![]() |
นายเกษมศักดิ์ เกิดไกลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จันทบุรี อ. เมือง จ. จันทบุรี |
เรื่อง นาโนและไอที เพื่อนใหม่มหัศจรรย์สวัสดีครับทุกท่านที่เริ่มเป็นแนวร่วม และเป็นแนวร่วมดั้งเดิมของ แฟนพันธุ์แท้ทางการอ่าน ผม นายเกษมศักดิ์ เกิดไกล ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี สายวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ วันนี้ผมพาเพื่อนใหม่สุดมหัศจรรย์มาทำความรู้จักกับทุกท่านสองคนคือ นาโน และ ไอที ขอเรียกน้ำย่อยในการแนะนำเลยนะครับ ผมรู้จัก นาโน และ ไอที แต่เพียงในนามอย่างคร่าวๆ จากการบอกเล่าของอาจารย์คอมพิวเตอร์ของผม นาโนมีชื่อเต็มว่า นาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋ว ส่วนไอทีคือ Information Technology งง! ครับ เกิดอาการงง! ผสมประหลาดใจ! อะไรกันนี่ โลกล้ำยุคไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ สอบถามรายละเอียดจากเพื่อนๆ ก็ยังไม่มีใครทราบเรื่องนี้ดี ที่พอรู้เรื่องบ้างก็เพียงงูๆ ปลาๆ ผมไม่ได้หยุดความสงสัยไว้เพียงเท่านี้นะครับ คิดหากลยุทธ์ในการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่สองคนนี้ให้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โชคดีจังที่นึกถึงบทความที่ได้เคยอ่านมาซึ่งเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของ บิลล์ เกตต์ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา หลายคนคงรู้จักนะครับ เขาเป็นเจ้าของบริษัท Microsoft ผู้ผลิตซอฟแวร์ที่คนใช้กันทั่วโลก เขาได้กล่าวว่าระหว่างหนังสือกับคอมพิวเตอร์ เขาต้องปลูกฝังให้ลูกของเขามีนิสัยรักการอ่านหนังสือก่อนที่จะให้เรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ โอ้โฮ! ดีใจจังเลย ผมค้นพบวิธีทำความรู้จักกับนาโนแล้ว ก็คือ การอ่านหนังสือ นั่นเอง อันดับแรกขอเชิญทุกท่านรู้จักกับนาโนเทคโนโลยีพร้อมกับผมเลยนะครับ ด้วยการอ่านหนังสือที่ชื่อว่า นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋ว ของมูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และจัดทำโดยความร่วมมือของฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ นะครับ อาจจะยาวไปหน่อย แต่บ่งชี้ให้เห็นว่าสถาบันใหญ่ๆ ระดับประเทศให้ความสนใจกับสิ่งที่เล็กซูเปอร์จิ๋วนี้มาก คงไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วครับ นาโนเทคโนโลยีถึงจิ๋วแต่แจ๋วเป็นแน่ ทำให้ผมอยากรู้อยากอ่านมากขึ้น ว่าจะมีความเป็นมาอย่างไรกันบ้าง ทุกท่านก็เช่นกันใช่ไหมครับ นาโนเทคโนโลยีเป็นการนำเอาความก้าวหน้ามาบรรจบกันของความรู้และเทคโนโลยีหลายด้าน ทั้งด้านฟิสิกส์ทฤษฎี อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุศาสตร์ เคมี ดีเอ็นเอ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย เราจะได้รู้ถึงมุมมองอีกด้านหนึ่งของโลกของเราก็ว่าได้ พูดง่ายๆ ว่าถ้าถึงยุคนาโนเทคโนโลยีแล้วมนุษย์ก็อาจจะกลายเป็นผู้วิเศษไปเลยก็ว่าได้นะครับ ท่านมีความคิดเห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นไหมครับ เราลองมาดูเนื้อหาโดยสรุปของนาโนเทคโนโลยีกันนะครับ แต่ปกติแล้วผมไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไรนัก แต่เมื่อได้อ่านเรื่องนาโนเทคโนโลยีแล้วก็หยุดอ่านไม่ได้ เพราะว่าต้องการทราบเรื่องราวตอนต่อไปครับ เนื่องจากสาระในหนังสือแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของวงการต่างๆ ในอนาคตแห่งศตวรรษใหม่ เช่น ความเปลี่ยนแปลงของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีการออกแบบและสร้างวัสดุเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีขนาดจิ๋วมาก