ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : สัมภาษณ์
วิจิตต์ แซ่เฮ้ง, บันสิทธิ์ บุนยะรัตเวช : ถ่ายภาพ

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชผู้นำแชมป์ซีเกมส์กลับบ้านแฟนบอลไทยยุคทศวรรษ ๒๕๓๐-๒๕๔๐ ไม่มีใครไม่รู้จัก ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย เจ้าของผลงานติดทีมชาติ ๑๓๐ นัด ยิง ๖๕ ประตู

โก้ หรือ “ซิโก้” อันเป็นฉายาที่ตั้งตามยอดนักเตะทีมชาติบราซิล นับเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ที่เรียกติดปากว่า ทีมชาติชุดดรีมทีม ซึ่งเป็นยุคที่ทีมฟุตบอลไทยสร้างผลงานตราตรึงแฟนบอลด้วยการคว้าเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์ติดต่อกันหลายสมัย รวมถึงคว้าแชมป์รายการสำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟุตบอลคิงส์คัป ฟุตบอลไทเกอร์คัป หรือคว้าอันดับ ๔ เอเชียนเกมส์ ผ่านเข้ารอบ ๑๐ ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในวงการลูกหนังไทยถึงทุกวันนี้

ขณะผลงานของยอดดาวยิงแข้งทองจากขอนแก่นระดับทีมสโมสรก็ถือว่าไม่ธรรมดา ทั้งการลงเล่นในลีกเพื่อนบ้านอย่าง M League ของมาเลเซีย S League ของสิงคโปร์  V League ของเวียดนาม  ซิโก้ล่าตาข่ายคู่แข่งขัน นำทีมคว้าแชมป์ระดับสโมสรหลายสมัย  ในช่วงสั้น ๆ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยเจ้าของเสื้อหมายเลข ๑๓ ยังเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรฮัดเดอร์สฟีลด์ทาวน์ (Huddersfield Town) ในลีกดิวิชัน ๑ ของอังกฤษ นับเป็นนักเตะไทยคนแรกในลีกต้นแบบของโลก

หลังอิ่มเอมกับความสำเร็จทั้งในเกมสโมสรและทีมชาติ ยอดหัวหอกระดับตำนานผู้สร้างความสุขแก่แฟนบอลมานานเกือบ ๒๐ ปีก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดหันหลังให้เกมหนัก ๆ ในสนามหลังค้าแข้งมานานครึ่งค่อนชีวิต  น่าสนใจว่านักเตะหลายคนอาจหันไปเอาดีด้านการทำธุรกิจ บางคนเปิดร้านอาหาร บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวหรือนักวิจารณ์เกมการแข่งขันแต่สำหรับนักเตะหน้าหยกคนนี้ เขาเลือกจะมีลมหายใจติดขอบสนามต่อไปด้วยการทำงานในฐานะเฮดโค้ชหรือหัวหน้าผู้ฝึกสอน อาชีพที่ว่ากันว่าโหดและมีความกดดันมากที่สุดอาชีพหนึ่ง เพราะเมื่อใดผลงานทีมตกต่ำหรือไม่เข้าตาเจ้าของทีมเพียงไม่กี่นัด ก็มีสิทธิ์โดนเด้งจากเก้าอี้ได้

อดีตดาวยิงผู้มีท่าดีใจหลังทำประตูได้โดยกระโดดตีลังกา เริ่มจับงานโค้ชให้ทีมระดับสโมสรทั้งในและต่างประเทศ  กระทั่งต้นปี ๒๕๕๖ ขณะเมฆหมอกปกคลุมท้องฟ้าฟุตบอลไทยหลังทีมชาติไทยผู้เคยได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าพ่อ” บอลอาเซียน พุ่งชนความล้มเหลวในการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ติดต่อกันสองสมัยโดยมิเพียงพลาดท่าไม่ได้แชมป์เท่านั้น ทว่าทีมช้างศึกถึงกับพลิกคว่ำตกรอบแรกอย่างไม่เป็นท่า หรือนับแต่นี้ทีมชาติไทยจะไม่ใช่เสือที่เพื่อนบ้านอาเซียนเกรงกลัวอีกแล้ว

ระหว่างนั้นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัดสินใจแต่งตั้งอดีตศูนย์หน้าขวัญใจชาวไทยขึ้นคุมบังเหียนทีมชาติลุยศึกซีเกมส์ที่เนปิดอว์ ประเทศพม่า

ท่ามกลางความกดดันถาโถม ผู้เป็นโค้ชต้องนำเหรียญทองกลับบ้านเท่านั้น  ซิโก้ใช้เวลา ๑๑ เดือนหลังรับตำแหน่งเตรียมทีม ซ้อมแท็กติก ทำความเข้าใจนักเตะ รวมทั้งสร้างบรรยากาศที่ดีในแคมป์ทีมชาติ จนนำความสำเร็จคืนถิ่นได้อีกครั้ง  นักเตะทีมชาติเดินทางกลับจากการแข่งขันซีเกมส์พร้อมเหรียญทองห้อยคอ

ในฐานะ “ขุนพลกีฬา” ชื่อ ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองก้าวสู่ความเป็นตำนานที่มีชีวิตซึ่งพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการสำคัญทั้งในฐานะนักเตะและเฮดโค้ช

ยามสายต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังซิโก้เดินทางกลับจากการอบรมโค้ชระดับ A-License (AFC Coaching Course “A” Certificate) ที่ลำปางด้วยใบหน้าและผิวพรรณกร้านแดดสารคดี นัดสัมภาษณ์เขาที่สำนักงานบริษัทสปอร์ตฮีโร่ จำกัด นนทบุรี  ภายในห้องรับแขกตกแต่งภาพอดีตหัวหอกกระโดดตีลังกา  อีกภาพเขาสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ เดินนำลูกทีมรับถ้วยรางวัลชนะเลิศฟุตบอลคิงส์คัปที่สนามศุภชลาศัย

ไร้เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขัน ทว่าบทสนทนานอกสนามกำลังเริ่มขึ้น

zico02

ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง

การอบรมโค้ชระดับ A-License คืออะไร
ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็เปรียบเหมือนระดับปริญญาเอก คือการศึกษาระดับอุดมศึกษามีปริญญาตรี โท เอก  โค้ชฟุตบอลก็มี C-License B-License A-License ตามลำดับมาตรฐานของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) แล้วต่อไปอีกขั้นคือ Pro-License ซึ่งเทียบได้กับศาสตราจารย์

เอไลเซนส์ยากกว่าบีไลเซนส์มาก คือระดับซีเหมือนการสอนเด็กให้รู้จักเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง การวางเท้า ปูพื้นฐาน  ระดับบีเป็นเรื่อง small size game เกมเล็ก ๆ เช่นการเผชิญหน้าในสนามสถานการณ์ ๒:๒ ๓:๓ ๔:๔ การวางตัวประกบ รูปแบบจำลองที่จะนำไปใช้จริงในสนามใหญ่  ส่วนระดับเอครอบคลุมเรื่องทางเทคนิคและชั้นเชิงระดับสูงของการเล่น การบริหารจัดการทีมจิตวิทยา วิทยาศาสตร์การกีฬา โภชนาการ กลยุทธ์หรือยุทธวิธีการเล่น เช่น เกมรุกมีกี่แบบ เกมรับมีกี่แบบ การเพลซซิง (placing) หรือการเล่นลูกเซตพีซ (set piece) มีกี่แบบ ซึ่งมีเป็นร้อยหัวข้อ  การสร้างทีมและงานบริหาร เช่น การคัดเลือกผู้เล่น การตอบคำถามสื่อมวลชน การหาสปอนเซอร์ คือการบริหารทั้งหมดเบื้องหลังทีมฟุตบอลซึ่งละเอียดมาก

