ด.ช. ชนัตถ์ พงษ์พานิช

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี

เรื่อง บทกลอนซ่อนแง่คิด

เคยค้นหาความหมายของคำว่าชีวิตบ้างไหม ชีวิตคืออะไร ทำไมเราต้องมีชีวิตอยู่…หนังสือสองเล่มนี้คือคำตอบทั้งหมด

ทุกๆ วันมนุษย์ทุกคนตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อทำกิจวัตรต่างๆ สายๆ ก็ออกไปทำงาน บ้างก็ออกไปเรียน ตกเย็นก็กลับบ้าน รับประทานอาหาร อาบน้ำและเข้านอน สิ่งเหล่านี้เรียกว่ากิจวัตรประจำวัน เคยสงสัยไหมว่าเราทำสิ่งเหล่านี้ทำไมและเพื่อใคร ข้าพเจ้าอยากให้ทุกๆ คนลองมองย้อนกลับไปในอดีตและค้นหาสิ่งที่เรียกว่า สัจธรรมแห่งชีวิต

ธรรมชาติคือผู้สร้างโลกใบนี้ กล่าวง่ายๆ ว่าธรรมชาติเป็นเจ้าของโลกใบนี้ ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้หนี้ พื้นดิน สายน้ำ ท้องนา ผืนฟ้า ต้นหญ้า ทั้งสิ้น

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเงื่อนไขที่ธรรมชาติตั้งไว้ให้มนุษย์เดินตาม เราหนีไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้

ชีวิตของมนุษย์จะประกอบด้วยความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเจ็บ ความโกรธ ความหวัง ความท้อแท้ ความพยายาม เป็นต้น ทุกคนมีสิ่งเหล่านี้เท่ากันแต่ใช้ไม่เท่ากัน บางคนใช้ถูก บางคนใช้ผิด เราจึงควรปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้สอดคล้องกับตนเองและสังคม

ชีวิตคือความไม่แน่นอน เราเลือกไม่ได้ หยุดไม่ได้ และเปลี่ยนแปลงไม่ได้

สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในข้างต้นคือเรื่องราวที่เรียงร้อยเป็นบทกลอน ถักทอผ่านความงดงามแห่งธรรมชาติจารึกอยู่ในหนังสือสองเล่มที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอต่อไปนี้

ในปัจจุบันมนุษย์มีความคิดแปลกใหม่ ยิ่งนานเข้าจิตใจคนยิ่งต่ำช้ามากขึ้น มักมีข่าวร้ายขึ้นหน้าหนึ่งอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชิงทรัพย์ ฆาตกรรม ทำร้ายสตรีและเด็ก เป็นต้น ข้าพเจ้าจึงอยากให้ทุกท่านได้อ่านหนังสือสองเล่มนี้ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีแก่สังคมและเยาวชนทุกคน

ต้องยอมรับว่าหนังสือสองเล่มนี้เป็นหนังสือที่จะเข้าใจได้ยาก โดยเฉพาะการใช้ศัพท์ แค่ข้าพเจ้ามีแนวคิดว่าหากสิ่งใดที่เข้าใจยากนั้นย่อมทำให้เราได้ใช้สมองมากจะทำให้สมองเราแตกฉาน การอ่านหนังสือที่เข้าใจได้ยาก สองเล่มนี้ไม่ได้สร้างแค่จิตสำนึกอย่างเดียว แต่ยังเป็นการฝึกสมองไปในตัวอีกด้วย ถ้าหากเรามีพจนานุกรมภาษาไทยสักเล่ม เมื่อเราอ่านพบคำที่ไม่ทราบความหมายก็เปิดหา จะเป็นการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ อีกด้วย ล้วนแต่เป็นประโยชน์แก่ตนเองทั้งสิ้น

ใบไม้ที่หายไป เป็นหนังสือประเภทกวีนิพนธ์ ประพันธ์และถักทอเรื่องราวโดยคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา

ใบไม้ที่หายไป เป็นหนังสือเชิงบันทึกเรื่องราวชีวิตช่วงหนึ่งของผู้ประพันธ์ โดยผู้ประพันธ์ต้องการสื่อความหมายถึงอุดมคติของหนุ่มสาว ปรัชญาชีวิต รวมไปถึงสตรีและคำว่าแม่ ผ่านบทกลอนแห่งธรรมชาติ

ผู้ประพันธ์ได้นำเอาธรรมชาติมาโยงใยกับคุณธรรมจริยธรรมที่ต้องการสื่อ บทกลอนที่ผู้ประพันธ์สรรค์สร้างขึ้นนั้นให้ความรู้สึกถึงผืนป่า สายลม ลำธาร ละอองดอกไม้ แมลงตัวน้อยๆ อย่างละมุนละไม อ่อนหวาน แต่ก็ยังมีความเข้มแข็งดังภูผาผสมผสานกันอย่างลงตัวที่สุด

          หมอบพับเพียบเลียบริมน้ำปริ่มฝั่ง
ตะแคงฝังนิยายเพลินจากเนินหญ้า
ระบำมดคดเคี้ยวลับเคียวตา
หยาดน้ำฟ้าลากลิ้งทิ้งใบบอน
(ห้วงคำนึง)
          เรามองโลกสดใสในวันนี้
ด้วยใจที่อ่อนวัยไร้เดียงสา
ทุกสิ่งช่วยอวยสุขทุกเวลา
หากวันหน้าเป็นอย่างไร…ไม่อาจรู้
(ห้วงคำนึง)

นอกจากนี้ยังสื่อความหมายของคำว่าสตรีไว้อย่างเข้มแข็งอีกดังเช่นบทกลอนนี้

          สตรีมีชีวิต
ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่าเสรีชน
มิใช่ปรนกามารมณ์
ดอกไม้มีหนามแหลม
มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม
ความอุดมแห่งแผ่นดิน
(อหังการของดอกไม้)

หากท่านเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในธรรมชาติ และมนต์เสน่ห์แห่งบทกวีก็ไม่ควรปล่อยให้หนังสือเล่มนี้หลุดมือไปแน่นอน

หากจะพูดถึงหนังสือที่ใช้ถ้อยคำในการพรรณนาความรู้สึกได้อย่างงดงามนั้นเห็นจะไม่พ้นปณิธานกวี

ปณิธานกวี เป็นหนังสือประเภทกวีนิพนธ์ ประพันธ์โดยคุณอังคาร กัลยาณพงศ์ ในเล่มจะเป็นการแต่งบทกลอนโคลงสี่สุภาพเป็นส่วนใหญ่ ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อสัจธรรมที่แท้จริงของมนุษย์กับโลก คุณของบุพการีรวมไปถึงการพรรณนาความงามของธรรมชาติ บทกลอนและศิลปะ นอกจากนี้ผู้แต่งยังต้องการบอกให้ผู้อ่านรับรู้อีกว่าผู้แต่งได้แต่งบทกลอนมาเพื่อให้โลกได้ซาบซึ้งถึงความงามของบทกวีจากความเป็นนักกวีที่อยู่ในลมหายใจของผู้แต่งดังเช่นบทกลอนนี้

         ให้ซาบซึ้งกาพย์กลอนโคลงฉันท์
ไปทุกชั้นอินทรพรหมพิมานสถาน
สร้างสรรค์กุศลศิลป์ไว้อนันตกาล
นานช้าอมตะอกาลิโก
(ปณิธานกวี)

บทกลอนในปณิธานกวี ถูกบรรจงแต่งขึ้นด้วยความละเอียดอ่อน ดังเช่นบทกลอนที่พูดถึงบุพการี ดังนี้

         ถึงตายเกิดใหม่ซ้ำไฉนสนอง
คุณพ่อแม่ทั้งสองสั่งฟ้า
น้ำนมที่ลูกรองดูดดื่ม
หวานใหม่ในชาติหน้ากี่หล้าฤาสลายฯ
(บุพการี)

หากท่านได้สัมผัสบทกลอนที่คุณอังคาร กัลยาณพงศ์ แต่งแล้ว ท่านจะได้ซาบซึ้งไปกับท่วงทำนองแห่งบทกวีที่พรรณนาออกมาจากจิตวิญญาณของผู้แต่ง เช่น

          แจ่มจันทร์เจ้าฉายแสงทอหน้าผา อาบสีเงินยวงอย่างวิเวกวังเวงจากฟากฟ้าพู้นประกายดาราร่วงรุ้งเรียงรายลงดังสายพิณพิเศษ แม้มีหัตถ์ทิพย์แห่งความเป็นไปเอื้อมเลยจากเงื้อมผาขาวดีดสายพิณพิเศษนั้น ก็จะเป็นลำนำซับซ้อนมิติภพชาติสะท้อนคลื่นกระแสกรรมไปหลายดาราจักร
(น้ำนมสีแดง)

และนี่เป็นตัวอย่างเรื่องสั้นบางตอนในเล่มที่ผู้แต่งได้บรรจงเรียบเรียงไว้อย่างงดงาม แต่ก็ยังซ้อนแง่คิดเอาไว้อย่างซาบซึ้งกินใจ

หนังสือเรื่องปณิธานกวีนี้เป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจด้านกวีนิพนธ์เป็นอย่างยิ่ง

ข้าพเจ้าหวังว่าหนังสือที่แนะนำทั้งสองเล่มนี้ จะทำให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากหนังสือไม่มากก็น้อย

หนังสือแท้จริงก็คือแหล่งเรียนรู้ที่ใกล้ตัวและมีมากมาย หนังสือที่ข้าพเจ้านำมาแนะนำนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ยังมีหนังสืออีกมากที่รอให้ทุกคนเปิดอ่าน หนังสือทุกเล่มมีประโยชน์ และมีเจตนาที่จะทำให้คุณธรรมแก่ผู้อ่าน อยู่ที่ทุกคนๆ จะเลือกในวาระที่ขณะนี้อยู่ในช่วงส่งเสริมการอ่านของทางรัฐบาล ข้าพเจ้าขอใวห้ทุกคนๆ หันมาอ่านหนังสือ โดยเริ่มจากหนังสือที่ข้าพเจ้าแนะนำก็ได้ เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาตนเองและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ด.ช. ชนัตถ์ พงษ์พานิช ชั้น ม. 1/12 เลขที่ 5
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี