![]() |
นายเทพหฤทธิ์ พาณิชศิลปกิจชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสิรินธร จังหวัดสุรินทร์ |
เรื่อง หนังสือคือเพื่อนย้อนไปเมื่อยุคสมัยแรกเริ่ม ตั้งแต่เพิ่งมีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้ ต่อมามนุษย์ก็เริ่มที่จะนำตัวอักษรที่ตนเองประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้น มาเขียนเป็นข้อความต่อเนื่องและเป็นเรื่องเดียวกัน จากนั้นก็เริ่มรู้จักที่จะบันทึกข้อความเหล่านั้นลงในกระดาษ จนกระทั่งทุกวันนี้เองกระดาษเหล่านี้ได้กลายมาเป็นหนังสือที่เราทุกคนรู้จักกันดี สำหรับในปัจจุบันนั้นหนังสือที่ออกสู่ตลาดให้เราได้หาซื้ออ่านกันมีอยู่มากมายหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นแนวสารคดีหรือแนวบันเทิงคดี ก็ล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก จึงใคร่ขอแนะนำหนังสือดีๆ สองเล่มที่ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วเห็นว่าเป็นหนังสือที่ดีเหมาะแก่การหาซื้อมาอ่าน หนึ่งในนั้นก็คือหนังสือเรื่องโลกของจอม เหป็นผลงานการประพันธ์ของ ทินกร หุตางกูร นักเขียนหนุ่มจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนังสือประเภทนวนิยาย พิมพ์ด้วยกระดาษปอนด์ถนอมสายตา ความหนา 200 หน้า ราคา 159 บาท โดยบรรณาธิการ อธิคม คุณาวุฒิ สำหรับเรื่องโลกของจอม นั้น จัดเป็นผลงานลำดับที่ 3 ของทินกร หากแต่เป็นนวนิยายชิ้นแรกของเขาที่ได้รับการตีพิมพ์ออกเผยแพร่ และยังได้เป็นถึงหนังสือที่ผ่านเข้าไปเป็นหนึ่งในเจ็ดเล่มของการประกวดนวนิยายซีไรต์รอบสุดท้ายประจำปี 2546 อีกด้วย ซึ่งหนังสือเล่มนี้เคยผ่านการตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในเสาร์สวัสดี มาแล้ว ทว่าผู้เขียนได้เกี่ยวร้อยเรื่องราวหลากหลายให้อยู่ในองก์เดียวกันดุจเดียวกับการเขียนนิยาย ซึ่งทำให้ผู้อ่านได้ติดตามตั้งแต่เริ่มต้นโดยไม่ติดขัด โลกของจอม เป็นเรื่องของจอม เด็กอายุ 18 ปี ผอม ผิวซีด เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับวัยเยาว์ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหน เขาเป็นเด็กที่เหงาเพราะอยู่คนเดียว อาศัยอยู่บนชั้น 58 ของตึกสูง 60 ชั้น ในกลางกรุงเทพฯ โดยไม่เคยก้าวเท้าออกจากห้องเพราะเป็นโรคกลัวที่กว้าง สุขภาพของเขาอ่อนแอมากดุจราวกับนักบินอวกาศในสภาพไร้น้ำหนัก เนื้อหาในโลกของจอม แบ่งออกเป็นสี่ภาคใหญ่ๆ แต่ละช่วงจะมีการซอยเป็นตอนย่อยๆ เอาไว้ นวนิยายได้เล่าเรื่องผ่านชีวิตของจอมกับคนเลี้ยงแพะในโลกไซเบอร์และปาร์ตี้ ผู้ที่ถูกกำหนดให้ไปประสบพบเจอเหตุการณ์-งานเขียนรวมถึงบุคคลมากมาย โลกของจอม เป็นงานเขียนที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นักเขียนพยายามหาทางออกจากความซ้ำซากในรูปแบบความเป็นนวนิยายเรื่องนี้จึงมีการสร้างสรรค์แบบใหม่ของวงการวรรณกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม เป็นลักษณะของการหาทางออกในทางวรรณกรรมของคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจนโดยจุดเด่นทางด้านรูปแบบที่เห็นได้ชัดเจนก็คือโลกของจอม ทำให้เส้นแบ่งหรือขอบเขตระหว่างวรรณกรรมและข้อเขียนต่างๆ รางเลือนลง กล่าวคือ มีการผสมผสานเรื่องเล่าผ่านงานเขียนหลากหลายแบบ เช่น นิทาน ตำนาน บทความ ข่วง ความเรียง ตลอดจนการนำเสนอในแบบสื่อยุคใหม่อย่างเว็บไซต์ โดยทั้งหมดนี้ถูกครอบเอาไว้ด้วยโครงเรื่องอย่างหลวมๆ นอกจาก ทินกร หุตางกูร จะทำให้เส้นแบ่งหรือขอบเขตระหว่างวรรณกรรมและข้อเขียนต่างๆ รางเลือนลงแล้ว ทินกรยังได้เขียนให้ จอม ซึ่งเป็นตัวละครเอกในท้องเรื่องนิยมชมชอบ นวนิยายของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ-นักเขียนโนเบลสายเลือดละติน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหัวหอกหลักของวรรณกรรมแนว Magical Realism นั่นก็แสดงให้เห็นเป็นนัยว่า โลกของจอม จักหยิบยืมเอาลักษณะของตระกูลงานเขียนแนวดังกล่าวมาใช้ ทั้งในฉากช่วงห้วงคำนึงของ จอม หรือว่าชีวิตที่กำลังโลดแล่นอยู่ในภาวะกึ่งจริงกึ่งฝันของ คนเลี้ยงแพะแห่งโลกไซเบอร์ และแม้แต่ ปาร์ตี้ ที่เป็นหญิงสาวในจินตนาการของเขา จอมก้มหน้าอย่างขมขื่น ความคิดหนึ่งพลันปรากฏในสมอง หรือว่าเขาไม่มีตัวตน เป็นเพียงตัวละครในนิยายจากจินตนาการของใครคนหนึ่ง...เป็นไปได้ไหมที่ทุกอย่างสลับขั้วกัน ปาร์ตี้ไม่ได้เป็นจินตนาการของเขา เธอต่างหากที่มีตัวตน เขาเป็นจินตนาการของเธอ... (จากตอน ภาพในกระจก หน้า 182) และนั่นก็แสดงให้เห็นว่า ทินกร ได้ปฏิเสธลักษณะเก่าๆ ของนวนิยายทั้งเรื่องรูปแบบและด้านเนื้อหา กล่าวคือ ทินกร เลือกใช้รูปแบบในงานเขียนเรื่องโลกของจอม โดยได้เกี่ยวร้อยเรื่องราวหลากหลายให้อยู่ในองก์เดียวกันดุจเดียวกับการเขียนนวนิยายหรืออาจพูดได้ว่า ทินกร ได้รื้อเอาวิธีการเล่าเรื่องในขบวนนวนิยายแบบเดิมทิ้งไปและสอดแทรกเทคนิคใหม่ของการประพันธ์อันเสมือนการปรับแปลงกระบวนทัศน์งานเขียนให้ข้ามมาสู่ยุคสมัยใหม่ของเรื่องเล่าโดยแท้ ในด้านการสร้างตัวละคร คือตัวละครของจอม ก็เกิดขึ้นมาอย่างปราศจากความหลัง จอมจึงเป็นตัวละครที่ไม่มีความเป็นมา ไม่มีรากเหง้าเหล่ากอใดๆ ทั้งสิ้น ถึงกระนั้นก็ดีจอมก็ยังคงมีความพยายามในการค้นหาความเป็นมาหรือรากเหง้าของตัวเองมาโดยตลอด แต่ก็โชคร้ายเพราะจอมหามันไม่พบ ซึ่งประเด็นนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ลักษณะที่ดีเด่นของเรื่องโลกของจอม ในสองแง่ คือ เชิงกว้าง เรื่องนี้มีลักษณะที่จะเป็นบุคลาธิษฐานของมนุษยชาติ กล่าวคือ มนุษยชาตินั้นไม่รู้ที่มา ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหน ซึ่งประเด็นนี้ก็ทำให้ตัวละครในนวนิยายเรื่องนี้ขาดความมีมิติตัวละครแบบตัวกลม อย่างที่มนุษย์ทั่วไปต้องการ หรือพูดได้อีกอย่างว่า ตัวละครนั้นปราศจากจิตวิญญาณนั่นเอง ในเชิงลึก เรื่องโลกของจอม อาจแสดงให้เห็นถึงคนทั่วๆ ไป ที่ตกอยู่ในท่ามกลางข่าวสารต่างๆ จนเกิดความมึนงง ความรู้ต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้ค้นหาตัวเองไม่เจอ หากจะค้นหาถ้อยคำอันบ่งบอกว่าโลกของจอม ได้เสมือนเป็นตัวแทนยุคใหม่ของนวนิยาย คงต้องขอหยิบยืมเนื้อความหลังปกหนังสือโลกของจอม ที่เขียนไว้ว่า เป็นเหมือนโลกแห่งจินตนาการมาบรรจบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ปรัชญา ศาสนา สังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงความบันเทิงและสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกได้อย่างลงตัว ซึ่งผู้อ่านจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้ถูกลากจูงเข้าไปสู่เรื่องราวน่าพิศวงแสนประหลาด เช่นเดียวกับการเดินทางผ่านห้วงอวกาศและกาลเวลาที่ไม่สิ้นสุด อันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่คุณจะไม่เคยสัมผัสจากงานเขียนแบบใดมาก่อน และอีกเล่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจพอๆ กัน ก็คือหนังสือนาวินต้าร์ กับ ปาฏิหาริย์รัก จากพ่อ ซึ่งแต่งโดย นพ. วิโรจน์ เยาวพลกุล ของสำนักพิมพ์ป๊อกแคทส์ ความหนากระดาษ 8 มิลลิเมตร เนื้อในพิมพ์ ขาว-ดำ เป็นชนิดปกอ่อน จำนวน 192 หน้า ราคา 180 บาท สำหรับหนังสือนาวินต้าร์ กับ ปาฏิหาริย์รัก จากพ่อ ข้าพเจ้าจำได้ว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่พูดถึงครอบครัว หรือที่ข้าพเจ้าขอเรียกมันว่า เป็นเรื่องใต้หลังคาบ้าน นั่นแหละ หนังสือเล่มนั้นเป็นเสมือนบันทึกของพ่อที่มีต่อลูกรักทั้งสามคน และลูกทั้งสามคนนั้นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงเสียด้วยสิ ข้าพเจ้ายังคงจำได้ว่า ซื้อหนังสือเล่มนั้นมา หลังจากที่ได้ยืนอ่านไปเกือบๆ ครึ่งเล่มเลยทีเดียว จนพนักงานด่าแล้วด่าอีก ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้ซื้อมา จำได้ว่าที่ตัดสินใจซื้อไปตอนนั้นเพราะอารมณ์ยังคงตามติดอยู่กับหนังสือเล่มนั้นแท้ๆ แถมคนเขียนยังเป็นท่านเดียวกับคนที่เขียนเรื่องนอร์ทตราดามุส เสียด้วย หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานการประพันธ์ของศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน และหนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่ามีลูกเก่ง มีลูกดัง เป็นเรื่องราวที่ผู้เป็นพ่อ-แม่-ลูก ต้องอ่านเพื่อความรักที่ไม่ต้องมีสัญญา... ท่านศาสตราจารย์เจริญกล่าวไว้บนหน้าปกหนังสือเล่มนี้ เวลาผ่านไปได้แค่ไม่กี่ปี ข้าพเจ้าก็ได้มาพบหนังสือใต้หลังคาบ้านอีกเล่ม หลังจากที่ได้อ่านข้อความอ้างอิงถึงหนังสือเล่มนี้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ แล้ว ข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องหาซื้อมาอ่าน เพราะหลังจากได้ลองอ่านบทความคร่าวๆ แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีแท้ ซึ่งหนังสือเล่มนี้เขียน โดยป๊ะ ป๋า (นพ. วิโรจน์ เยาวพลกุล) ของนาวิน ต้าร์ เคยได้ยินคำพูดที่ว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หรือ เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ไหม นั่นคือเรื่องราวที่น่าทึ่งในหนังสือเล่มนี้ เรามาลองดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กันหน่อยดีกว่า หนังสือนาวินต้าร์ กับ ปาฏิหาริย์รักจาก พ่อ เป็นหนังสือที่แนะนำวิธีการเลี้ยงดูลูก และวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ จากประสบการณ์จริงที่น้อยคนนักจะกล้าออกมาเปิดเผยความผิดพลาดของลูกรักของตน แต่เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนที่สนใจทั่วไป โดยเฉพาะพ่อแม่ลูกและครูอาจารย์ ที่ต้องการพัฒนาสายสัมพันธ์ของครอบครัวด้วยความรัก โดยรวบรวมวิธีดูแลลูก ให้มีความมั่นใจในตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนเติบโต ใช้กลยุทธ์ที่ปรับเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัย พ็อคเกตบุ๊ก นาวินต้าร์ กับปาฏิหาริย์รักจาก พ่อ เล่มนี้ แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อที่มีต่อลูก ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ลังเล เพื่อให้ลูกเข้าใจชีวิต และกลับใจจากเด็กเกเร ซึ่งในช่วงวัยรุ่นถึงกับถูกให้ออกจากโรงเรียนถึงสองครั้ง แต่ด้วยความทุ่มเท และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาทำให้ชีวิตผันเปลี่ยน จนมาเป็นศิลปินและนิสิตดีเด่นและเรียนดีจนได้เหรียญทองในระดับปริญญาตรี และได้รับทุนอานันทมหิดลเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกที่สหรัฐอเมริกา เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เขียนให้เข้าใจง่ายๆ โดยพ่อของนาวินต้าร์ ที่กว่าจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ พ่อ-ลูกต้องร่วมกันเผชิญเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตที่ยิ่งกว่านวนิยายหลายๆ เรื่องเสียอีก ซึ่งถ้าจะหาถ้อยคำที่บ่งบอกว่าหนังสือนาวินต้าร์ กับ ปาฏิหาริย์รักจาก พ่อ เล่มนี้สอนวิธีการเลี้ยงดูลูกให้ประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องขอยกเนื้อความจากปกหลังที่เขียนไว้ว่า ลูกชายคนนี้ คือผลผลิตของความรักและความตั้งใจที่ดีของป๋า เป็นคนคนหนึ่งที่ยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว จะก้าวต่อไปในทางที่ป๋าสร้างมา ต้าร์ยังไม่ถึงหรอกครับ เป้าหมายแห่งความสำเร็จ แต่ถ้า การเลี้ยงลูกที่ดี คือเป้าหมายอย่างหนึ่งในชีวิตของป๋าละก็ ป๋าได้พิสูจน์ไปแล้วละครับว่า มันสำเร็จอย่างสวยงามที่สุด | |
นายเทพฤทธิ์ พาณิชศิลปกิจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5 เลขที่ 24 ก.โรงเรียนสิรินธร จังหวัดสุรินทร์ เกิดวันที่ 8 สิงหาคม 2530 อายุ 16 ปี ที่อยู่ 143 ถ. ทรงศรีใน ต. ในเมือง อ. เมือง จ. สุรินทร์ 32000 โทรศัพท์ 0-4451-2377 อาจารย์ที่ปรึกษา อ. จุฑาภรณ์ อิฐรัตน์ โทรศัพท์ โรงเรียน 0-4451-1189ต่อ 150 |