เมื่อผ่านเอไลเซนส์จะสามารถคุมทีมระดับสโมสรได้ทั่วโลก  ส่วนโปรไลเซนส์คุมทีมชาติได้ทั่วโลกเลย การอบรมจะยิ่งเข้มข้นทั้งทางปฏิบัติและวิชาการ  จะเห็นว่าโค้ชฟุตบอลต้องมีความรู้ ต้องเป็นเหมือนครูคือมีจิตวิทยาในการสอนด้วย  ที่ผ่านมาเราเหมือนครูพักลักจำ อาศัยประสบการณ์ แต่ยังไม่มีกระบวนการเท่าไหร่

รายละเอียดการอบรมเอไลเซนส์ต้องทำอะไรบ้าง
การอบรมเอไลเซนส์ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย เวียนจัดในหลายประเทศ  ปีนี้ที่เมืองไทยจัดในลำปาง คนไทยผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วม ๒๒ คน ต้องเข้าแคมป์อบรมที่ลำปางนาน ๑ เดือน  กิจวัตรประจำวันตื่นนอนประมาณตี ๕ ครึ่งถึง ๖ โมง อาบน้ำอาบท่า  กินข้าวเช้า ๗ โมง  แปดโมงลงสนามเรียนปฏิบัติก่อนเรียนทฤษฎีในห้อง ๑๑ โมง  บ่าย ๒ โมงถึง ๔ โมงเย็นเรียนทฤษฎีต่อ  แล้ว ๔ โมงถึง ๖ โมงออกไปปฏิบัติ เป็นอย่างนี้ทุกวัน  นอกจากนี้มีการสอบภาคปฏิบัติสามครั้งตามหัวข้อที่จับสลากได้ สอบทฤษฎีสองครั้ง และสอบ prevent ครั้งหนึ่ง เพื่อทดสอบองค์ความรู้กีฬาฟุตบอล อย่างจับได้หัวข้อ scouting คือการเสาะหานักเตะก็ต้องศึกษาข้อมูล รวมทั้งนำเสนอวิธีการหานักเตะมารับใช้ทีมชาติว่าต้องทำอย่างไร เหมือนเป็นไดเรกเตอร์ของโค้ชอีกที

ซิโก้แขวนสตั๊ดมานานเท่าไหร่แล้ว
เจ็ดปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐  ก่อนแขวนสตั๊ดเริ่มคิดว่าพอเลิกเล่นแล้วเราจะมีงานอะไรรองรับ ก็เลยเปิดบริษัทสปอร์ตฮีโร่ฯ วัตถุประสงค์คืออยากผลักดันให้เด็ก ๆ หันมาเล่นฟุตบอล  ตอนแรกเป็นบริษัทออร์แกไนเซอร์ จัดอีเวนต์ จัดทัวร์นาเมนต์ให้เด็ก ๆ เข้ามาแข่งขัน

ถึงช่วงที่คิดว่าฟุตบอลไทยลีกน่าจะบูมก็แนะนำเครื่องดื่มสปอนเซอร์ให้สนับสนุนไทยลีก ทำอยู่ ๓ ปี ปีแรกเครื่องดื่มสปอนเซอร์มอบเงินสนับสนุนสมาคมฟุตบอลฯ ๒๕ ล้าน ปีที่ ๒ กับ ๓ ปีละ ๗๐ ล้าน  พอไทยลีกบูมขึ้นก็เริ่มมีผู้สนับสนุนรายอื่นสนใจ เราเลยถอนตัว แนะนำเครื่องดื่มสปอนเซอร์ให้หันมาสนับสนุนทีมสโมสรแทน

ส่วนงานโค้ชต้องบอกว่าจับพลัดจับผลู เริ่มจาก “บิ๊กหอย” (วนัสธนา หรือ ธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยชุดดรีมทีม) ทำทีมจุฬาฯ-สินธนา บอกว่าซิโก้ช่วยเป็นโค้ชให้หน่อย ทำทีมหนีตกชั้น  ตอนนั้นทั้งลีกมี ๑๔ ทีม จุฬาฯ-สินธนาอยู่อันดับ ๑๓ จบฤดูกาลได้อันดับ ๘ หนีตกชั้นสำเร็จทั้งที่ยังไม่มีไลเซนส์เลย ความที่บอลลีกของเรายังเป็นกึ่งอาชีพ ตอนนั้นใครเป็นอดีตนักเตะทีมชาติหรือเคยเล่นสโมสรก็ผันตัวเองมาเป็นโค้ชได้

เส้นทางการทำทีมฟุตบอลต่อจากนั้นเป็นอย่างไร
จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะไปคุมทีมที่ไหน ผู้บริหารสโมสรชลบุรีเอฟซีติดต่อมาชวนกินข้าวด้วย คุยกันวันเดียวตัดสินใจไปทำชลบุรีฯ เลยเมื่อปี ๒๕๕๑-๒๕๕๒

เป้าหมายของชลบุรีฯ สูงมาก คือต้องการแชมป์สถานเดียวเพราะเพิ่งคว้าแชมป์มา ปรากฏว่าปีนั้นชลบุรีฯ เบียดอยู่กับเมืองทองฯ (ปัจจุบันคือสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) จนจบฤดูกาล ชลบุรีฯ มีแต้มน้อยกว่าหนึ่งหรือสองแต้ม  เมื่อพลาดแชมป์เราก็อยู่ไม่ได้ เพราะบอกแล้วว่าเป้าหมายมีอย่างเดียวเท่านั้น

หลังออกจากชลบุรีฯ ก็ไปคุมทีมฮองอันห์ยาลาย (Hoàng Anh Gia Lai FC) ในวีลีกของเวียดนาม แล้วกลับมาทำทีมจุฬาฯ-สินธนาที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบีบีซียู เอฟซี เล่นในลีกดิวิชัน ๑ ทำทีมปีเดียวก็ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นลีกสูงสุด จากนั้นทำทีมบางกอก เอฟซี แล้วก็ได้รับการทาบทามให้มาคุมทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ที่เนปิดอว์

รู้สึกตัวเมื่อไหร่ว่าชอบงานโค้ช อาชีพที่ว่ากันว่ามีความกดดันสูงที่สุดอาชีพหนึ่งในโลก
เราทิ้งสนามฟุตบอลไม่ได้ เพราะเติบโตมาจากฟุตบอล วันนี้ทุกอย่างที่มี บ้าน รถ เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินรางวัล ได้จากฟุตบอลทั้งนั้น แล้วเราจะกลัวอะไร มีอะไรต้องเสีย  ความจริงไม่มีใครอยากแพ้ ทุกคนอยากชนะทั้งนั้น แต่ก็มีหลายปัจจัย อันดับแรกต้องไม่กลัว ถ้ากลัวก็คงเดินออกจากสนามฟุตบอลไปนานแล้ว

ความยากลำบากของการเป็นนักเตะทีมชาติกับโค้ชทีมชาติต่างกันอย่างไร
แตกต่างเยอะ สมัยเป็นผู้เล่นเราแค่ดูแลสภาพร่างกาย กินนอน ซ้อม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด  ได้เล่นทีมชาติบ่อย ๆ ก็มีความมั่นใจขึ้น  ทุกอย่างถ้ามีความมั่นใจก็เก่งขึ้นเอง  หน้าที่ของผู้เล่นพออาบน้ำเสร็จ กินข้าว นอน ก็จบแล้ว แต่งานโค้ชไม่มีที่สิ้นสุด แม้ชนะก็ต้องมองเกมต่อไป เกมหน้าจะชนะยังไง ถ้าแพ้ก็ต้องทำการบ้านเพิ่ม ต้องทำงานให้หนัก หาองค์ความรู้ใหม่ ๆ  ทุกวันนี้ฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปมาก เกมเร็วขึ้น

ซิโก้นำประสบการณ์ในฐานะนักเตะมาใช้กับการเป็นโค้ชอย่างไร
เราถือว่าพรสวรรค์ไม่สำคัญเท่าพรแสวง คือเราไม่ใช่นักเตะพรสวรรค์ แต่พยายามแสวงหาโอกาส แสวงหาความสำเร็จ  ความจริงนักเตะทีมชาติไทยชุดดรีมทีมก็เป็นนักเตะเกรดซีที่เคยเล่นถ้วย ข ถ้วย ค หรือถ้วย ง ก่อน แล้วโค้ชจับมาซ้อมความฟิต ระเบียบวินัย  พวก ตะวัน ศรีปาน  ดุสิต เฉลิมแสน  ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล  สุชิน พันธ์ประภาส  วัชรพงษ์ สมจิตร  สมาน ดีสันเที๊ยะ  รุ่งเพชร เจริญวงศ์  ซิกล้วย-โกวิทย์ ฝอยทอง  ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พวกนี้นักเตะเกรดซีทั้งนั้น  แสดงว่าฟุตบอลสามารถฝึกสอนได้  ถามว่านักเตะเกรดเอไปไหน ไปกินเหล้า ขับรถ ชีวิตของเขาไม่ได้ถูกสร้างให้มีวินัย

ฉะนั้นถ้าอยากเป็นนักฟุตบอลที่ดีต้องทำอย่างไร ต้องมีวินัย มีความฟิต  เป็นคาแรกเตอร์ว่า พอเห็นซิโก้คือมีวินัยกับความฟิตเป็นอันดับต้น ๆ  เมื่อเราจับงานโค้ชทุกคนจะรู้ว่าอยู่กับซิโก้ต้องสองอย่างนี้  ถ้าไม่มีวินัยคุณหลุด ไม่มีความฟิตรับรองหลุดแน่นอน คือดึงความรู้สึกของเราตอนเป็นผู้เล่นออกมา

อีกอย่างจะพยายามบอกเด็กว่า พวกคุณยังไม่เก่งจริงหรอก เพราะถ้าเก่งจริงต้องไปฟุตบอลโลกแล้ว ฉะนั้นอย่าซ่าคิดว่าตัวเองเก่ง  เริ่มต้นจากหลักการง่าย ๆ คือความฟิตและไม่สร้างปัญหาให้ทีม ยังไม่ต้องพูดเรื่องเทคนิคหรือแผนการเล่น

สำหรับความรับผิดชอบต่อทีม สมัยค้าแข้งในฐานะกองหน้าที่เพื่อนร่วมทีมฝากความหวังไว้ ด้วยความที่เรามีชื่อเสียงว่าซิโก้ต้องยิงประตูนะ ยิงเสร็จต้องตีลังกาด้วย ก็กลายเป็นความกดดัน  เมื่อรับงานโค้ชปรากฏว่าเรื่องหนัก ๆ เราเคยผ่านมาหมดแล้ว จึงนำมาเป็นข้อคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในกีฬาฟุตบอล แต่เราทำเต็มที่แล้วหรือยัง  ถ้าทำเต็มที่แล้วก็ต้องปล่อยให้เป็นไปบ้างเพราะมันคือเกม ไม่ใช่สงคราม ไม่ใช่เตะแพ้แล้วจะเสียบ้านเสียเมือง  แต่เราก็ต้องบอกน้อง ๆ ว่าให้เล่นเต็มที่  คนไหนมีโอกาสติดทีมชาติ แฟนบอลพร้อมสนับสนุน พร้อมเชียร์ แต่ต้องเต็มที่ ต้องวิ่งสู้ฟัด  เราไม่รู้หรอกว่าใครเก่งกว่ากัน  แฟนบอลเสียสตางค์มาดูแล้ว เขาอยากเห็นนักเตะสู้จนถึงที่สุด

วันนี้แฟนบอลดูบอลเป็น ดูออกว่าคนไหนวิ่งไม่วิ่ง เล่นเต็มที่ไม่เต็มที่  คงไม่มีใครอยากเห็นนักฟุตบอลยืนเต๊ะท่าอยู่กลางสนาม  เราต้องหมั่นบอกว่าแฟนบอลพร้อมเชียร์ทีมชาติ เมื่อมีโอกาสแล้วต้องทำเต็มที่

zico03

ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช

เปรียบเทียบชีวิตนักฟุตบอลเมื่อ ๑๐-๑๕ ปีก่อนกับสมัยนี้
สมัยก่อนเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนาน เสเพล  เตะเสร็จกิน ดื่ม เที่ยว  ถ้าเป็นนักเตะทีมชาติก็แล้วแต่คน ส่วนใหญ่จะกินดื่มเที่ยวเสียมากกว่า  เราเองเล่นทีมชาติมา ๗ ปี ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน  ตรงกันข้ามมีความคิดว่าจะต้องก้าวไปให้ไกลยิ่งขึ้น  พอมีโอกาสไปเล่นฟุตบอลที่ต่างประเทศ นั่นสอนให้รู้ว่าการเป็นนักบอลอาชีพต้องทำอย่างไร จะไม่มีใครมาบอกให้ตื่น ไม่บอกว่าต้องกินข้าวกับอะไร จะรับอะไรเข้าร่างกาย ดื่มอะไร นอนพักผ่อนอย่างไร

พอไปอยู่อังกฤษจึงรู้ว่าเวตเทรนนิงสำคัญที่สุด  ทำไมนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกถึงวิ่งเกิน ๙๐ นาที ๑๒๐ นาทีได้ไม่มีหมดแรง เพราะเขาซ้อมหนักมาก  การซ้อมที่อังกฤษไม่มีวันไหนไม่เหนื่อย ไม่มีวันไหนกลับบ้านแล้วนอนแผ่  จะต้องหาน้ำส้ม น้ำแดงเฮลซ์บลูบอยกรอก เหนื่อยทุกวัน  ฉะนั้นเวลาทำอะไรหนัก ๆ ในชีวิตก็ต้องหนักสุด ๆ ถึงจะได้สิ่งที่หวัง  ถ้าเรายังไม่ทำงานหนักมันก็ไม่ได้หรอก

