น.ส. ชมชนก ฉวีวงศ์

โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อ. เมือง จ. อุบลราชธานี

เรื่อง อ่านเพื่อชีวิต

การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกๆ เพศและทุกๆ วัย การอ่านมีหลายลักษณะ ทั้งอ่านเพื่อหาความรู้ อ่านเพื่อคลาย เครียด อ่านเพื่อหาประสบการณ์ทางอ้อม อ่านเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต และอีกหลายๆ เหตุผลที่คนชอบอ่านหนังสือ ทางสำนักพิมพ์ที่มีอยู่หลากหลายจึงจัดพิมพ์หนังสือหลายๆ รูปแบบเพื่อสนองความต้องการของหนอนหนังสือทั้งหลาย สำหรับฉันเองชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ถูกต้องของวัยรุ่นอย่างฉัน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เหตุผลที่ฉันชอบอ่านหนังสือประเภทนี้เพราะฉันอยากจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข อยากพร้อมที่จะเดินอยู่ได้บนโลกนี้อย่างมั่นใจว่าสิ่งที่ฉันทำออกไปจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อยากที่จะอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งที่ได้ดั่งใจและไม่ได้ดั่งใจของฉัน ไม่เป็นปัญหาให้กับคนที่อยู่รอบๆ ตัวฉัน และอยากจะเข้าใจตัวของฉันเองมากขึ้น

สำหรับหนังสือที่ฉันจะมาแนะนำให้อ่านนี้ คือหนังสือกล้าที่จะก้าว เป็นหนังสือของผู้เขียนที่มีนามปากกาว่าการ์ตูน และหนังสืออีกเล่มหนึ่งคือหนังสือ LIFE ON THE ROCK มีชื่อเป็นภาษาไทยว่าชีวิต...เป็นเรื่องหิน...ลื่นบ้าง...ก็ไม่แปลก เป็นหนังสือของผู้เขียนที่มีนามปากกาว่า ว. แหวน หนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์ใยไหม ที่ฉันเลือกที่จะแนะนำให้อ่านหนังสือสองเล่มนี้ก็เพราะเป็นหนังสือสองเล่มที่ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ ไม่ว่าฉันจะอ่านสักกี่ครั้ง ฉันก็ยังรู้สึกว่าฉันคิดไม่ผิดที่เลือกจะอ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้ ฉันชอบอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ใยไหมนี้มากๆ เพราะฉันคิดว่าฉันได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่พอดีพองามในช่วงวัยรุ่นของฉันจากหนังสือของสำนักพิมพ์นี้อย่างมากมาย

หนังสือเล่มแรกที่ฉันจะกล่าวถึงคือกล้าที่จะก้าว เป็นครั้งแรกที่ฉันได้อ่านหนังสือของผู้เขียนที่มีนามปากกว่า การ์ตูน ที่ฉันเลือกหยิบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านก็เพราะฉันรู้สึกชอบชื่อหนังสือและคำพูดสอนใจที่มีอยู่บนหน้าปกของหนังสือเล่มนี้อย่างมาก คำพูดสอนใจที่มีอยู่บนหน้าปกหนังสือเล่มนี้ก็คือ “ไม่กล้าก็ไม่ก้าว ไม่ก้าวก็ไม่เดิน” คำสอนนี้ทำให้ฉันได้คิดอะไรหลายๆ อย่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันได้อ่าน ฉันจึงขอพ่อเพื่อซื้อหนังสือเล่มนี้ เมื่อฉันได้หนังสือเล่มนี้กลับบ้านมา ฉันก็เริ่มอ่านและอ่านจนจบภายในเวลาเพียง 1 วัน 2 คืน หนังสือเล่มนี้สอนใจผู้อ่านตั้งแต่หน้าแรกที่เปิดอ่าน เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับบุคคลที่คิดว่าตนเองมักจะทำอะไรได้ไม่ดีเท่ากับคนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะเพียงคิดว่าตนเองคงทำได้ไม่ดีเท่ากับคนอื่นทั้งๆ ที่บางทีเขาอาจจะทำได้ดีกว่าคนที่เขาคิดว่าเขาคงทำได้ไม่ดีเท่าคนนั้นก็ได้

