น.ส. กรองแก้ว ภานุมนต์วาที

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี

เรื่อง เล่มโปรด

ครั้งแรกที่ฉันได้รับกติกาการส่งงานเขียน “เล่มนี้สิ น่าอ่าน” เข้าประกวดในโครงการชวนเพื่อนอ่านหนังสือ ฉันไม่รู้ว่าจะเลือกหนังสือเล่มไหนดี หนังสือสองเล่มที่ฉันเลือกจะต้องเป็นหนังสือเล่มโปรดของฉัน ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วฉันจะเขียนชักชวนเพื่อนให้อ่านไม่ได้เลย เพราะฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนั้นมันดีอย่างไร สนุกอย่างไร และหนังสือเล่มนั้นต้องไม่ใช่หนังสือแปลด้วย ฉันคิด คิด แล้วก็คิด ในที่สุดฉันก็ตกลงใจเลือกหนังสือสองเล่มนี้

หุบเขากินคน ของ มาลา คำจันทร์ เป็นหนึ่งในหนังสือที่ฉันเลือก ฉันจำได้แม่นว่าเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกที่หนาที่สุดเท่าที่ฉันเคยอ่านมาในขณะนั้น เมื่อก่อนฉันเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย จนกระทั่งฉันได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ ความคิดของฉันจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป

แรกเริ่มเดิมทีเพื่อนร่วมชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของฉันคนหนึ่งนำหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านที่โรงเรียน หน้าปกสีทึมๆ มีรูปเด็กสามคนยืนอยู่กลางป่า ที่หน้าปกมีตัวหนังสือสะดุดตา เขียนว่า หุบเขากินคน ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ไม่กี่วันต่อมา ฉันเห็นเพื่อนสนิทของฉันกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ความสนใจของฉันที่มีต่อหนังสือเล่มนี้จึงเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย ฉันจึงยืมหุบเขากินคน จากเพื่อนมาลองเปิดดูบ้างแบบผ่านๆ ทันใดนั้นฉันเหลือบไปเห็นคำว่า “เห็ดเลือด” ฉันเกิดความสงสัยและอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าเห็ดเลือดคืออะไร ซึ่งก็คงเป็นเพราะคำคำนี้กระมังที่ทำให้ฉันได้เริ่มต้นอ่านหนังสือเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ประกอบกับการสนับสนุนจากเพื่อนสนิทของฉันด้วย ฉันจึงไปขอยืมหนังสือเรื่องหุบเขากินคน จากเพื่อนคนเดิมมาอ่าน พอได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของหนังสือแล้ว ฉันก็เริ่มอ่านทันที จากการอ่านในครั้งนี้ทำให้ฉันได้รู้ความหมายของคำว่า “วางไม่ลง”

หุบเขากินคน เป็นเรื่องราวของกลุ่มลูกเสือประถมปลายห้าคนซึ่งไปเข้าค่ายพักแรม ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน พวกเขาแต่ละคนเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น ทั้งยังมีลูกเสือคู่หนึ่งไม่ถูกกันเสียด้วย แต่แล้วเหตุการณ์อันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พวกเขาทั้งห้าคนหลงเข้าไปในอีกยุคสมัยหนึ่ง จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันไป ซึ่งทุกคนจะต้องดึงเอาความสามารถนั้นออกมาใช้เพื่อความอยู่รอดและพยายามค้นหาหนทางกลับบ้านให้จงได้

หุบเขากินคน เป็นวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ มีการดำเนินเรื่องเร็ว สนุก ตื่นเต้น น่าติดตาม ได้รับทั้งสาระความรู้ความบันเทิงและข้อคิดต่างๆ เช่น สอนเราให้รู้ถึงภัยของความโกรธ สอนให้เราใจเย็นไม่โกรธง่าย ไม่กลัวอะไรโดยไม่มีเหตุผล สอนให้รู้ถึงพระคุณของแม่ เป็นต้น ในด้านเนื้อหา หุบเขากินคน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรฟูนันอีกด้วย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแก่งแย่งกันในสังคม การดูคนแต่เพียงภายนอกนั้นไม่สามารถบอกอะไรได้ คนแต่ละคนล้วนมีความสามารถแตกต่างกันไป และทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น