เมื่อ ๑๕ ปีก่อนบ้านเราจ้างนักเตะเดือนละ ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท  ตอนเราเล่นถ้วย ข ได้เงินเดือน ๒,๐๐๐ บาท  พอติดถ้วย ก ได้เพิ่มเป็น ๕,๐๐๐  เล่นให้สโมสรราชประชาถึงได้ขึ้นเป็น ๑ หมื่น  นักฟุตบอลคนอื่นก็ไม่น่าจะได้มากกว่านี้  สมัยนี้เงินเดือนมากขึ้น นักเตะรู้ว่าจะต้องกินโปรตีน กินสารอาหาร  เด็กยุคใหม่ที่ติดทีมชาติเริ่มดูแลร่างกาย เป็นมืออาชีพตั้งแต่เด็ก  จากเมื่อก่อนอายุ ๒๕-๒๖ ปีแล้วยังไม่เป็นมืออาชีพเลย อายุ ๒๗-๒๘ กำลังจะเป็นมืออาชีพ พอ ๓๐ ก็เลิกเล่นเพราะไม่มีฟุตบอลให้เล่น  ฉะนั้นตอนนี้นักฟุตบอลรุ่นใหม่เตรียมตัวเร็วขึ้นมาก เป็นมืออาชีพเร็ว ได้รับเงินเดือนสูง แต่สิ่งล่อใจภายนอกก็ตามมา  พอมีเงินเดี๋ยวก็มีแฟนหรือเพื่อนมารอข้างสนาม  ต้องถามใจว่าจะเอาดีด้านฟุตบอลจริงไหม  ถ้าใช่ ก็ต้องมีเวลาสำหรับการฝึกซ้อมมากขึ้น เพื่อนชวนไปเที่ยวก็ไปไม่ได้

การเป็นนักฟุตบอลวันนี้คุณต้องยอมเสียสละ ถ้าอยากเล่นทีมชาติก็ต้องเสียสละมากขึ้น  ต้องยอมรับว่าแต่ละก้าวของความเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ นักเตะระดับโลกเขาให้เวลากับการฝึกซ้อมแค่ไหน  ของเราซ้อมเช้า ๒ ชั่วโมง เย็น ๓ ชั่วโมง รวมกัน ๕ ชั่วโมง หรือบางสโมสรซ้อม ๓ ชั่วโมงตอนเย็นอย่างเดียว แต่นักเตะระดับโลกซ้อม ๘ ชั่วโมง  ถ้าอยากเป็นสตาร์ อยากประสบความสำเร็จ คุณต้องซ้อม ๘ ชั่วโมงนะ  หมายความว่านอกเหนือจากการซ้อมในทีมหรือสโมสรแล้วยังต้องกลับไปซ้อมด้วยตัวเองอีก

ช่วงที่ซิโก้ค้าแข้งอยู่ทำไมฟุตบอลลีกของประเทศเพื่อนบ้านถึงบูมกว่าลีกไทย
เพราะเขาชาตินิยม บ้าบอลมาก บอลเป็นชีวิตจิตใจ  อย่างเวียดนามได้รับวัฒนธรรมตอนเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส  สนามที่เวียดนามเป็นหญ้ามาเลย์ ใบใหญ่  ค่าบัตรผ่านประตูไม่แพง แค่เหรียญสองเหรียญ  คนเวียดนามเข้ามาดูเต็มสนาม  นักธุรกิจที่นั่นบ้าบอลมาก เสียเงินไม่ว่าแต่ขอมีชื่อ

สมัยก่อนเวียดนามกับพม่าเก่งฟุตบอลมาก  พม่าได้แชมป์เอเชียนเกมส์ เราสู้เขาไม่ได้  ฟุตบอลทำให้เขาผูกพัน เป็นกีฬายอดฮิตที่มีคนคลั่งไคล้กว่าบ้านเราเยอะ  จะเห็นว่าลีกเพื่อนบ้านเราเติบโตมาก่อนไทย  มาเลเซียมีเอ็มลีกที่พวก “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน  พี่แป๊ะ วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ ไปค้าแข้ง  พอลีกมาเลย์ซบเซาก็ถึงยุคเอสลีกของสิงคโปร์ที่นักเตะดัง ๆ ของไทยไปขุดทองกัน  ตอนนั้นวีลีกของเวียดนามก็ดังแต่เราไม่ค่อยรู้จักเพราะคิดว่าบ้านเมืองเขามีแต่สงคราม จริง ๆ บอลลีกเขาดังมาก  ที่วีลีกของเวียดนามเวลาซื้อตัวนักฟุตบอลสมัยก่อนคนหนึ่ง ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน ๑๕ ล้านบาท  นักเตะดัง ๆ ในประเทศก็ได้ค่าตัวสูง  มีนักเตะบราซิล ยุโรปตะวันออกมาค้าแข้ง ค่าตัวหลายสตางค์  เซ็นสัญญาได้รับคนละ ๓-๔ แสนเหรียญ  ลีกอินโดนีเซียก็ดังมาก  ลีกของเราต่างหากที่ไม่ดัง ลีกของเขาดังกว่า แต่ทีมชาติของเราดีกว่าเพราะได้แชมป์ซีเกมส์

ชีวิตการค้าแข้งในต่างแดนเป็นอย่างไร
ปี ๒๕๔๑ ไปเล่นที่รัฐปะลิส มาเลเซีย เล่น ๖ เดือนได้เงินเดือนเดือนละ ๒ แสนบาท ๖ เดือนได้ ๑.๒ ล้าน  เริ่มรู้สึกว่าเล่นบอลอาชีพได้เงินเยอะจัง จากที่อยู่เมืองไทยเคยได้เงินเดือน ๒,๐๐๐ เอง พออยู่มาเลย์ให้เงิน ๒ แสน นี่เมื่อ ๑๕ ปีที่แล้วนะ ทำงาน ๖ เดือนได้ ๑.๒ ล้าน โอย อยากเล่นบอลอาชีพแล้ว  ปีต่อมาอายุ ๒๗-๒๘ เป็นจุดสูงสุดของอาชีพนักฟุตบอล ตัดสินใจไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรฮัดเดอร์สฟีลด์ทาวน์ อังกฤษ ให้เอเจนต์พาไป ได้เวิร์กเพอร์มิตเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เซ็นสัญญาปีครึ่ง

ที่อังกฤษเงินเดือนอาจไม่มาก เขาจ่ายเป็นสัปดาห์ สัปดาห์ละ ๓,๐๐๐ หรือ ๔,๐๐๐ ปอนด์ รวมแล้วได้เดือนละ ๔-๕ แสนบาท ซึ่งต้องหักภาษีอีกประมาณ ๔๐ เปอร์เซ็นต์  ทว่าตอนนั้นไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก ไม่เน้นว่าจะต้องได้เงินเท่าไหร่ ขอแค่ไปหาประสบการณ์ ตามหาฝัน สร้างชื่อว่าเป็นคนไทยคนแรกที่เล่นในอังกฤษ  ถึงที่สุดแล้วจะไม่มีโอกาสได้ลงเล่น แต่ถือว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์การฝึกซ้อมกับนักเตะดี ๆ ทั่วโลก ได้เห็นว่าไม่มีที่ไหนซ้อมหนักเท่าอังกฤษอีกแล้ว คือสิ่งที่เราจดจำมาตลอดชีวิต

