ด.ช. กล้าณรงค์ ดีรอด

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดกก กรุงเทพฯ

เรื่อง ไร้สาระ...ซะเมื่อไหร่

จริงๆ แล้วผมไม่ใช่เด็กเรียนเก่งนะครับ คะแนนอยู่ตรงกลางค่อนมาทางน้อยด้วยซ้ำ ผิดกับพี่สาวผมเธอเรียนดีมาก จบปริญญาตรีได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า แต่ทางบ้านผมทุกคนเข้าใจสภาพของผมว่าจะให้เหมือนพี่สาวนั้นไม่ได้ แม่บอกว่า ผมไม่เอ๋อก็ดีนักหนาแล้ว เพราะแม่ผมมีผมตอนอายุ 34 ปี ถือว่าอายุมากสำหรับผู้หญิง ถึงผมจะเรียนไม่เด่น แต่ผมชอบอ่านหนังสือเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะการ์ตูน (สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่ ปังปอนด์ มหาสนุก) กับหนังสือพิมพ์ ผมกับแม่ชอบแย่งกันอ่านตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน แม่ผมนั้นติดมาก ถ้าอ่านยังไม่จบคอลัมน์หรือจบทั้งฉบับอย่าหวังว่าจะให้แม่พูดหรือทำอะไรเลย ผมเคยเซ้าซี้ถามเรื่องถุงเท้า กางเกง ว่าแม่เห็นมั้ย ตอนแรกแม่ก็ก้มหน้าอ่านเฉยๆ ผมถามซ้ำอีก คราวนี้โดนแม่ตะเพิดใส่เลยว่า "จะไปรู้รึ ไม่ได้ใส่ด้วยนี่" ตอนหลังแม่สั่งหนังสือพิมพ์เป็นสองฉบับต่อวัน ผมกับแม่ก็ผลัดกันอ่าน ถ้าแม่อ่านมติชน ผมจะอ่านคม ชัด ลึก พออ่านเสร็จก็แลกกัน แต่ส่วนมากผมอ่านน้อยกว่าแม่ เพราะต้องรีบไปโรงเรียน

การอ่านหนังสือพิมพ์ทำให้ผมรู้เรื่องข่าวต่างๆ ที่กำลังเป็นที่ฮือฮา หนังสือพิมพ์จะพาดข่าวตัวเบ้อเริ่ม พอจับความได้ว่าเป็นข่าวอะไร ถ้าสนใจก็อ่านเนื้อหาต่อไป หรืออ่านต่อหน้าไหนเขาจะบอกไว้ และจากการอ่านหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก นี่เอง วันหนึ่งผมพบคอลัมน์ "พี่กุ๊กไก่บอกข่าว" ลงประกาศเรื่องการประกวดการเขียน "เล่มนี้สิ น่าอ่าน" ผมอ่านเสร็จแอบเอากรรไกรตัดไว้เลย ใส่ไว้ในลิ้นชัก แล้วตอนสายๆ ผมโทรศัพท์มาบอกแม่ว่า ให้โทรหารายละเอียดให้หน่อย ผมอยากประกวด แต่รายชื่อหนังสือที่แนะนำ 100 เล่มนั้นผมไม่รู้ว่าผมมีบ้างหรือเปล่า แม่รับเป็นธุระจัดการให้ เมื่อผมกลับมาจากโรงเรียน แม่ก็เอาเอกสารที่อาจารย์ ดร. ชัยวัฒน์ คุประตกุล แฟกซ์มาให้ผมดู แม่บอกว่าถ้าผมไม่เลือกอ่านหนังสือที่กำหนดนั้นก็ได้ เลือกที่เราชอบหรืออ่านอยู่แล้ว ถ้าอ่านสองเล่ม ก็ประกวดแบบทั่วไป ถ้าจะประกวดแบบเข้มข้นก็ให้อ่านสามเล่ม