เมื่อฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบฉันก็รู้ได้ทันทีว่า หุบเขากินคน ได้กลายเป็นหนังสือเล่มโปรดของฉันไปเสียแล้ว ฉันจึงอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ชอบเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนแล้วละก็ ขอแนะนำว่าเรื่องนี้พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด แล้วก็ขอบอกแย้มๆ ว่าตอนจบนั้นจบได้อย่างลึกซึ้งกินใจมากเหลือเกิน ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่าเรื่องนี้สนุกหรือไม่ ถ้าสนุกแล้วสนุกอย่างไร เหมือนกับที่ฉันเล่าหรือไม่ คงต้องเป็นหน้าที่ของเพื่อนๆ แล้วละค่ะ ฉันเองก็เป็นได้เพียงผู้ให้คำแนะนำเท่านั้น อ้อ! ฉันจะไม่เฉลยนะคะว่าเห็ดเลือดคืออะไร เอาไว้เป็นปริศนาละกัน แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ก็คงต้องไปติดตามอ่านกันเอาเองนะคะ ฉันรับรองค่ะว่าสนุกแน่นอน

สำหรับหนังสือเล่มโปรดของฉันอีกเล่มที่จะขอเอ่ยถึงคือ LIFE ON THE ROCK โดย ว.แหวน ซึ่งหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยิน เคยได้อ่านกันมาบ้างแล้ว ก่อนอื่นฉันก็ขอกล่าวถึงความเป็นมาสักเล็กน้อย

วันหนึ่งฉันไปเดินเล่นอยู่ในร้านขายหนังสือเหมือนดังเช่นที่ฉันทำแทบทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ฉันเดินดูหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแม่ของฉันหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาให้ดู ฉันจำหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ได้ทันที เพราะเคยเห็นเพื่อนในห้องเรียนอ่านกันบ่อยๆ แม่บอกให้ฉันลองอ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันรับมาเปิดดูคร่าวๆ แล้วเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีจึงตัดสินใจซื้อ หลังจากนั้นฉันก็ค่อยๆ อ่านไปวันละเล็กละน้อย จนจบในที่สุด ฉันพบว่า

LIFE ON THE ROCK เป็นหนังสือในเชิงชี้แจง แนะนำ และสอนเราในด้านต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง เพื่อน พ่อแม่ ความรัก ความเข้าใจกัน รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการดำเนินชีวิต ฉันคิดว่า LIFE ON THE ROCK ไม่ใช่หนังสือที่อ่านแล้วตลก ขบขัน แต่เป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดในด้านต่างๆ ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น รู้จักคุณค่าในตัวเอง รู้จักการวางตัวให้เหมาะสมในสังคม ในยามที่ฉันท้อแท้ เศร้าใจ หรือเสียใจ ฉันจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน มันก็ทำให้ฉันยิ้มได้แทบทุกครั้ง หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนผู้ที่คอยให้กำลังใจฉันเลยทีเดียว ฉันดีใจที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะ LIFE ON THE ROCK เป็นเสมือนใบเบิกทางให้กับหนังสือเล่มอื่น แต่เป็นประเภทเดียวกันนี้อีกหลายเล่ม และมันก็ทำให้ฉันได้รับข้อคิดมากมาย ทำให้ฉันมองโลกในแง่ดีขึ้น สนุกกับชีวิตมากขึ้น

ฉันคิดว่า LIFE ON THE ROCK เป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่ง ฉันจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วเพื่อนๆ จะได้รู้ว่า LIFE ON THE ROCK คืออะไร เพื่อนๆ จะได้รู้จักกับชีวิตที่ดีขึ้น ได้ความคิดใหม่ๆ อีกหลายๆ มุมมอง ฉันรับรอง (อีกครั้ง) ค่ะว่าเพื่อนๆ จะได้อะไรมากกว่าที่คิด แล้วจะรู้ว่าชีวิตไม่ใช่สิ่งที่น่าเบื่อเลย

ผู้ส่งงานเข้าประกวด
นางสาวกรองแก้ว ภาณุมนต์วาที
เกิดวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2532
บ้านเลขที่ 289/2 ถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
ชั้น ม. 4/8 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
จังหวัดอุบลราชธานี
คุณครูผู้รับทราบการส่งงานเข้าประกวด
คุณครูกมลวรรณ มิ่งขวัญ