หลังกลับจากอังกฤษวางแผนค้าแข้งอย่างไรต่อไป
พอกลับมาจากอังกฤษ สภาพร่างกายเราดีมาก เซ็นสัญญา ๒ ปีเล่นให้ทีมสิงคโปร์อาร์มฟอร์ซ (Singapore Armed Forces)ทีมใหญ่มีเป้าหมายเดียวคือแชมป์เพราะเขาลุ้นกับโฮมยูไนเต็ด (Home United FC) สองทีมนี้เบียดกันมาแบบนี้อีกแล้ว  พอดีปีเดียวกันไทยมีลุ้นเข้ารอบ ๑๐ ทีมสุดท้ายคัดเลือกฟุตบอลโลกโซนเอเชีย ถือว่าสูงสุดของทีมชาติไทย ทำให้เราต้องกลับมารับใช้ชาติบ่อย สโมสรไม่แฮปปี้  จบฤดูกาลได้แค่รองแชมป์ สโมสรเลยยกเลิกสัญญา  แต่เราก็ภาคภูมิใจว่าได้กลับมาทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ  ตอนนั้นเริ่มคิดว่าพอ เบื่อการเล่นฟุตบอลแล้ว ที่ผ่านมาได้ไปเล่นในมาเลเซีย อังกฤษ สิงคโปร์ ประเทศดี ๆ ทั้งนั้น จึงตัดสินใจแต่งงาน  อายุ ๒๙ ปี คิดว่าพอแล้วกับการเล่นฟุตบอล จะเลิกเล่นดีไหม เพราะบ้านเราไม่มีบอลลีกอาชีพ ที่มีก็เตะเป็นบอลถ้วยธรรมดา  ปรากฏว่าวันแต่งงานประธานสโมสรฮองอันห์ยาลายของเวียดนามมาร่วมงานเอ่ยปากชวนไปเล่นที่เวียดนาม เราก็บอกไม่ไป  เขาบอกว่าลงทุนซื้อสโมสรที่จังหวัดยาลาย  บริษัทของเขาชื่อฮองอันห์ รวมเป็นฮองอันห์ยาลาย ขอให้ไปช่วยเล่นหน่อย  เราตัดสินใจเซ็นสัญญา ๔ เดือนทั้งที่ไม่สนใจว่าเขาอยู่ดิวิชันไหน เพราะไม่อยากเห็นคนรักฟุตบอลเสียใจ คือดูแล้วเขาเป็นนักธุรกิจที่ซื้อสโมสรฟุตบอลมาบริหารแล้วอยากได้เราไปเล่นกองหน้าก็เลยไป  ตอนนั้นได้รับเงินเดือนหมื่นเหรียญ เท่ากับเดือนละ ๔ แสนบาท เซ็นสัญญา ๔ เดือนซึ่งสั้นมาก  ปรากฏว่าพอเดินทางถึงเวียดนามแฟนบอลแห่มาต้อนรับเราที่สนามบิน ๗,๐๐๐-๘,๐๐๐ คน หรืออาจจะถึงหมื่น มอเตอร์ไซค์มาเต็มเลย  คือยังไม่ทันเตะ แต่กดดันแล้ว  มารู้ทีหลังว่าฮองอันห์ยาลายเล่นในดิวิชัน ๑ คือไม่ใช่วีลีกหรือลีกสูงสุด แต่ต้องการขึ้นไปเล่นวีลีกให้ได้  สุดท้ายเขาเอาสามทีมเลื่อนชั้นขึ้นไป ฮองอันห์ยาลายได้ขึ้นด้วย แฟนบอลจึงแห่นักเตะทั้งทีมรอบเมืองเลย  ทีนี้ก็เริ่มมันแล้ว

แฟนบอลเวียดนามไม่มองนักเตะไทยเป็นศัตรูหรือ
แต่ก่อนเป็นศัตรู เพราะในซีเกมส์เราชิงกับเวียดนามบ่อยแล้วเราชนะตลอด  เขาเลยยอมรับตรงนี้แบบซูฮก  แต่ก่อนทีมชาติไทยแข่งกับเวียดนาม นักธุรกิจไทยหรือร้านอาหารไทยต้องปิดร้านเพราะว่าเหมือนสงคราม สนามต้องแตกไปข้างหนึ่ง ไม่ว่าเกมเยือนหรือเกมเหย้า ไม่มียอมกัน  พอเราไปเล่นที่เวียดนามบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย  จากเคยรู้สึกเป็นศัตรูอยู่ลึก ๆ เรากลับเหมือนคนของเขา คือไม่ถึงกับคลายเพราะเรานะ แต่เพราะฟุตบอลเป็นกีฬายอดฮิต  เมื่อเราช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ฮองอันห์ยาลายพาทีมเลื่อนชั้น  แฟนบอลก็ดีใจ  ประธานสโมสรยื่นสัญญาให้อีก ๒ ปี  ตอนนั้นเริ่มสนุกเลยต่อสัญญา  หลังจากนั้นปรากฏว่าได้แชมป์วีลีกทั้งที่ทีมเพิ่งเลื่อนชั้น  ชื่อเสียงฮองอันห์ยาลายโด่งดัง คนเริ่มรู้จักมากขึ้น กลายเป็นความรักในตัวเราของคนเวียดนาม  เหมือนเพื่อนกัน  เวลาไปไหนก็สะดวกสบาย ไม่มีทะเลาะกันอย่างสมัยก่อน  อยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นบ้านหลังที่ ๒  คนเวียดนามให้เกียรติและรักเรา  เราเองก็คิดว่าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการเล่นฟุตบอลก็อยู่ที่เวียดนาม

หลังคว้าแชมป์วีลีกติดต่อกันสองสมัย ประธานสโมสรก็ยื่นข้อเสนอให้อีก ๒ ปี  เราคิดว่าพอแล้วดีกว่า เพราะภรรยาต้องเลี้ยงลูกคนเดียว  ตัดสินใจไม่ต่อจนเขาบอกว่า “ยูไม่อยากคว้าแชมป์สามสมัยซ้อนกับเราเหรอ” นักฟุตบอลทุกคนพอได้ยินประโยคแบบนี้มันท้าทาย ก็เลยต่อสัญญาอีก ๒ ปี บอกประธานสโมสรว่าคราวนี้ถ้าได้แชมป์ก็กลับนะ

ปรากฏว่าปีที่ ๑ ไม่ได้แชมป์ ได้แค่ที่ ๓ หรือที่ ๔ เหลืออีกปีก็ได้ที่ ๒ หรือ ๓ ถึงตอนนั้นก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าพอแล้ว เขาจึงจัด testimonial match แมตซ์พิเศษให้อำลาสนาม ถ่ายทอดสดทั่วเวียดนาม เป็นความประทับใจ ปิดฉากการเล่นฟุตบอลที่เวียดนามแล้วกลับมารับใช้ทีมชาติในเอเชียนคัปนัดสุดท้ายกับเลบานอนก็ถือโอกาสประกาศอำลาทีมเลย

zico04

ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง

เมื่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยื่นข้อเสนอให้คุมทีมชาติไทยชุดลุยซีเกมส์ คิดจะปฏิเสธหรือไม่
สองจิตสองใจนะ คือหลังแขวนสตั๊ดได้คุมทีมระดับสโมสรก็ดีอยู่แล้ว ผลงานก็ใช้ได้ แต่งานทีมชาติมันแพ้ไม่ได้  คือเรา (ทีมชาติไทย) เพิ่งตกรอบแรกซีเกมส์ติดต่อกันสองสมัย ปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๔ ถ้าปีที่จะมาถึง (๒๕๕๖) วืดแชมป์อีกจะกลายเป็น ๖ ปี นานมากสำหรับเรา

เรา (ซิโก้) เล่นทีมชาติมา ๑๕ ปีไม่เคยแพ้ใครในอาเซียน ความจริงเคยแพ้ครั้งหนึ่งถ้วยไทเกอร์คัป แต่วันนั้นเจ็บเข่าไม่ได้ลงสนาม ก็ถือว่าเราติดทีมชาตินานไม่เคยแพ้ใคร แล้วหลังแขวนสตั๊ดรู้สึกว่าตัวเองเป็นได้แค่ผู้ดู ลองเป็นผู้ปฏิบัติบ้างดีกว่า ถึงจะรู้ชะตากรรมว่าถ้าแพ้ก็ตกนรก ชนะก็ขึ้นสวรรค์นะ  ทำฟุตบอลระดับสโมสรได้เงินเข้ากระเป๋า แต่คงไม่มีความสุขเหมือนทำทีมชาติ  อย่างน้อยก็สั่งให้เด็กวิ่งสู้ฟัดหรือบู๊ล้างผลาญ เอามันเอาสนุกเข้าว่า จะกลัวอะไร

ความจริงคนไทยยกย่องเชิดชูเราตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่น แต่เราไม่ได้อยากเป็นดาวค้างฟ้า ไม่ได้เข้าวงการนี้เพราะอยากจะเป็นดาว เพียงคิดว่าได้ทำอะไรให้ประเทศชาติบ้างหรือยัง  แต่ละคนที่มีเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ได้ทำอะไรให้ประเทศนี้บ้าง  เมื่อมีทุกอย่างแล้วจะไม่เหลียวแลประเทศชาติเลยหรือ  ตรงนี้เองที่ทำให้ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้ายกับแชมป์ เมื่อได้แชมป์ก็คือแชมป์ แล้วมันทำให้ใครมีความสุข คนมีความสุขคือคนไทย ๖๐ ล้านคนที่ยิ้มได้  ตำแหน่งแชมป์ใช้เงินซื้อไม่ได้ คนไทยเฉลี่ยกันออกคนละบาทรวม ๖๐ ล้านบาทก็ซื้อแชมป์ไม่ได้นะ

ฉะนั้นเรามาทำทีมชาติโดยไม่ได้มีความคิดว่าทำแล้วต้องเป็นดาว ดาวรุ่ง ดาวดับ หรือดาวร่วง แต่เพราะต้องการเห็นวงการฟุตบอลพัฒนา เห็นคนไทยมีความสุขมากกว่า  ถ้าคิดอย่างนั้นได้ตั้งแต่แรกก็จบ กีฬาฟุตบอลจะมีไปอีกชั่วกัลปาวสาน ไม่ได้มีแค่รุ่นเรา  คนไหนทำหน้าที่ให้ประเทศชาติได้ก็ควรมา ถึงไม่ใช่เต็งหนึ่งก็ควรจะมา  นอกจากเบื่อ ไม่อยากยุ่งไม่อยากเป็นขี้ปากคน

ตอนนั้นจำได้ว่ากลับมาถามภรรยาว่าจะเอาอย่างไร  ถ้าทำก็ต้องลาออกจากสโมสรบางกอก เอฟซี ที่เราพาลูกน้อง สตาฟทีมงานไปอยู่ด้วย  เราออกคนหนึ่งก็คงต้องออกหมด ตัดสินใจขอประธานสโมสรว่าเราขอไปรับใช้ชาติ แต่ขอให้สตาฟยังอยู่ที่นี่  หาเฮดโค้ชที่รู้จักไปช่วยบางกอก เอฟซี แล้วเราก็ฟอร์มทีมงานชุดซีเกมส์ขึ้น ดึงเพื่อนนักเตะเก่า ๆ มาช่วย  ตั้งแต่นาทีแรกก็รู้ชะตากรรมว่าต้องแชมป์อย่างเดียว แชมป์อย่างเดียวกรอกอยู่ในหู

เตรียมทีมเพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืนมาอย่างไร
เสนอนโยบายกับสมาคมฟุตบอลฯ ว่าช่วง ๔-๕ เดือนแรกต้องคัดเลือกผู้เล่นก่อน มีเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติหนึ่งนัดต่อเดือนเตรียมแผนอุ่นเครื่อง เก็บตัวฝึกซ้อมทั้งในและต่างประเทศ  ทุกคนรับหลักการ  ถามว่าเจอกันเดือนละครั้งพอมั้ย  เหมือนจะพอแต่ก็ไม่พอหรอก เพราะเป็นแค่ลงเกมอุ่นเครื่องเฉย ๆ ไม่มีเวลาเพียงพอในการฝึกซ้อมร่วมกัน  นักเตะแต่ละคนมาจากต่างสโมสร เคยเล่นคนละสไตล์ เมื่อสวมเสื้อทีมชาติไทยต้องรวมกันเป็นเนื้อเดียว

งานยากสุดของโค้ชทีมชาติยุคนี้คือการดึงตัวนักเตะมาเล่นทีมชาติ เพราะคำว่าสโมสรเป็นเจ้าของนักเตะชัดเจนกว่าแต่ก่อนซึ่งนักเตะเงินเดือน ๕,๐๐๐ แต่เดี๋ยวนี้ ๒-๓ แสน  แล้วใครจะอยากมาเล่นให้ทีมชาติ มันเจ็บตัว แพ้ก็โดนด่า อยู่สโมสรได้รับเงินเดือนดี ๆ อยู่แล้ว  แต่อย่างที่บอกว่าทีมชาติน่ะยิ่งใหญ่ ถึงลีกฟุตบอลในประเทศดียังไงถ้าทีมชาติไม่ประสบความสำเร็จก็โดนดูถูก  ตอนนี้ในอาเซียนเราโดนดูถูกพอสมควร  เมื่อรับหน้าที่โค้ชก็ต้องเข้าหาหลาย ๆ สโมสร ขอความร่วมมือจากประธานสโมสรว่าอยากได้นักเตะของท่าน แต่นักเตะก็ต้องผ่านการทดสอบด้วย

ถือเป็นเรื่องผิดปรกติหรือไม่ที่คนระดับโค้ชทีมชาติต้องเข้าหาประธานสโมสร
อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ  ความจริงคือเรามีสิทธิ์เลือกนักเตะตามอำนาจ แต่เลือกแล้วเขาจะมาหรือเปล่า  เจ้าของจะปล่อยมั้ย  ลูกเขาโดนเตะเจ็บกลับไปใครรักษา  เขาเป็นเจ้าของต้องจ่ายเงินเดือนเดือนละ ๒-๓ แสนบาท ตั้งใจเก็บไว้ใช้งานฟุตบอลลีก  ตรงนี้ก็ทำงานยากขึ้น ต้องเข้าไปพูดว่าถ้าบรรยากาศของฟุตบอลทีมชาติดี ภาพรวมในวงการฟุตบอลก็จะดีขึ้น  แล้วก็ต้องพูดคุยกับนักเตะว่าถ้าติดทีมชาติ อำนาจต่อรองหรือโอกาสที่จะได้รับเงินเดือนสูง ๆ ก็มากขึ้น