ผมมีหนังสือเป็นส่วนตัวเล่มหนึ่ง แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แม่บอกให้อ่านทุกวันก่อนนอน แม่จะนอนฟังข้างๆ เสร็จแล้วจะถามโน่น ถามนี่ อ่านแล้วเข้าใจไหม เล่าให้ฟังตามที่เราเข้าใจซิ อะไรทำนองนี้ มีบางวันถ้าผมทำผิด ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ ไม่ล้างชาม หรือเก็บผ้ามากองไว้ยังไม่พับให้เรียบร้อย แม่จะทำโทษ ให้ผมอ่านเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากหน้าเดียวเป็นสองหน้าหรือสี่หน้า แล้วต้องเขียนบันทึกสรุปความเข้าใจให้แม่อ่านอีกด้วย ผมจำยอมตามเงื่อนไขของแม่ แต่ลายมือสิครับ ไม่สวย แม่ถามว่าใช้อะไรเขียนเนี่ย! หนังสือเล่มนั้นคือ

คำพ่อสอน หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 ในจำนวนสามเล่ม ที่คณะกรรมการจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติในหลวงตอนมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา ปี 2542 ในโครงการ "ตามรอยพระราชปณิธาน" จัดพิมพ์ขึ้น ราคาเล่มละ 80 บาท อีกสองเล่มคือ คู่มือการพัฒนาอาหารเพื่อเด็กและชุมชน จากประสบการณ์การดำเนินโครงการ หนูรักผักสีเขียว และ From Japan to Arabia : Ayutthaya’s Maritime Relations with Asia ราคาเท่าไหร่ ผมไม่รู้ครับ แม่ซื้อให้เล่มเดียว เป็นหนังสือรวบรวมพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน หน้าปกมีรูปในหลวงโน้มพระองค์ ใช้พระหัตถ์ลูบหัวเด็กที่มาเข้าแถวรับเสด็จ ผมว่าน่ารักดีครับ

ผมอ่าน คำพ่อสอน เล่มที่อยู่ในมือ ตั้งแต่ก่อนจะรู้ข่าวการประกวด เล่มนี้สิ น่าอ่าน พอดีมีการประกวดแม่บอกว่าเอาเป็นเล่มหนึ่งในสามเล่มก็ได้ อีกสองเล่มผมเลือก พระมหาชนก ฉบับการ์ตูนกับนิทานธรรม ฉบับสำนึกผิด

ขอวกกลับมาคุยเรื่องคำพ่อสอน นะครับ เล่มที่ผมอ่านนี้พิมพ์ครั้งที่ 3 แล้ว มีคำนำบอกไว้โดยมูลนิธิโตโยต้าแห่งประเทศไทย เป็นผู้ได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดพิมพ์ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว จะตั้งเป็นกองทุนหมุนเวียนไว้พิมพ์ครั้งต่อไป หากหยุดพิมพ์ รายได้ทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเสด็จพระราชกุศล สมทบกองทุนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งผมเองก็เคยเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในพระราชานุเคราะห์ ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารเหมือนกัน แม่เคยพาผมไปเรียนในโรงเรียน ต.ช.ด. นเรศวร บ้านป่าละอู อยู่ติดชายแดนพม่า ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ในหนังสือเล่มนี้มีเสน่ห์ที่สีครับ ทั้งปกและตัวเนื้อในหนังสือทั้งเล่มจะเป็นสีเหลืองนวลๆ ตัวหนังสือสีกรมท่าเข้ม ในเล่มนอกจากจะมีคำสอนของในหลวงแล้ว ยังมีรูปภาพของในหลวง พระราชินี พระราชโอรส พระราชธิดา ที่ทรงงานในที่ต่างๆ ในหลวงตอนเป็นหนุ่มหล่อนะครับ ปัจจุบันท่านยังคงมีเค้าอยู่เลย แถมมีแววพระเนตรของความเป็นผู้ใหญ่ใจดีเต็มเปี่ยม

แม่ตั้งคำถามผมเป็นชุดๆ ว่าอ่านแล้วได้ความคิดอะไรบ้าง แล้วจะนำเอาไปใช้กับตัวเองอย่างไร แนะนำคนอื่นให้เขาเป็นอย่างที่ในหลวงสอนได้มั้ย? ผมจึงทำแม็ปปิง ให้แม่ดูว่า ผมได้ความคิดเรื่องการตั้งใจเรียน การทำในสิ่งที่ถูกที่ควร ต้องเชื่อใครดูใครเป็นตัวอย่าง การทำงานต้องอาศัยสิ่งใดบ้างจึงจะสำเร็จ ผมเป็นคนไม่ค่อยรับผิดชอบหน้าที่ พออ่านในหน้า 152 แม่บอกว่า ใช่เลย อ่านใหม่ช้าๆ ทีละวรรค ถ้าไม่เข้าใจความหมายให้ถาม ผมทำตามที่แม่แนะนำ และคิดว่าจะทำตามที่พ่อสอนให้จงได้ และยังมีอีกมากมายที่เป็นคำสอนที่วิเศษสุด ดีมากๆ เหมือนพ่อแม่สอนเรา บอกหรือคุยกับเรามากกว่าตำหนิติเตียนเรา เป็นคำสอนที่เข้าใจง่าย ชัดเจน ผมบอกแม่ว่า ผมจะเอาไปโรงเรียนบ้างได้ไหม แม่บอกว่าได้ เอาไปอ่านกับเพื่อนๆ สลับกันอ่านคนละเรื่องแล้วมาเล่าหรือคุยกัน แสดงความคิดว่าเข้าใจกันว่าอย่างไรก็ดี เพราะว่าพวกเรากำลังจะโตเป็นวัยรุ่น และบางคนพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล สั่งสอนเรา พอมาอ่านคำพ่อสอน นึกถึงพ่อของพวกเราซึ่งมีคนเดียวในแผ่นดิน พวกเราก็สงสารท่าน รักท่าน มีความรู้สึกเหมือนว่าพ่อได้มานั่งคุยอยู่ใกล้ๆ นี่เป็นเหตุผลให้ผมเต็มใจเลือก คำพ่อสอน เป็นเล่มที่ 1 แม่ผมก็ชอบฟังจนติดเป็นนิสัย พอขึ้นนอนผมต้องอ่านให้แม่ฟังทุกวัน แม่กระซิบว่า "สอนแล้วนะ"

พระมหาชนก ฉบับการ์ตูน เด็กๆ ชอบอ่านการ์ตูนทุกคน ผมเรียนไม่ค่อยเก่งแต่ชอบการค้นคว้า การอ่านหนังสือผมก็ชอบ การเขียนผมก็ได้บ้าง แม่คอยเป็นพี่เลี้ยงดูแลเรื่องการเรียงลำดับข้อความ รูปประโยค ขัดเกลาให้ ผมเคยเขียนเรียงความบ้าง นิทานบ้าง จนได้รับการคัดเลือกให้ไปเข้าค่ายดูเต่าทะเล กับรายการคลื่นอนาคต ที่ สกว. สนับสนุนอยู่เมื่อปลายปี 2546 มาแล้ว ดังนั้นผมจึงมีฝันและจินตนาการพอสมควร ผมชอบดูการ์ตูนในโทรทัศน์เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ แล้วแม่ก็ไม่ห้ามถ้าผมเก็บเงินค่าขนมไว้ซื้อการ์ตูนสาวดอกไม้ฯ บางทีก็ซื้อตัวต่อที่เป็นพลาสติกมาต่อเป็นรูปหุ่นยนต์หรือรถบังคับ แต่ก็นานๆ ทีครับ แม่บอกว่าอะไรที่แพงมากอย่าซื้อ แต่หนังสือแม่ไม่ว่า

พระมหาชนก เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนแรกที่ยังไม่มีฉบับการ์ตูน ผมอ่านนิดเดียว เล่มใหญ่ อ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมก็เลยไม่อ่าน ต่อมาผมเขียนกลอนประกวดในคราวที่ครบวันสวรรคตของสมเด็จย่า เมื่อ ปี 44 หรืออย่างไรนี่แหละครับ ผมไม่ได้รับรางวัล แต่เขาส่งหนังสือพระมหาชนก ฉบับการ์ตูน มาให้เล่มหนึ่ง ผมดีใจ หยิบดู เล่มกะทัดรัด ไม่หนาหรือหนักเกินไป มีรูปภาพหน้าปกเป็นการ์ตูน นางมณีเมฆขลากับพระมหาชนกด้วย ผมได้อ่านจนจบ แต่ตอนแรกสงสัยว่าคำนำไม่มีหรืออย่างไร แม่บอกว่าพระราชปรารภนั่นแหละ เหมือนกันกับคำนำ มีภาษาอังกฤษแปลอยู่คู่กันด้วย ในหลวงของเราทรงเก่งมากนะครับ ผมดูและอ่านเนื้อเรื่องอย่างเพลิดเพลิน ภาพการ์ตูนแม้ว่าจะเป็นสีขาวดำ แต่มีความคมชัด สื่อความหมายอารมณ์ได้ ตัวอย่าง หน้า 6 เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าแม่ของพระมหาชนกนั่งคิดอะไรอยู่ ดูจากดวงตาที่เหม่อลอย เนื้อเรื่องในทุกๆ หน้า ข้างล่างจะมีภาษาอังกฤษทุกหน้า อย่างนี้คนต่างชาติก็อ่านได้ เยี่ยมไหมครับ แต่สิ่งที่คงความเป็นไทยอย่างชัดเจนคือ ตัวเลขไทย อยู่ข้างบนตัวโตเห็นชัดเจน

