีความสำเร็จในวันหนึ่งข้างหน้า แต่ไม่มีใครมาร่วมชื่นชม ภูมิใจ มันอาจเป็นความสำเร็จที่โดดเดี่ยว
      "ถึงแม่จากไปแล้ว แต่หนูคิดว่าแม่คงอยากเห็นเรามีความสำเร็จในชีวิต บางทีที่ท้อแท้ร้องไห้ ก็คิดบอกแม่ว่าหนูต้องทำให้ได้ ต้องมีวันนั้นให้ได้"
      แม้ความตายมาพราก แต่ความรักของแม่ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหน ยังคงความอบอุ่น หล่อเลี้ยงความทรงจำของเธอเป็นนิรันดร์ เนื่องเพราะมนุษย์ทุกคนมีแม่แต่เพียงคนเดียวเท่านั้น...
 

 
 

contact@sarakadee.com
สำนักพิมพ์ สารคดี | สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ | วารสาร เมืองโบราณ | นิตยสาร สารคดี
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สั่งซื้อหนังสือ ]
สำนักพิมพ์ สารคดี