วันนี้อุปสรรคของคนเป็นโค้ชทีมชาติไทยอีกอย่างคือไม่สามารถนำนักเตะมาเก็บตัวได้นาน ๆ เหมือนสมัยก่อน ซึ่งทีมชาติชุดดรีมทีมเก็บตัว ๒-๓ เดือน กินนอนด้วยกันตลอด แต่เดี๋ยวนี้นักเตะเป็นสมบัติของสโมสร การดึงมาใช้งานจึงต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานสโมสร ซึ่งทุกคนก็โอเคเพราะยังอยากเห็นเด็กของตัวเองติดทีมชาติ

ทัศนคติที่บอกว่ารักชาติ ทำเพื่อชาติ นักเตะรุ่นใหม่มีความรู้สึกแบบนั้นหรือไม่
ยังต้องปรับ ต้องทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจ แค่คุณได้ใส่เสื้อทีมชาติไทยก็ถือว่ายิ่งใหญ่แล้วนะ ไม่ต้องได้เหรียญ  ในอาเซียนมีหลายประเทศที่ไม่เคยได้เหรียญซีเกมส์เลย แต่เขาภูมิใจที่ได้ใส่เสื้อทีมชาติ  เนี่ยดูรูป (ชี้รูปตัวเองบนผนัง) รับถ้วยพระราชทานคิงส์คัป ใส่เสื้อทีมชาติ เป็นกัปตัน  มันมีความหมาย ซื้อไม่ได้ ขอใส่ก็ไม่ได้ จะไปขอเขาใส่เสื้อทีมชาติไทยถ่ายรูปใส่กรอบก็ไม่กล้า เพราะต้องมีส่วนร่วมเข้าไปทำงาน  กองเชียร์ทีมชาติไทยก็คือกองเชียร์ ได้ใส่เสื้อทีมชาติไทยแต่ก็เป็นกองเชียร์ ไม่ได้เป็นนักเตะทีมชาติ  เป็นเรื่องของจิตใจ

สำหรับแฟนบอลทีมชาติไทย ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะทีมชาติไทยเป็นของคนไทย ทุกคนต้องมีส่วนร่วม  ไม่เชียร์อย่าดูถูก เพราะถือเป็นการดูถูกชาติตัวเอง  วันนี้ทำไมคุณกล้าใส่เสื้อลิเวอร์พูล แมนฯ ยูฯ แต่ไม่กล้าใส่เสื้อทีมชาติไทย  แล้วคุณรักทีมชาติไทยยังไง รักตอนที่ชนะ แล้วตอนแพ้ไม่รักเหรอ  ถูกไหม  ฉะนั้นไม่มีใครที่ไม่รักประเทศชาติ  ทุกคนรักแต่กล้าแสดงออกหรือเปล่า สิ่งที่ทำเต็มร้อยหรือยัง  ของเรา (ซิโก้) ทำร้อย  ทำเยอะพูดให้น้อย ดีกว่าทำน้อยพูดซะเป็นพัน

อย่างพวกเรากล้าแสดงออก ทีมชาติใครก็แตะไม่ได้ ใครมาด่าว่าก็ด่ากลับ ถ้าไม่รักก็ไม่ควรดูถูกหรือต่อว่า  ที่ผ่านมาก็เห็นว่าไม่ได้ต่อว่าประเทศชาตินะ ต่อว่าบุคคลมากกว่า เกี่ยวกับผู้บริหาร คนโน้นคนนี้

สถานการณ์ทั่วโลกอาจเป็นเหมือนกัน คือนักเตะให้ความสำคัญต่อสโมสรมากกว่าทีมชาติ
เอาเข้าจริงแล้วไม่มีหรอก นักเตะที่ยิ่งใหญ่อยากติดทีมชาติทั้งนั้น  ฮวน มาตา (Juan Mata) จอห์น เทอร์รี (John Terry) เดวิด เบกแฮม (David Beckham) พวกเขามีเงินนับพันล้านยังอยากเล่นทีมชาติ  ไอ้เรามีเงินแค่เศษของเขาทำเป็นหยิ่งยโส

ทีมชาติไทยชุดนี้มีอย่างนั้นบ้างหรือเปล่า
ก็มี แต่ไม่อยากด่ามาก  หน้าที่ของเราคือทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจ  เราเป็นโค้ชต้องบิวด์ ทำให้รู้สึกอิน ว่าแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์ไม่ว่ายังไงเขาก็เชียร์

ซิโก้เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาในการคุมทีมจากไหน
จากประสบการณ์ที่เคยเล่นฟุตบอลและความที่อายุเรากับนักเตะไม่ห่างกันมาก  รุ่นน้องเคยเห็นเราเล่นบ้าง เราสามารถเป็น demonstration (การสาธิต การพิสูจน์) ได้ คือทำให้ดูเป็นแบบอย่าง  หรือพ่อแม่เขารู้จัก เราอาศัยตรงนี้

แผนการเล่นหรือสไตล์การเล่นของโค้ชซิโก้เป็นอย่างไร
สมัยก่อนชอบบอลรุกเพราะเราเป็นศูนย์หน้า รู้ว่าจะเอาชนะเกมรับคู่ต่อสู้อย่างไร  คือถ้าเมื่อไหร่กองหลังคู่แข่งรั่ว มีโอกาสยิงได้ทุกเมื่อ  ทุกคนเวลาเล่นฟุตบอลชอบรุก ไม่มีใครชอบรับเพราะเหนื่อย รุกน่ะมัน  เวลาเสียประตูมักจะโทษกันทำไมไม่รับ เสียประตูเพราะแก  ไม่มีโทษหรอกว่าทำไมไม่ยิง ทำไมไม่รุก  ที่ทุกคนจะโทษคือทำไมไม่มารับ (วะ)

เราเคยทำทีมสโมสรเน้นรุกอย่างเดียวเพราะคิดว่ามีนักเตะทีมชาติเยอะ  ปรากฏว่าเจอคู่ต่อสู้เล่นรับอย่างเดียว ไม่รุกเลย  เราก็ไม่ชนะ  ฉะนั้นเกมรับก็มีความสำคัญ หากไม่เสียประตูมีโอกาสชนะกับเสมอ แต่ถ้าเสียประตูมีโอกาสเสมอกับแพ้  เกมรุกที่ดีมาจากเกมรับเหนียวแน่น ถ้ารับดีเดี๋ยวเกมรุกมาเอง

นอกเหนือจากทักษะหรือความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะแล้ว ความเข้าใจเกมก็สำคัญ  นี่เป็นเรื่องของแท็กติก คุณต้องรู้ศาสตร์ของฟุตบอล ว่าเกมรุกเล่นยังไง เกมรับเล่นยังไง  ระบบ ๔-๓-๓, ๔-๒-๓-๑, ๔-๕-๑ เล่นยังไง  เวลาโดนใบแดงต้องปรับเป็น ๔-๔-๑ หรือโดนใบแดงสองคนต้องปรับเป็น ๔-๓-๑ อันนี้ต้องเข้าใจ

