![]() |
นายกิตติศักดิ์ รุ่งเรืองชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพชรบุรี อ. ชะอำ จ. เพชรบุรี | |||||||||||||||||||||||||||
เรื่อง จดหมายจาก ฟ้าบ่กั้น ถึง อ่านโลกกว้าง
ถึง...ชัยยศ เพื่อนรัก ฉบับนี้ผมมีข้อความจากเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่อยากให้เพื่อนได้ลองตีความดูว่าผู้เขียนกำลังกล่าวถึงอะไร ลองอ่านดูนะ ข้อความนั้นมีว่า ดนตรีเสนาะดังฟังชัดขึ้น ครู่เดียวต่อมาทุกชีวิตก็ละจากการโต้เถียง ต่างแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความระทึกใจ เมื่อปรากฏร่างสีเขียวแวววาวแหวกม่านฟ้าลงมาด้วยท่าทางองอาจ ติดตามด้วยเหล่าบริวารในแพรพรรณสวยสด ร่างนั้นค่อยลอยเลื่อนลงมา ที่สุดหยุดลงตรงหน้า แล้วเอ่ยปากถาม ภพนี้... องค์อินทร์เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวาน มีอายุขัยไล่เลี่ยเหลือประมาณกับอายุกาลแห่งโลกมนุษย์ ว่าถึงตำแหน่งแห่งที่ตั้งเล่า ถ้ากำหนดเอาแผ่นฟ้าเป็นจุดต้นก็มีหนทางไกลกว่าจากแผ่นฟ้าถึงผิวโลกเพียงสองศอกถึงสองวาโดยประมาณ ทุกสิ่งแลลานเป็นสีทองดังท่านได้ประจักษ์อยู่บัดนี้ อนึ่งเนื่องด้วยเราอยู่ห่างออกมา ความแจ่มจ้าของอาทิตย์ที่มาติดอยู่แค่ผิวพื้นโลก แสงที่ตกถึงเราจึงบางเบาเป็นลำแสงสีรุ้งอ่อน เราไม่มีเวลาร้อนเช่นเดียวกับที่ไม่รู้จักหนาว ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน เมื่อหิวก็จะมีอาหารอันเอมโอชะลิ่วลอยลงมาจากนภากาศ จงเลือกอยู่ เลือกกิน ส้องเสพสำราญจนกว่าทุกท่านจะสิ้นบุญเถิด สิ้นกระแสสั่ง เสียงเห่กล่อมประเลงเพลงก็ก้องกึกกังวานไกลหลายหมื่นโยชน์ เหล่าทวยเทพจึงทอดตัวลงฟอนฟาน ด้วยอาการสำราญในทิพยสถานนั้นแล อ่านแล้วตีความออกหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ได้ผมขอเฉลยเลยนะ ข้อความที่ผมยกมานี้มาจากเรื่องสั้นเรื่อง สวรรยา ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดฟ้าบ่กั้น ของ ลาว คำหอม เพื่อนคงจะเห็นว่าผู้เขียนใช้ภาษาอลังการวิลิศมาหรามาก อ่านแล้วเหมือนกับเห็นภาพสวรรค์ของเหล่าทวยเทพ แต่จริงๆ แล้วเป็นการกล่าวถึงภพของเหล่ากิมิชาติ คือบรรดาหนอนต่างๆ ที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเสพปัสสาวะและอุจจาระ กับแมลงวันหัวเขียว ซึ่งกล่าวอ้างและอุปโลกน์ตนเองขึ้นเป็น องค์อินทร์ จนกระทั่งเมื่ออ่านถึงกิริยา ฟอนฟาน นั่นเองจึงทำให้ผู้อ่านได้รู้ว่าเหล่าทวยเทพก็คือบรรดาหนอนทั้งหลาย และเมื่อมาอ่านในภาคเมืองดินที่กล่าวถึง ไอ้หัวเขียว นั่นแหละจึงรู้ว่าองค์อินทร์ในเรื่องก็คือแมลงวันหัวเขียวนั่นเอง ถ้าเพื่อนยังไม่เคยอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดนี้ ผมจะเล่าให้ฟังพอสังเขปก็แล้วกัน ที่เหลือค่อยไปหาอ่านเองนะครับ รับรองว่าต้องชื่นชอบเช่นเดียวกับผม หนังสือรวมเรื่องสั้นชุดฟ้าบ่กั้น แต่งคือ ลาว คำหอม หรือชื่อจริงว่า คำสิงห์ ศรีนอก ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2501 และตีพิมพ์ครั้งล่าสุด ครั้งที่ 15 ปี พ.ศ. 2545 จึงนับว่าอายุและความนิยมของวรรณกรรมชุดนี้ยาวนานทีเดียว ประกอบด้วยเรื่องสั้นทั้งสิ้น 17 เรื่อง ได้แก่ ไพร่ฟ้า, เขียดขาคำ, ชาวไร่เบี้ย, คนพันธุ์, คนหมู, หมอเถื่อน, นักกานเมือง, กระดานไฟ, ฟ้าโปรด, ชาวนาและนายห้าง, สวรรยา, แขมคำ, อุบัติโหด, ป้าย, ยมทูต, เป-โต และอีกไม่นานเธอจะรู้ โดยชื่อฟ้าบ่กั้น นั้นผู้แต่งตั้งขึ้นเพื่อให้เห็นว่า แม้คนเราจะเกิดมาอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างกางกั้นไม่ให้เข้ามาใกล้ชิดและสมาคมกันได้ เรื่องสั้นทุกเรื่องในฟ้าบ่กั้น ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม การเอารัดเอาเปรียบกันของคนในแต่ละระดับ การพัฒนาที่ถูกยัดเยียดลงไปจากเบื้องบน การฉวยประโยชน์จากกฎหมายที่อ้างเอาความชอบธรรม ทั้งๆ ที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้ด้อยโอกาส การอ้างขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างเพื่อมอมเมาคนให้คนเป็นเหยื่อทางสังคม และตัวอย่างของการดูถูกเหยียดหยามคนที่มีการศึกษาน้อยกว่าหรือคนต่างภาษา เรื่องที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือเรื่อง ไพร่ฟ้า ที่เราจะพบตัวละครตั้งแต่หม่อมราชวงศ์ นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ปลัดอำเภอ นายเชิด อินถา และบัวคำ โดยตัวละครแต่ละตัวจะมีลำดับชั้นทางสังคมแตกต่างกัน อันมีลักษณะของการใช้อำนาจและการยอมสยบอำนาจต่างกัน ซึ่งในเรื่องนี้ คนป่า อย่างอินถาและบัวคำไม่ได้รับการยอมรับว่า เป็นคน ที่มีชีวิตจิตใจเอาเสียเลย ฟ้าบ่กั้น ได้ฉายชัดให้เห็นถึงความเชื่อที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดทางสังคม นั่นคือชนชั้นผู้ปกครอง และชนชั้นผู้ที่ยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครอง เช่นจากเรื่อง สวรรยา ที่แสดงให้เห็นการแบ่งแยกชั้นวรรณะในทุกสังคม แม้แต่ในแวดวงของสัตว์ชั้นต่ำ เช่นหนอนและแมลงวัน เพราะถึงอย่างไร หนอนก็ย่อมจะอ่อนวัยและมีอาวุโสน้อยกว่าแมลงวันอยู่วันยังค่ำ ทำให้แมลงวันยกตนเองเทียบชั้นกับพระอินทร์ทีเดียว เช่นเดยวกันกับในสังคมมนุษย์ซึ่งมากไปด้วยตัณหา หนอนย่อมยินดีในของเน่าเสียฉันใด คนเลวย่อมยินดีในการกระทำความชั่วฉันนั้น เหมือนนักการเมืองก็ย่อมยินดีในการทุจริตคอรัปชั่นและปล้นบ้านเมืองเช่นกัน ดังปรากฏชัดในเรื่อง นักกานเมือง ลาว คำหอม ได้สะท้อนภาพชาวบ้านในยุคนั้น (ปัจจุบันก็เช่นกัน) คืออยู่ในสภาพไกลปืนเที่ยง ขาดความรู้ ไม่มีความคิด ไม่เข้าใจสังคมจนถึงขั้นโง่งม ดังที่ตัวละครบางตัวในเรื่องสั้นบางเรื่องหมิ่นเย้ยตัวเองและถูกตัวละครอื่นปรามาส ในเรื่อง เขียดขาคำ ได้ฉายภาพเรื่องของคนยากจนที่ประสบชะตากรรม แต่เมื่อทางราชการจะให้ความช่วยเหลือตามหน้าที่ที่อ้างกันว่าบำบัดทุกข์ ก็มักจะมีข้อจำกัดหรือปัญหามากมาย เช่น ใช้วิธีข่มขู่อีกทั้งในเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นการทำงานบนที่ว่าการอำเภอในท้องถิ่นห่างไกล ซึ่งไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันก็ยังคงมีสภาพไม่แตกต่างกัน และเจ้าหน้าที่ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ยังเป็นเจ้า-นายของชาวบ้านอยู่นั่นเอง เรื่อง คนหมู กับ หมอเถื่อน มีเนื้อหาคล้ายกันที่ชาวบ้านได้ละทิ้งภูมิปัญญาเดิม หันไปพึ่งความรู้จากอารยธรรมแผนใหม่ เช่น การรักษาการเจ็บไข้แบบพื้นบ้านที่เปลี่ยนเป็นการรักษาพยาบาลแผนใหม่ ทำให้ชาวบ้านชนบทไม่เหลือมรดกดั้งเดิม เรื่อง ชาวนาและนายห้าง เป็นเรื่องของเกษตรกรที่ต้องสูญเสียที่ดินไปเพราะนายทุนและคนจากนอกชุมชน เจ้าของเดิมกลายสถานะไปเป็นลูกจ้าง เรื่อง ฟ้าโปรด เป็นเรื่องของการแก่งแย่งแมงกุดจี่ที่น่าเศร้า เรื่อง อุบัติโหด เป็นการสะท้อนให้เห็นภาวะของคนที่ขาดหิริ-โอตัปปะ สังคมไร้ซึ่งความรู้สึกทางศีลธรรม หรือเรื่อง แขมดำ เป็นเรื่องที่สะท้อนชีวิตเสรีของชาวบ้านนอก ตัวเอกชื่อแขมดำ ได้หนีออกจากบ้าน หนีจากความรักของพ่อแม่ไปกับหนุ่มต่างถิ่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แต่แล้วในที่สุดก็ต้องซมซานกลับมาในวันที่มีเทศน์มหาชาติวันหนึ่ง เพื่อนทราบหรือเปล่าว่าการเกิดหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดฟ้าบ่กั้น ขึ้นมาในสังคมขณะนั้น ถือเป็นปรากฏการณ์พิเศษ เพราะการที่เนื้อหาของหนังสือกล่าวถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านผู้ต่ำต้อยด้อยการศึกษานั่นเอง ทำให้ถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ชี้นำหรือเสียดสีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ซึ่งยุคนั้นกำลังเกิดกระแส คอมมิวนิสต์ ขึ้นในแผ่นดินไทย แต่ใครจะคาดคิดว่าเนื้อหาดังกล่าวนั้นจะยืนยงมาจนถึงปัจจุบันในฐานะวรรณกรรมทรงคุณค่าเล่มหนึ่งของสังคมไทย...ไม่รู้ว่าที่ผมพร่ำพรรณนามาทั้งหมดจะครอบคลุมและเพียงพอให้เพื่อนอยากไปหามาอ่านบ้างไหม แต่ผมขอรับรองว่าถ้าใครได้อ่านแล้วต้องประทับใจเหมือนผมแน่นอน
************************************
ถึง...สมชาย เพื่อนรัก ก่อนอื่นขอขอบคุณเพื่อนมากสำหรับจดหมายที่เขียนมาเล่าเรื่องราวในหนังสือชุดฟ้าบ่กั้น แค่ได้อ่านที่เพื่อนเขียนมาก็อยากจะหาอ่านแล้วซิ เพราะผมเองก็เคยได้ยินชื่อหนังสือนี้มาเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้หามาอ่านสักที แต่ผมก็มีหนังสือที่จะแนะนำเหมือนกันนะ ก็เป็นประเภทเรื่องสั้นตามที่เราสองคนชอบเหมือนกันนั่นแหละ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า อ่านโลกกว้าง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มล่าสุดของอัญชัน เพื่อนคงจำได้ว่านักเขียนผู้นี้เคยได้รับรางวัลซีไรต์จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุดอัญมณีแห่งชีวิต มาแล้ว สำหรับหนังสือที่ผมจะแนะนำนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้นขนาดยาวเก้าเรื่อง แต่ละเรื่องนำเสนอถึงการค้นหาความจริงที่อยู่ภายในตัวมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นงานเขียนแนวความคิด ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกและชีวิตไว้หลากหลายแง่มุม ให้ผู้อ่านได้ขบคิด ค้นหาคำตอบกันเอง ไม่มีคำตอบเบ็ดเสร็จให้ และด้วยเหตุที่ผู้เขียนใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ข้อมูลที่นำมาเสนอจึงเป็นเรื่องราวจากหลากหลายชีวิตที่ต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมออกไป ด้วยกลวิธีการนำเสนอที่หลากหลายบวกกับความสามารถทางภาษา เธอจึงเขียนวิจารณ์เชิงเสียดสีได้อย่างแนบเนียนทีเดียว ในเรื่อง ห้วงเหวแห่งโลก ฉากและสถานการณ์เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าจากความทรงจำอันน่าสะพรึงกลัวในวัยเด็กของหญิงชราชาวอิหร่านสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้พบเห็นซากมนุษย์ของเชลยศึกที่ซาห์ของอิหร่านได้ช่วยเหลือเพื่อแลกกับน้ำมัน พ่อของเธอเล่าให้ฟังว่าคนเหล่านี้ถูกทรมานอย่างที่สุดภายในค่ายกักกันของนาซี เพื่อเป็นตัวทดสอบเอามาคัดง้างความเชื่อของ คาร์ล มาร์กซ์ ที่ว่าธรรมชาติดีชั่วในตัวคนขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมบังคับ โดยให้มีการวิ่งแข่งกันระหว่างคนในครอบครัว ผู้แพ้จะถูกฆ่า นอกเสียจากผู้ชนะในเกมนั้นจะเป็นผู้สละยอมแลกชีวิตตัวเอง