คุณควรที่จะเชื่อมั่นและศรัทธาสิ่งที่คุณสร้างและทำมันขึ้นมาเอง มากกว่าที่คุณจะไปหลงอยู่กับคนที่คุณเรียกว่าหมอดูที่เขาจะคอยกำกับชีวิตของคุณถ้าหากคุณหลงงมงายในสิ่งที่เขาพูดมากเกินไป เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือคุณทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตคุณกำหนดได้เอง ...เวลาทุกนาทีที่คุณเดินไปข้างหน้า คุณข้ามผ่านอุปสรรคมามากน้อยแค่ไหน เมื่อคุณมาเจออุปสรรคครั้งใหญ่ในชีวิต คุณก็คิดจะไม่สู้มันต่อ ถ้าคุณคิดจะเดินถอยหลัง ให้คุณหยุดคิดสักนิดว่า เวลาที่ผ่านมาคุณเหนื่อยมามากแค่ไหน แล้วคุณจะให้สิ่งเหล่านี้มันสูญเปล่าไปง่ายๆ อย่างนั้นเชียวหรือ ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยล้ามาก คุณอาจจะหยุดพักสักนิด พอคุณคลายความเหนื่อยลงไปบ้างจึงค่อยๆ เดินต่อไปเผชิญกับปัญหานั้นอีกครั้ง แล้วพอคุณหันหลังกลับมามองปัญหาที่คุณผ่านพ้นมันไปได้ คุณจะพบว่าคุณก็ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายๆ เช่นกัน...นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องที่การ์ตูนนำมาบอกให้ผู้อ่านได้หยุดคิดทบทวนเรื่องชีวิตของตัวเอง ให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความเป็นไปของคนเรา จึงทำให้ผู้อ่านบางคนได้ข้อคิดและวิธีใช้ชีวิตดีๆ หลายเรื่องขึ้นมาได้

ฉันได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้หลายอย่างมาก ที่พอจะเห็นได้ชัดก็คือ ก่อนที่ฉันจะอ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันเคยเป็นคนที่ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ฉันมักจะนอนตื่นเกือบเที่ยงอยู่เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ฉันจะบริหารเวลาไม่เป็น มักเสียเวลาไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนไม่มีเวลาทำงานอย่างอื่น ไม่ตั้งใจเรียนในห้องเรียน แล้วต้องกลับมาเรียนพิเศษ มาอ่านทบทวนความรู้อีกหลายหน ทำให้ฉันแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลยในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ทั้งๆ ที่ถ้าฉันตั้งใจเรียนในห้องก็จะไม่ต้องเสียเวลากับการมานั่งทำความเข้าใจในเนื้อหาอีกหลายๆ ครั้ง แล้วฉันเองก็จะโทษว่าเวลาในโลกนี้ช่างน้อยเหลือเกิน หลังจากที่ฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันเริ่มรู้จักบริหารเวลาเป็น ฉันนอนตื่นแต่เช้า ตั้งใจเรียนหนังสือภายในห้องเรียน ทำให้ฉันมีเวลาพักผ่อน รู้สึกไม่เครียดกับการเรียน จึงทำให้สนุกกับการเรียนไปด้วย

ส่วนหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ฉันจะแนะนำให้ทุกคนได้อ่านก็คือเรื่อง LIFE ON THE ROCK ผู้เขียนเรื่องนี้มีนามปากกาว่า ว. แหวน ฉันได้อ่านหนังสือที่ ว. แหวน เป็นผู้เขียนมามากมายหลายเล่มเพราะในความคิดของฉัน ว. แหวน เขียนหนังสือได้น่าอ่าน น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหน ทุกครั้งที่ฉันแวะเข้าร้านหนังสือ ฉันมักจะเลือกดูหนังสือที่ ว. แหวน เขียนก่อนเป็นอันดับต้นๆ หนังสือที่ ว. แหวน เขียนมักจะหาไม่ยากเพราะหนังสือของ ว. แหวน มักจะติดอันดับหนังสือขายดีอยู่เสมอ เหตุผลที่ฉันเลือกที่จะซื้อหนังสือเล่มนี้ก็เพราะเป็นหนังสือที่ ว. แหวน เขียนและเป็นหนังสือเกี่ยวกับการวางตัว การให้แง่คิดในการใช้ชีวิตสำหรับวัยรุ่นอย่างฉัน และให้กำลังใจคนที่รู้สึกท้อแท้ได้เป็นอย่างดี

บางคนบอกว่าความฝันก็คือความฝันความจริงก็คือความจริง ทั้งๆ ที่ความฝันกับความจริงต่างกันแค่นิดเดียว แค่ทำกับไม่ทำ มนุษย์ทำอะไรได้ทุกอย่างที่อยากทำ แค่เอาจริงคุณสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ถ้าลงมือทำ เมื่อไหร่ที่คุณคิดแค่ฝันเอาโดยที่คุณไม่ทำอะไรกับมันเลย ความฝันกับจริง ก็จะกลายเป็นสิ่งที่อยู่กันคนละโลกขึ้นมาจริงๆ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างการให้แง่คิดสำหรับคนช่างฝัน และยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้ทุกคนได้ลองอ่าน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจสำหรับคนที่คิดว่าตนเองหน้าตาไม่สวย การที่คุณสวยสู้เขาไม่ได้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่จากสวรรค์ ผู้หญิงหลายๆ คนใฝ่ฝันว่าอยากจะสวย แต่ความสวยที่ยั่งยืนย่อมมาจากภายใน ความประทับใจแรกพบมันอาจเกิดจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ถ้ามันจะกลายเป็นความรักที่ยั่งยืนได้ ก็ต้องพิสูจน์กันจากภายใน ถ้าเราลองมองในมุมที่กลับกัน การที่คนเราเกิดมาหน้าตาไม่สวย มันเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ เป็นปราการด่านแรกที่คอยคัดคนดีๆ ให้กับเราเพราะมั่นใจได้เลยว่าอันตรายที่เกิดจากรูปลักษณ์ภายนอกมันจะไม่เกิดกับเรา คนที่เข้ามาผูกพันย่อมเป็นความผูกพันที่เกิดจากคนใกล้ตัว ซึ่งมันยั่งยืนว่าการปิ๊งแรกพบแล้วเดินเข้ามาขอเบอร์เป็นไหนๆ

หลังจากที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ฉันได้ข้อคิดอะไรหลายๆ อย่าง ทุกๆ หน้าที่อ่านก็มีข้อคิดที่ต่างๆ กันไป แต่ก็เป็นข้อคิดที่ดีเกือบทุกหน้าที่ฉันอ่านผ่านมา หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเพื่อน ให้กำลังใจ สอนให้เข้าใจชีวิตของคนเรามากขึ้น สอนให้เราทำอะไรดีๆ เพื่อคนอื่นบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อความสุขของเราเอง

หนังสือที่ฉันแนะนำให้อ่านเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือที่มีอยู่มากมายในโลกนี้ อาจจะไม่ใช่หนังสือที่ดีที่สุด ไม่ใช่หนังสือที่ใครหลายๆ คนเลือกที่จะหยิบขึ้นมาอ่าน เพราะฉันไม่ได้อ่านหนังสือทุกเล่มที่มีวางขายอยู่บนโลกนี้ แต่ฉันเกิดรู้สึกประทับใจกับมันมากๆ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนเลือกอ่านไม่ว่าจะเป็นคนที่อ่านหนังสือประเภทนี้อยู่แล้วหรือคนที่ไม่เคยอ่าน ฉันเชื่อว่าหนังสือที่วางขายอยู่บนโลกใบนี้ทุกเล่ม แต่ละเล่มย่อมมีสิ่งที่น่าสนใจ เมื่อเราอ่านจบเราจะได้อะไรดีๆ กลับคืนมา เราอาจได้ความรู้ ประสบการณ์ บางเล่มให้ข้อคิด หรือบางเล่มก็ให้ทุกอย่างที่ฉันกล่าวมา หนังสือต่างประเภทก็ย่อมทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเล่มใด เพียงแค่เราพอใจที่จะอ่านมันก็ทำให้เราได้อะไรดีๆ กับเรา อย่างน้อยที่สุดก็คือรอยยิ้มที่จะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรานั่นเอง