เนื้อเรื่องของพระมหาชนก นั้น ในหลวงได้แรงบันดาลใจจากการที่ได้ทรงฟังพระธรรมเทศนาจากเจ้าคุณวัดราชผาติการาม ทรงคิดว่าเนื้อเรื่องดี มีประโยชน์ สมควรให้ประชาชนทุกคนได้รับรู้ จึงทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น โดยปรับเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัยและเหตุการณ์ ด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงแปลจากภาษาสันสกฤต เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็เป็นภาษาไทย ผมอ่านแล้วชอบพระมหาชนกที่เป็นคนเก่งมีกำลังมากมาย มีสติปัญญาดี มีจิตใจดี มีความรอบรู้ ให้อภัย มีวิธีสอนคนอย่างชาญฉลาด

พระมหาชนกสามารถปกครองบ้างเมืองได้สงบร่มเย็น สามารถรอดพ้นภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ทั้งปวงได้ สามารถชนะใจชนทั้งปวงได้ ด้วยเพราะทรงมีความเพียรพยายาม มีความคิดดี ฉลาด รอบคอบ ในเวลาวิกฤตไม่ตระหนกจนเกินเหตุ ทำให้มีสติคิดแก้ไขปัญหาได้ เมื่อครองราชย์ทรงมีทศพิธราชธรรม ปกครองแผ่นดินด้วยเมตตาสมกับเป็นมหาราชที่เป็นที่รักแห่งชนทั้งปวง น่าอ่านไหมครับ?

ผมมองภาพรวมๆ แล้วได้แนวคิดว่า คนเรา เรื่องอารมณ์มีความสำคัญมาก ใครที่รู้จักควบคุมอารมณ์ได้ดี จะไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือความเดือดร้อน แต่ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่ที่พื้นฐานการเลี้ยงดู ถ้ากล่อมเกลาให้เป็นคนดี อารมณ์ดีมาตั้งแต่วัยเด็ก โตขึ้นก็น่าจะดีนะครับ

นิทานธรรม ฉบับสำนึกผิด หนังสือเล่มนี้ผมได้มาจากหลวงน้าที่วัดใกล้บ้าน ตั้งแต่ตอนที่ผมเรียนอยู่ ป. 4 แม่พาไปทำบุญ หลังจากใส่บาตรแล้วพาไปกราบหลวงน้า แม่คุยกับหลวงน้าว่าผมเรียนไม่ค่อยเก่ง ชอบอ่านการ์ตูน หลวงน้าจึงให้หนังสือเล่มนี้ผมมา ผมอ่านไปเรื่องหรือสองเรื่องแล้วก็เก็บไว้ในตู้ พอมาถึงตอนนี้ผมตัดสินใจหยิบออกมาอ่านใหม่อีกครั้ง อ่านอย่างพิจารณาทุกเรื่อง เพื่อที่จะนำมาเขียนความคิดทั้งหมดหลังที่ได้อ่านแล้วเพื่อเข้าร่วมโครงการชวนเพื่อนอ่านหนังสือ เผื่อเพื่อนๆ จะอยากอ่านเหมือนผม แหล่งที่จะหาอ่านก็หาไม่ยากครับ ในห้องสมุดโรงเรียน หรือหอสมุดประชาชนใกล้บ้าน หรือถ้าอยากได้เป็นกรรมสิทธิ์ก็ลองติดต่อที่ธรรมสภานะครับ ลองโทรถามที่ 0-2434-4267, 0-2434-3566

หนังสือเล่มนี้ปกหน้าหลังสีส้ม ที่ปกหน้ามีรูปพระถูกยิงด้วยลูกศร มีชื่อเรื่องโค้งอยู่ข้างบนว่า ธรรมะของพระราชา ซึ่งเป็นนิทานเรื่องแรก ผมอ่านคำนำทำให้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการนำนิทานชาดกที่มีคติธรรมมารวบรวมให้เยาวชนได้อ่านกันเพื่อจะได้รู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนา เกี่ยวข้องกับเรื่องของเวรกรรม การทำดีทำชั่วตลอดจนผลของการกระทำ ซึ่งธรรมสภาเป็นผู้ดำเนินการจัดทำเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคำสอนสุดท้ายของหลวงพ่อพุทธทาส ในโครงการ "ศีลธรรมของยุวชน คือ สันติภาพของโลก" มีทั้งหมดหกเล่ม คือ นิทานธรรม ฉบับผู้นำ ฉบับมิตรแท้ ฉบับน้ำใจ ฉบับแสดงธรรม ฉบับสำนึกผิด และฉบับผู้เสียสละ ผมมีเล่มเดียวคือฉบับสำนึกผิด ซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวครับ

นิทานธรรม เล่มนี้มีทั้งหมด 15 เรื่อง สิ่งที่สะดุดตาคือหน้าสารบัญ ที่มีเลขไทยตัวโตบอกลำดับชื่อเรื่อง ส่วนเลขหน้าอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ชื่อเรื่องอยู่ข้างล่างใต้กรอบ อีกทั้งยังมีภาพประกอบเล็กๆ ของแต่ละเรื่องด้วย

ผมชอบอ่านหนังสือแบบนี้เพราะว่าเป็นนิทานที่มีแนวความคิดหรือผลของการกระทำของตัวละครเด่นชัด สัตว์ต่างๆ พูดได้ มีความคิดทั้งดี ทั้งชั่ว ชื่อเรื่องก็ชวนให้อยากอ่าน เป็นต้นว่า ธรรมะของพระราชา ที่มีภาพประกอบเป็นพระถูกยิง หรือเรื่องกาเจ้าเล่ห์ มีรูปกายืนขาเดียว ผมสงสัยจึงอ่านดู ทำให้รู้ว่ากาตัวนี้ทำไมจึงยืนขาเดียวและมันไม่ใช่กาดีด้วย การใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ก็ตามไม่ใช่สิ่งถาวรเมื่อใดที่มีผู้รู้ทัน สิ่งที่ปกปิดหรือหลอกลวงไว้ก็จะเปิดเผย ผลที่ตามมาย่อมตกแก่ผู้กระทำนั้น มากน้อยแล้วแต่การกระทำของมัน เรื่องกาเจ้าเล่ห์นี้ตรงกับภาษิต ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ

สำหรับความสงสัยภาพหน้าปก ที่มาของนิทานเรื่องแรก ผมแย้มให้นิดหน่อยแล้วกันนะครับว่า พระที่เห็นถูกยิงด้วยศรนั้น เป็นพระดี คนที่ยิงก็เป็นคนดี แต่สาเหตุที่ต้องเกิดการยิงกันนี่เพื่อนๆ ลองหาอ่านดูไหมครับ ผมบอกหมดเดี๋ยวไม่สนุก อ้อ! บอกใบ้อีกหน่อยครับ มีพระราชาเป็นพระเอกนะครับ ยังมีเรื่องชายหนุ่มผู้ปราบยักษ์ก็สนุก เป็นเรื่องราวของการใช้ปัญญา แม้แต่ยักษ์ยังยอมแพ้ เลื่อมใสในความมีปัญญาของพระเอก

นอกจากสองสามเรื่องที่ผมแย้มมาให้เพื่อนรู้ ตอนนี้เกิดอยากจะอ่านบ้างหรือยังละครับ ผมเองก็ยังไม่อาจทราบได้ แต่คาดหมายว่าคงอยากรู้ต่ออีกว่ามีเรื่องอะไรอีก ผมบอกแต่ชื่อเรื่องนะครับ มีเรื่องนางกวางผู้เสียสละ เป็นเรื่องของบุญบารมีหรือคุณความดีที่ทำหรือสั่งสมไว้ เมื่อถึงคราวคับขันก็สามารถรอดพ้นภัยได้ หมูฆ่าเสือ เป็นไปได้หรือที่หมูจะฆ่าเสือได้ แต่มันเป็นไปแล้วด้วยความมีความพร้อมในการแก้ไขปัญหา รู้จักการวางแผนร่วมกัน เตรียมตัวดี ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคใหญ่น้อยได้ ฤาษีสำนึกผิด เรื่องนี้ให้แง่คิดเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ ถ้าไม่รู้จักหักห้ามความหมกมุ่นหลงใหล แม้จะเป็นผู้ประพฤติธรรม ก็เจ็บปวดใจอย่างทรมานสาหัสสากรรจ์ได้ครับ แต่ตอนหลังฤาษีตนนี้ก็สำนึกได้ รู้สึกละอายใจ พยายามเลิกคิดแบบเดิมและบำเพ็ญศีลได้ต่อไป โลภมากลาภหาย ชื่อเรื่องก็บอกแนวคิดอยู่แล้วนะครับ ความอยากได้ถ้ามีมากเกินพอดี ก็อาจทำให้เกิดความสูญเสียหรือไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเลยก็ได้ นกแขกเต้าผู้รักสันโดษ เนื้อหาเรื่องราวให้ความคิดเรื่องของคนทำความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน รู้จักอยู่ ย่อมไม่ตกอับ ถึงแม้จะลำบากก็มีคนช่วยเหลือ เหมือนนกแขกเต้าที่พระอินทร์มาช่วย ลองหาอ่านดูนะครับ อีกเจ็ดเรื่อง ได้แก่ นางฟ้ากับเศรษฐี เทวดาอิจฉา ทำอย่างใดได้อย่างนั้น นางในดอกบัว ฤาษีกับคนแจวเรือ ลูกม้าจากลุ่มน้ำสินธุ และเทวดาผู้หวังดี ล้วนแต่เป็นนิทานชาดกที่สนุก ให้แง่คิดทุกเรื่อง ทำให้ผมนำบางเรื่องมาเทียบกับสุภาษิตบ้าง นิทานอีสปบ้าง อย่างเรื่องกาเจ้าเล่ห์ตรงกับภาษิตปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ เรื่องโลภมากลาภหายเทียบกับนิทานเรื่องหมากับเงา มองภาพโดยรวมแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า น่าแปลกมากที่ผมกับแม่ช่วยกันหาหนังสือมาอ่าน ที่เป็นนิทาน เป็นการ์ตูนและพระบรมราโชวาท ทั้งสามเรื่องกลับมีความสอดคล้องกันเรื่องจุดมุ่งหมาย ทั้งสามเล่มมุ่งสอนให้คนทำดี มีคุณธรรม ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธของเรา

ผมชวนเพื่อนอ่านกับผมแล้วนะครับ รับรองว่าเป็นหนังสือดี มีคุณค่า อ่านคนเดียวหรืออ่านหลายคนก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น ถามตัวเองตอบเองได้ครับว่าแต่ละเรื่องสอนอะไรหรือแนวคิดอะไรให้กับเรา

แม้การอ่านในครั้งนี้ของผมจะเขียนบรรยายเพียงย่อๆ ไม่ละเอียดมากนัก แต่ผมหวังว่าเพื่อนๆ คงอยากอ่านเหมือนผมบ้างนะครับ สำหรับผลการประกวดก็ต้องบอกตามตรงว่า อยากได้รางวัลสักรางวัลหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นการอ่านบันทึกไว้ ผมเก็บต้นฉบับไว้ในคอมพิวเตอร์ของแม่ เอาไว้เปิดอ่านในยามที่คิดถึงมันครับ แม่ก็ชอบอ่านและให้กำลังใจผมเสมอ แม่บอกว่า ขอให้อ่านเท่านั้นแม่ก็พอใจแล้ว เพราะการอ่านทำให้เรารู้อะไรมากกว่าคนที่ไม่ได้อ่าน ทำให้เรามีความคิด แต่เราต้องแยกแยะให้เป็นว่าจะอ่านอะไรดี ที่เหมาะกับวัยของเรา เห็นมั้ยล่ะครับว่าผมน่ะ ไร้สาระ...ซะเมื่อไหร่