อัญชันสะท้อนให้เราเห็นว่าอำนาจเป็นเครื่องมือในการประหัตประหารทำลายได้อย่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็นที่สุด และยังได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์ไว้ว่า หากวันใดที่มนุษย์ถูกคุกคามจนสูญสิ้นอิสรภาพ และความเป็นมนุษย์ถูกลิดรอนจนถึงที่สุดแล้ว มนุษย์จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตรอด โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีและมนุษยธรรมใดๆ ใช่หรือไม่ จากเรื่อง โลกในสายลม จึงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ยังคงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้อย่างเหนียวแน่น แม้จะต้องแลกกับความตายก็ตามที โดยให้อาห์ลานีหญิงสาวชาวอินเดียแดงเป็นตัวแทนมนุษย์ที่พยายามดิ้นรนหนีจากความทารุณโหดร้ายอย่างไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรม เมื่อไม่สามารถหนีให้รอดพ้นได้ก็กล้าที่จะเลือกความตายเป็นทางออก อัญชันได้นำเสนอภาพของตัวละครก่อนไปสู่ความตายราวกับการเข้าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ และภาพของเหยี่ยวภูเขาก็ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพเกือบตลอดเรื่อง มนุษย์ควรตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของเสรีภาพและศักดิ์ศรี และอาจตกเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะก็ได้ แต่ผู้แพ้อย่างอาห์ลานี แท้จริงแล้วเธอคือผู้ชนะ ถึงแม้ชัยชนะของเธอคือความตาย แต่ความตายของเธอนั้นบ่งบอกว่า เธอตาย (ชนะ) อย่างสมภาคภูมิที่สุด ตายด้วยความปรีดา และองอาจกล้าหาญ นอกจากนี้อัญชันได้เสียดสีพฤติกรรมของมนุษย์ไว้ในเรื่อง คนข้ามโลก ว่าทำไมถึงหาเรื่องทุกข์ใจกันได้มากมายนัก และจะทำอย่างไรให้พ้นจากวังวนของความทุกข์ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอริยสัจสี่คือทางออกแห่งทุกข์ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทำได้ ในเมื่อยังเปิดตาปิดใจกันอยู่อย่างนี้ เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ค้นพบหนทางที่จะพาไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้ เพราะความทุกข์นั่นแหละคือประตูที่จะเปิดให้เราได้พบกับความสุขที่แท้จริง อันเป็นสัจจะแห่งชีวิต อัญชันยังได้สอดแทรกความคิดของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้อย่างชัดเจน ในเรื่อง สุวรรณภูมิ สิ่งซึ่งประกอบขึ้นมาเป็นโลกและก่อเกิดมนุษย์ นั่นคือ อากาศ ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์หลงลืมไปและมองว่าไร้ค่า แต่กลับไปให้ความสำคัญกับเงิน ทอง บารมี และอำนาจ จนบางครั้งยอมขายวิญญาณหรือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตนเองเพื่อให้ได้มาในสิ่งเหล่านี้ โดยลืมคิดไปว่าถ้าวันหนึ่งขาดอากาศ ดิน น้ำ ลม ไฟ สิ่งใดสิ่งหนึ่งไป มนุษย์จะอยู่อย่างไร ในเรื่องสั้นชุดนี้ยังสอดแทรกปัญหาการกดขี่ข่มเหงระหว่างมนุษย์กับสัตว์ และมนุษย์ด้วยกันเอง การรุกรานของสังคมเมืองที่จะนำมาซึ่งความล่มสลายของสังคมชนบท ปัญหาเหล่านี้ยังเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยที่มองข้ามไป เช่นเรื่อง พรหมโลก ที่เราใช้ชีวิตสัตว์หรือธรรมชาติเป็นเครื่องมือในการทดลอง ศึกษาค้นคว้าเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรากำลังทำร้ายหรือทำลายสิ่งเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลวิธีการเขียนที่หลากหลายแต่ลงตัวทางประเด็นความคิด