จิ๋วจนวัดขนาดไม่ใช่ระดับมิลลิเมตร (1 ใน 1,000) ไม่ใช่ระดับไมโครเมตร (1 ใน 1 ล้านเมตร) แต่เป็นระดับนาโนเมตร ( 1 ใน 1 พันล้าน) ซึ่งเป็นระดับของโมเลกุลและอะตอมทีเดียวเลยครับ เราจึงเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า นาโนเทคโนโลยีหรือเทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋ว นั่นเองครับ ตอนนี้ก็คงจะต้องร้องอ๋อกันบ้างแล้ว ยังไม่หมดนะครับ ความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋วนี้ ยังมีต่ออีก ทุกท่านคงรู้จักกับภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Fantastic Voyage ซึ่งเป็นเรื่องราวของโลกในอนาคต ที่แพทย์มีการรักษาโรคแบบใหม่ โดยการนำพยาบาล เครื่องมือผ่าตัด และยา ใส่เรือดำน้ำ แล้วย่อขนาดของเรือดำน้ำฉีดเข้าไปทางกระแสเลือดของผู้ป่วย เพื่อไปรักษาโรค คณะแพทย์ต้องพบกับกลไกต่างๆ ของร่างกาย ที่พยายามต่อต้านสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายของมนุษย์ ด่านแรกที่พบก็คือเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ดักจับและทำลาย สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดีครับ คณะแพทย์และพยาบาลประสบความสำเร็จในการรักษาโรค ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ว่าอนาคตจะย่อขนาดมนุษย์แล้วส่งเข้าไปในตัวผู้ป่วย อันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าในยุคของนาโนเทคโนโลยีนั้น เจ้าเรือดำน้ำในภาพยนตร์จะกลายเป็นอุปกรณ์อีกแบบหนึ่งแล้วละครับ โดยจะมีการสร้างอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กมากส่งเข้าไปในกระแสเลือด แพทย์จะทำการบังคับจากภายนอก เครื่องมือนั้นจะถูกสร้างเป็นยานที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ โดยสื่อสารและบังคับด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อเอายาที่มีอนุภาคเล็กมากไปยังเซลล์ต้นเหตุของโรค โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กที่สุด ไม่มีการย่อขนาดเหมือนในภาพยนตร์ นี่ก็เป็นเนื้อหาบางส่วนของหนังสือเล่มนี้ เพียงเท่านี้ก็เรียกน้ำย่อยสำหรับคนที่สนใจกันได้มากแล้วใช่ไหมละครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่ารู้น่าสนใจอีกมากมายในหนังสือเล่มนี้ เช่น ท่านที่ชอบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องอ่านเรื่องจากโมเลกุลสู่อิเล็กทรอนิกส์ หรือชอบชีววิทยา ต้องอ่านเรื่องโรงงานขนาดจิ๋วในเซลล์สิ่งมีชีวิต เป็นต้น เรื่องของนาโนเทคโนโลยียังมีอีกมากมายหลากหลายนักในหนังสือเล่มนี้ ผมเชื่อว่าท่านคงไม่หยุดแค่อ่านเรียงความของผมเป็นแน่ครับ คงต้องรีบไปค้นคว้าหาหนังสือหรือบทความมาอ่านเพิ่มเติม แต่ละเรื่องบรรยายโดยคนดังในแวดวงการศึกษาหลายท่าน ตอนนี้ผมก็อ่านจบแล้ว จึงรู้จักนาโนเพื่อนใหม่ได้ละเอียดชัดเจนมากขึ้น สำหรับท่าน ณ ขณะนี้ได้รู้จักเพื่อนผมเป็นบางส่วนแล้ว ทั้งนี้คงไม่ใช่นิสัยคนไทยนะครับ ที่จะไม่อยากรู้ตอนต่อไป ต้องติดตามนะครับ ถึงจะเป็นคนไทยอย่างเต็มตัว ต้องก้าวไปให้ทันโลก อย่าท้อแท้ถดถอยนะครับ วันนี้ยังไม่สายที่ท่านจะรับรู้เรื่องนาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋ว จะได้รู้เท่าทันสถานการณ์ของโลกยุคโลกาภิวัตน์ แล้วจะได้ไม่เกิดอาการงง! อีกต่อไป ขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถบรรยายสาระได้ทั้งหมด เพราะอยากให้ท่านได้อรรถรสในการอ่านเองจากต้นฉบับ และเป็นสร้างมโนภาพได้หลากหลายตลอดไป อีกประการหนึ่งก็อยากให้ท่านมีลุ้นเองบ้าง แต่บอกได้เลยว่าเรื่องนี้พระเอกไม่ตายตอนจบนะครับ แต่พระเอกจะได้รับรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่ตัวเองและสังคม เพื่อจะปรับตัวให้สอดคล้องกับโลกยุคนาโนเทคโนโลยี ต่อไปผมขอแนะนำเพื่อนใหม่คนที่ 2 คือ ไอที กันบ้างดีกว่า เดี๋ยวเขาจะเหงา เพราะเขาอยากรู้จักพวกท่านเหลือเกินแล้วครับ ไอที มีชื่อเต็มๆ ว่า Information Technology หรือชื่อภาษาไทยคือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ผมเพิ่งจะได้ทำความรู้จักกับไอทีก็ตอนที่ได้เข้าร่วมโครงการ 2b-kmutt ครั้งที่ 1 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คือผมได้เข้าไปทำวิจัยในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือคณะไอทีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีครับ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมเริ่มสนใจคำว่า ไอที นี่ละครับ จึงอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับไอที ก็ได้หนังสือชื่อรอบรู้ไอที ของศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ มาศึกษาค้นคว้า ช่วยให้ผมได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับไอทีเพิ่มเติมจากที่รู้มาเพียงน้อยนิด ในฐานะที่เราเป็นเด็กไทยก็ต้องก้าวให้ทันยุคไอทีด้วย ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อหาและส่วนที่น่าสนใจในหนังสือ ผมขอแนะนำเรื่องราวความเป็นมาของ ไอที กันคร่าวๆ ก่อนดีกว่านะครับ เวลาอ่านหนังสือรอบรู้ไอที จะได้ไม่บอกว่าอะไรก็ไม่รู้ งง! พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกท่านลองย้อนอดีตไปเมื่อ 4,600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคของเจ้าตัวโตไดโนเสาร์ไงครับ มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ค่อยๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อ 5 แสนปีที่แล้ว มนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกัน และพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถประดิษฐ์ตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนังถ้ำเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว กล่าวได้ว่า มนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด หลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้มีการสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกันโดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณ 100 กว่าปีที่แล้ว แล้วเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ ที่ใช้ในการกระจายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้อง ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าเทคโนโลยีมาแรงขนาดไหนกัน พวกเราในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีก็ต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างฉลาด ไม่เอาไปทำร้ายกันเอง แน่นอนครับคนไทยรักสงบอยู่แล้ว ทุกท่านคงสงสัยคำว่า ไอที หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร ก็หมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการกับสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล และอื่นๆ อีกมากมาย อาจารย์ของผมเคยสอนว่า เราควรเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีกันบ้าง ไม่ใช่เป็นแต่ผู้ใช้ ฝรั่งเขาไปไกลขนาดไหนกันแล้ว คนไทยยังอยู่แค่นี้เอง เราควรปลูกจิตสำนึกของเด็กไทยในเรื่องนี้ไว้ด้วย เราก็รู้จักกับคำว่า ไอที กันบ้างแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่พอแน่ๆ สำหรับเด็กไทยหัวใจไอทีอย่างพวกเรา แน่นอนครับเรามาต่อกันที่หนังสือรอบรู้ไอที ของศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นหนังสือน่าอ่านมากๆ เหมาะกับคนในยุคไอทีจริงๆ เพราะได้รวบรวมเอาความรู้ด้านไอทีมาไว้ภายในเล่ม ภาพประกอบที่สวยงาม เข้าใจง่าย สามารถดูและอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างคุ้มค่าเวลาอ่าน เรื่องราวของไอทีผมกล่าวถึงไปข้างหน้าแล้ว ตอนแรกก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสาระในหนังสือเล่มนี้เท่านั้น ก็เช่นเคยนะครับทุกท่าน ผมคิดว่าการดูหนังให้สนุก ตื่นเต้น และรู้เรื่องได้ละเอียดชัดเจน ต้องซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์เอง ดีกว่าฟังจากปากคนอื่นเล่า ในทำนองเดียวกันกับหนังสือ ถ้าไม่อ่านเองก็คงจะได้แค่เพียงข้อมูลบางส่วน อีกทั้งยังไม่สามารถจินตนาการไปตามหนังสืออีก และอีกอย่างหนึ่งไอทีก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวพอสมควร แต่ผมคิดว่าคอหนังสือไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูนะครับ รับรองว่าท่านต้องพอใจในเนื้อหา แล้วก็อ่านจนจบ ท่านก็จะได้รู้จักเพื่อนของผม ไอที ได้อย่างสนิทและไม่มีวันลืมเขานะครับ ผมดีใจมากครับที่ได้แนะนำ นาโนและไอที ให้ได้รู้จักกับทุกท่านโดยสังเขป หวังว่าทุกท่านคงไม่หยุดอยู่แค่นี้นะครับ คงศึกษาค้นคว้าต่อไป เป็นนักอ่านที่ทันสมัยและเตรียมตัวรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น นาโนเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ สามารถนำมาใช้อย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข จะเห็นได้ว่าการอ่านมีความสำคัญอย่างอเนกอนันต์ต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคมโลกปัจจุบันในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สรรพวิทยาการทั้งหลาย ตามความสนใจของผู้คนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาวิชาใด ผู้อ่านมากย่อมรู้มาก ประสบความสำเร็จมาก ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีเปิดงาน ปีหนังสือระหว่างชาติ พ.ศ. 2515 และงานการพิมพ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 ณ อาคารใหม่ของโรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2515 ตอนหนึ่งว่า หนังสือเป็นเสมือนคลังที่รวบรวมเอาเรื่องราวความรู้ ความคิด วิทยาการทุกด้านทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ได้เรียนรู้ ได้คิดอ่าน และเพียรพยายามบันทึกไว้ด้วยลายลักษณ์อักษร หนังสือแพร่ไปถึงที่ใด ความรู้ความคิดก็แพร่ไปถึงที่นั่น หนังสือจึงเป็นสิ่งที่มีค่าและมีประโยชน์ที่ประมาณมิได้ ในแง่ที่เป็นบ่อเกิดแห่งการเรียนรู้ของมนุษย์ ดังนั้นการอ่านจึงมีประโยชน์มากมายต่อผู้อ่านและผู้เขียน เพราะ หนังสือจะมีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติได้อย่างเต็มศักยภาพ ก็ต่อเมื่อมีผู้อ่านหนังสือนั้น ความรอบรู้ ความเจริญก้าวหน้าใดๆ ย่อมมาจากพื้นฐานหนึ่งของกระบวนการรอบรู้ที่มาจากการอ่านนั่นเอง ก็ขอเชิญชวนทุกท่านที่มีหัวใจใฝ่การอ่านอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแฟนพันธุ์แท้ทางการอ่านนะครับ สวัสดีครับ | |
นายเกษมศักดิ์ เกิดไกล เกิดวันที่ 14 กันยายน 2529 ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่อยู่ 16/1 หมู่ 5 ต. ปากน้ำแหลมสิงห์ อ. แหลมสิงห์ จ. จันทบุรี 22130 โทรศัพท์บ้าน 0-3936-3636 มือถือ 0-1177-1070 E-mail : kasbellsak@hotmail.com โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี ที่อยู่ 10 ถ. ศรียานุสรณ์ ต. วัดใหม่ อ. เมือง จ. จันทบุรี 22000 โทร. 0-3931-1170 web : www.bj.ac.th อาจารย์ผู้รับทราบการส่งงานเขียน คือ อาจารย์บุญส่ง แซ่ลี้ |