นักเตะบางคนเก่งมาก ทักษะดี แต่เล่นเป็นทีมไม่ดี เรียกว่าไม่เข้าใจเกม  โค้ชอยากจะเล่นทีมเวิร์ก เขาก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรือเล่นรุกอย่างเดียวไม่ช่วยเกมรับ หรือรับอย่างเดียวไม่รุกเลยก็มี  ทีมเวิร์กต้องเคลื่อนทั้งระบบ  อย่างทีมชาติญี่ปุ่นทั้งทีมเคลื่อนไปด้วยกัน  บทบาทหน้าที่แต่ละตำแหน่งเขาจะเข้าใจ  ศูนย์หน้า แบ็ก กลางมีหน้าที่อะไร กำหนดไว้หมด

คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้ทีมชาติไทยตกรอบแรกซีเกมส์สองครั้งที่ผ่านมา
ความประมาท  ชั้นเชิงบอลในอาเซียนเราเหนือกว่าเขาแต่ประมาท ไม่ซ้อม คิดว่าแข่งยังไงก็ชนะ เก๋า  ซ้อม ๕ วัน ๑ อาทิตย์ ๑ เดือนไม่ต้องฟิต เดี๋ยวก็ชนะ แต่เด็กไม่มีแรง ไม่มีความเข้าใจระบบ แล้วจะชนะได้ไง

ความประมาททำให้แชมป์เก่าตกรอบแรกได้เลย เพราะทุกทีมฟิตซ้อมมาดี  การเล่นในอาเซียนใครก็ต้องการล้มทีมชาติไทยอยู่แล้ว ขนาดจะจูงมือกันเข้ารอบกับอินโดนีเซียคราวก่อน (ซีเกมส์ปี ๒๕๕๔) เขายังไม่จูงมือเรา เขี่ยเราเลย  ปีที่ผ่านมาก็เหมือนกัน พม่าก็เกือบจะเขี่ยเรา  วางแผนไว้ซะดิบดีแต่เผอิญตัวเองร่วงก่อน

เพราะฉะนั้นเราถึงต้องวางแผนซ้อมตั้งแต่เดือนมกราคม (๒๕๕๖) มีเวลา ๑๑ เดือนสร้างความฟิต ความเข้าใจ ก่อนไปเนปิดอว์ เก็บตัวที่เชียงใหม่ ๑ เดือนก็ยังเกือบจะไม่รอด  ทั้งที่ซ้อมขนาดนี้ยังเกือบตกรอบเลย  เห็นมั้ยพอเข้ารอบรองชนะเลิศ รอบชิงชนะเลิศ เด็กแผ่ว  ฉะนั้นต้องถามใจตัวเองว่าได้แชมป์มาเนี่ยไม่ได้เหนือเขานะ หนึ่ง โชคด้วย  สอง แรงยังพอมีเหลือบ้าง  สาม เทคนิคส่วนบุคคลของนักบอลชุดนี้โอเค ใช้ได้ เขาเก่ง

ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวชคิดว่าจะวางรากฐานให้ฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างไร
ต้องรื้อทั้งระบบ  มีแนวโน้มว่าถ้าฟุตบอลลีกระดับสโมสรแข็งแกร่งทีมชาติก็แข็งแกร่ง  ฉะนั้นวันนี้เราต้องทำงานร่วมกันระหว่างสโมสรกับทีมชาติ  อย่างแรกสโมสรกับสมาคมฟุตบอลฯ ต้องเป็นหนึ่งเดียว วางแผนร่วมกันว่าจะเดินไปทางไหน จะวางรากฐานนักเตะเยาวชนด้วยการให้สโมสรตั้งอะคาเดมีมั้ย คือจะมีทีมเยาวชนของแต่ละสโมสรหรือเปล่า  กำหนดให้ทุกทีมทำเหมือนกัน หรือจะต้องมีโรงเรียนสอนศาสตร์ฟุตบอลเฉพาะทาง

สมัยก่อนมีโครงการช้างเผือก แต่เดี๋ยวนี้ช้างเผือกหมดป่า เพราะไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ไม่มาเตะบอล  ฉะนั้นจะทำอย่างไร สมาคมฟุตบอลฯ ต้องออกกฎ ต้องสร้าง เพราะต่อไปสโมสรซื้อนักเตะก็เสียเงินอย่างเดียว

ช่วงญี่ปุ่นสร้างระบบฟุตบอลลีกใหม่ ๆ ก็ใช้วิธีดึงนักเตะต่างชาติเพื่อสร้างความสำเร็จและเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แต่วิธีนี้ไม่ดีกรณียังไม่รู้ว่าคนที่เลือกเก่งจริงหรือไม่ ไม่ใช่ขอให้ผมแดง หัวทอง พูดภาษาอังกฤษได้หน่อย ก็ดึงเข้ามา ดังนั้นต้องกำหนดโควตานักเตะต่างชาติ  วันนี้อนุญาตให้สโมสรมีนักเตะต่างชาติได้ ๗ คน ถ้ามี ๑๑๓ สโมสร จะมีนักเตะต่างชาติประมาณ ๗๐๐ คน  ตีว่าเงินเดือนขั้นต่ำคนละแสน คนหนึ่งต้องจ่ายปีละประมาณ ๑ ล้าน  ๗๐๐ คนก็ ๗๐๐ ล้าน ทั้งสูญเสียรายได้และนำเงินออกนอกประเทศด้วย

ที่อังกฤษทุกทีมมีอะคาเดมีและทีมระดับเยาวชน  เด็ก ๆ รอเวลาไต่เต้าขึ้นมาเล่นชุดใหญ่  เมืองไทยมีลีกอาชีพมา ๕-๖ ปีแล้วแต่ยังไม่มีอะคาเดมี ซึ่งควรจะมี เพราะทุกจังหวัดทั่วประเทศก็มีเด็ก ๆ ที่มีความสามารถ ก็รู้ว่าต้องใช้เงินเยอะ  การทำทีมฟุตบอลแค่ first team อย่างเดียวก็ใช้เงินไม่น้อย  การตั้งอะคาเดมีจะเพิ่มโครงสร้างการทำงานอีกมากแต่คิดว่าน่าจะทำได้

นักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ล่าสุดพอเป็นความหวังของทีมชาติในอนาคตได้มากน้อยแค่ไหน
เหมือนปลูกต้นไม้ก็ต้องเรียกว่ากำลังเพาะเมล็ด  คือบางคนอาจคิดว่าเป็นความสำเร็จ แต่เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กมากกว่า รวมทั้งตัวเองด้วยในงานโค้ชระดับทีมชาติ  อย่าเพิ่งดีใจ หรือดีใจ  มีความสุขได้ แต่อย่าหลงระเริงว่าเก่งแล้ว  ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ  ต้องคอนโทรลเด็กอย่าให้เตลิด อย่าให้เขาคิดว่าตัวเองเก่ง หมดการพัฒนาแล้วเพราะได้แชมป์  แชมป์ซีเกมส์เป็นเพียงความหวังว่ากุหลาบต้นนี้จะผลิดอกออกผล  เรายังมีข้อบกพร่อง มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก  ต้องพัฒนาความฟิต เรื่องเวตเทรนนิง วิทยาศาสตร์การกีฬา แท็กติกการเล่น ชั้นเชิง  นี่เพิ่งก้าวแรกเท่านั้น

หมายเหตุ : บทสัมภาษณ์นี้เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์  เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ก่อนหน้าซิโก้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย “ชุดใหญ่” ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยความหวังว่าจะสานต่อความสำเร็จจากการคุมทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ อันเป็นทีมชาติ “ชุดเล็ก” รุ่นอายุต่ำกว่า ๒๓ ปี