สอดคล้องกับนัยของเรื่องสั้นนั้นๆ เหตุการณ์ในแต่ละเรื่องจึงสมจริงและมีมิติ อย่างเรื่อง คนข้ามโลก หรือ ห้วงเหวแห่งโลก มีบางตอนที่เน้นย้ำด้วยกวีนิพนธ์ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น เรื่อง โลกในสายลม ที่ใช้ภาษาอย่างสละสลวย งดงาม สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ทั้งยังสร้างความสังเวชและประหวั่นพรั่นพรึงให้แก่ผู้อ่านไม่แพ้กันกับเรื่อง สุวรรณภูมิ ที่สำนวนภาษาอ่านง่าย ไม่วกวน กล่าวโดยรวมแล้วเรื่องสั้นชุดนี้ การใช้ภาษาพรรณนาไม่มากจนเกินไป ทั้งตอนจบของเรื่องผู้เขียนยังบอกถึงความเป็นมาหรือแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนั้นๆ ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเธอยังสอดแทรกให้เราเห็นว่า ชะตากรรมของมนุษย์เกิดขึ้นเพราะความเลวทรามต่ำช้าในจิตใจของมนุษย์ด้วยกันเองที่ลุ่มหลงในอัตตา ก่อให้เกิดความขัดแย้งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางความเชื่อ ค่านิยม เชื้อชาติ วัฒนธรรม รวมเรื่องสั้นชุดนี้จึงมีความโดดเด่นมาก การลำดับเรื่องในอ่านโลกกว้าง มีความสอดคล้องกับความเชื่อของเรื่องสั้นชุดนี้ โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่เกิดจากความชั่วร้ายในจิตของมนุษย์คนเดียวที่ก่อให้เกิดหายนะแก่มนุษย์กลุ่มใหญ่ และปิดท้ายด้วยความทุกข์ที่เกิดจากความขัดแย้งภายในของมนุษย์เอง ซึ่งผู้เขียนได้บอกว่า เราทุกคนคือเหวลึก ที่ไม่มีวันวัดความลึกของตัวเองได้ด้วยตัวเอง เชือกที่เราจะใช้วัดก้นบึ้งของตัวเราเอง ก็คงมีแต่สถานการณ์ต่างๆ ในเวลาวิกฤติของชีวิต ที่ถูกโยนผ่านเหวลงมาจนกระทบถูกก้นเหว เมื่อนั้นแหละเราจึงมีโอกาสไต่เชือกเส้นนั้นตามลงไปจนคลำพบก้นมืด และได้รู้ว่าห้วงลึกสุดในจิตใจเราอยู่ลึกซับซ้อนถึงไหนกันแน่ หลายๆ เรื่องในรวมเรื่องสั้นชุดนี้ เป็นการเตือนสติให้เราได้ตระหนักถึงปัญหาและความจริงที่กำลังบั่นทอนสังคมเราอยู่ สังคมที่เต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ความจริงอย่างเดียวไม่สำคัญเท่าการถูกทำให้เชื่อว่าจริงเสียแล้ว ฉะนั้นการที่จะตัดสินใครหรือสิ่งใดลงไปควรใคร่ครวญอย่างรอบคอบ และ เพื่อเอาเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาใช้ทำความเข้าใจกับธรรมชาติต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวของคน เพื่อ...สามารถมีความรัก และมีความรู้สึกดีๆ ต่อทุกคน โดยไม่ไปเกลียดชัง และโกรธแค้นใครต่อใครจนขาดสติ ถ้าเกิดผิดหวังหรือคาดไม่ถึงกับความเป็นคนของผู้ใดผู้หนึ่ง... ที่ผมเขียนมาทั้งหมดก็เพียงอยากจะบอกให้เพื่อนได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้อีกสักเรื่องหนึ่ง ไม่แน่นะนายอาจจะเห็นพ้องตามที่ผมบอกหรืออาจมองเห็นโลกได้กว้างกว่าที่ผมคิดก็ได้ ใครจะไปรู้ แล้วอย่าลืมเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะ ส่วนผมเองจะไปหาหนังสือฟ้าบ่กั้น มาอ่านตามที่เพื่อนแนะนำภายในเร็ววันนี้แหละ
| ||||||||||||||||||||||||||||
นายกิตติศักดิ์ รุ่งเรือง โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพชรบุรี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 76120 โทร. 0-3247-0295-22 เกิดวันที่ 7 เมษายน 2529 ชื่ออาจารย์ นายพรไพรสน คนมี อาจารย์ 1 ระดับ 5 หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย |