น.ส. ชุตินันท์ สมบูรณ์

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี

เรื่อง จากหัวใจดวงหนึ่ง...ถึงหัวใจทุกดวง

ฉันเลือกหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับความรัก...ด้วยเหตุผลง่ายๆ สั้นๆ ที่แสนเอาแต่ใจที่ว่า... “ฉันอยากให้คุณอ่าน” ...เวลาที่ฉันจะแนะนำหนังสือดีๆ ให้ใครก็ตามที่ฉันห่วงใยให้เขาได้อ่าน...ได้รู้จักสักเล่ม...ฉันมักจะเลี่ยงการบอกสรรพคุณของหนังสือเล่มนั้น...แต่ฉันชอบที่จะเล่าให้ฟังว่าอ่านแล้วฉันมีความรู้สึกอย่างไร...อ่านแล้วฉันรู้สึกดีแค่ไหนเท่านั้น

“การอ่านเป็นรากฐานของชีวิต” ฉันอ่านเจอคำนี้อยู่ในหนังสือเรื่องแพน เทพแห่งไพร วรรณกรรมแปลที่เขียนโดย คนุท แฮมซุน ความจริงคำนี้พวกเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกสะดุดเมื่ออ่านเจอคำนี้ และรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้บอกต่อมันไปยังเพื่อนๆ ของฉัน ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักการอ่านมาก ฉันอ่านหนังสือหลากหลายแนว แต่ละเรื่องที่อ่านก็ให้ข้อคิดกับฉันแตกต่างกันออกไป ไม่เคยมีหนังสือเล่มไหนที่ไม่ได้ให้ข้อคิดกับฉัน

เวลาฉันไปซื้อหนังสือกับเพื่อนๆ บางครั้งเพื่อนๆ ของฉันแทบไม่ได้เปิดดูเนื้อหาในหนังสือด้วยซ้ำ แต่กลับซื้อออกมาอย่างง่ายดาย ฉันเลยถามเขาว่า “รู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะถูกใจตัวเอง...ไม่เห็นเปิดดูสักตัว”เขาตอบฉันสั้นๆ ว่า “ก็ชื่อเรื่องน่าสนใจดี” ฉันนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ คนที่ซื้อหนังสือเขาดูกันที่ชื่อเรื่องเหรอ ฉันคิดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่แล้ววันหนึ่งฉันก็เข้าใจ...เวลาที่เราเจอหนังสือเล่มที่ชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจเรา...หนังสือเล่มนั้นจะดูมีความพิเศษเหนือกว่าหนังสือเล่มอื่นๆ ที่วางอยู่ข้างกันอย่างน่าประหลาด วันนั้นฉันซื้อหนังสือเล่มหนึ่งกลับมา โดยที่ไม่ได้อ่านดูเนื้อข้างในแม้แต่ตัวเดียว เหตุผลที่ฉันซื้อหนังสือเล่มนั้นคือ “เพราะชื่อเรื่องน่าสนใจดี”

ห่างหนึ่งก้าว...รักเราเท่าเดิม คือหนังสือเล่มแรกที่ฉันตัดสินใจซื้อเพียงเพราะชื่อเรื่องน่าสนใจ เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์อักขระบันเทิง เขียนโดย พึงเนตร อติแพทย์ ...ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจซื้อเพียงเพราะอารมณ์ที่ไม่มั่นคง แต่ฉันกลับไม่ได้ผิดหวังกับหนังสือที่ซื้ออย่างฉาบฉวยเล่มนี้เลยแม้แต่น้อย ฉันดีใจด้วยซ้ำที่ได้อ่าน...ฉันรู้สึกประทับใจตั้งแต่ชื่อเรื่อง...คำนำสำนักพิมพ์...เนื้อหาจากบทแรกถึงบทสุดท้าย...ฉันประทับใจทุกๆ ตัวอักษรที่ตีพิมพ์ลงหนังสือเล่มนี้...ทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่า...ทุกครั้งที่เหงา หนังสือจะเป็นยาปลอบใจขนานดี ฉันเป็นหนึ่งในนั้น เป็นคนหนึ่งที่ยามเหงามักจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน และฉันจะตกหลุมรักหนังสือทุกเล่มที่ช่วยปลอบโยนฉัน หนังสือเรื่องห่างหนึ่งก้าว...รักเราเท่าเดิม เป็นหนังสือที่บรรยายถึงวามรัก เหตุผลที่คนรักกัน และการทำความเข้าใจในคำว่ารัก ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบ....และทุกรอบที่อ่านฉันมักจะได้อะไรๆ จากเนื้อหาในเล่มเพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง ฉันตกหลุมรักประโยคที่ว่า “เมื่อความรักเดินทางมาถึง มันได้มอบสองสิ่งทิ้งไว้ให้กับเรา นั่นคือปีกและเชือก” ฉันไม่อาจลบเลือนประโยคที่ว่า “ปีกเสรี มอบอิสระและช่องเวิ้งว่างให้กับความรัก ในขณะที่-เชือกพันธนาการ-มอบความชิดใกล้” ออกจากความรู้สึกนึกคิดได้ มันงดงามและมีความหมายมากกว่าที่เห็น ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่ารัก แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยนที่คนเขียนต้องการจะสื่อออกมาให้รู้...ให้ฉันเข้าใจ...ฉันทั้งสงสัยและประทับใจคำว่า “แฟนเก่า...เพื่อนรักแสนวิเศษ” ...อาจเป็นเพราะในความคิดส่วนลึกของฉันรวมทั้งประสบการณ์ที่เคยพบเห็นมาบอกกับฉันว่า คนที่เคยเป็นแฟนกันพอเลิกกันแล้ว ก็จะไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างปกติ กลายเป็นคนแปลกหน้าที่ห่างเหิน แต่หนังสือเล่มนี้บอกฉันว่า แฟนเก่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด เพราะเขาคือคนที่เคยเข้าใจเรามากที่สุด หนังสือเล่มนี้บอกฉันซึ่งไม่เข้าใจความหมายของความรักว่า บางคนเหมาะที่จะเป็นเพื่อนมากกว่าเป็นคนรัก และยังบอกอีกว่ากับคนที่เคยรัก แม้ในวันที่รักหมดเกลี้ยงจากหัวใจ ให้ลองมองในแววตาของเขา แล้วจะพบว่าเขายังมีความผูกพันให้อยู่เสมอ สำหรับฉันแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้ช่างสวยงาม อ่อนหวานและลึกซึ้ง ฉันบอกไม่ได้ว่ามันให้กำลังใจรึเปล่า เพราะฉันไม่ได้เพิ่งเลิกกับแฟนถึงจะได้มีแฟนเก่า แฟนใหม่ แต่ฉันรู้สึกอบอุ่นที่ได้อ่านคำเหล่านี้ เป็นความรู้สึกที่อธิบายยากนะ

หนังสือเล่มนี้...สอนให้ฉันรู้จักความรักจากหลายแง่หลายมุม ทั้งความรักที่มีแต่ความหึงหวงจนอึดอัด ความรักที่สบายๆ จนบางครั้งละเลยต่อความรู้สึกของกันและกัน ความรักที่ต้องการเพียงแอบรัก หรือแม้กระทั่งบางคนที่ยอมทุ่มทุนบอกเลิกกับแฟนทุกๆ ครั้งที่อีกฝ่ายเริ่มจริงจัง เนื้อหาที่ลึกซึ้งสวยงามเหล่านี้...ไม่ได้จำเพาะเจาะจงเฉพาะความรักระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงคนสำคัญทุกๆ คนรอบๆ ตัวเราด้วย เป็นหนังสือที่ฉันอ่านแล้วนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ เป็นห่วงท่านอย่างมากมาย จนต้องโทรไปถามว่าท่านสบายดีหรือไม่ทั้งๆ ที่ท่านเพิ่งขับรถห่างลับตาฉันไปเพียงไม่กี่นาที ที่อดห่วงไม่ได้เป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ได้บอกกับฉันว่าอย่าประมาท ชีวิตของคนเราหาความแน่นอนไม่ได้...เอ่ยคำราตรีสวัสดิ์กันวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาทักทายกันอีกหรือไม่ก็ไม่รู้...ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะบอกทั้งคุณพ่อคุณแม่ว่ารักท่านทุกๆ วัน...เป็นเด็กดีทุกๆ วัน...เพราะบางที...ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดหรือได้ทำมันอีกตลอดชีวิตของฉัน ทำให้ฉันรู้ว่าการปล่อยให้ความรักเป็นฝ่ายตายจากเราไปก่อนขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและไม่น่าให้อภัย เพราะความรักจะไม่จากเราไปก่อนเวลาอันควร ความรักจะอยู่กับเราตลอดเวลา แม้ชีวิตจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนก็ตาม...

บ่อยครั้งที่ฉันยึดติดกับความคิดของตัวเองแล้วก็พบว่ารู้สึกสับสนในตัวเอง รู้สึกกังวล ไม่กล้าที่จะคิดหรือทำอะไร หลายครั้งที่รู้สึกสับสนกับการที่พยายามค้นหาความหมายของคำว่า “รัก” และ “ชอบ” ว่ามันต่างกันยังไง...และหลายครั้งที่รู้สึกเหงาจนอยากร้องไห้ แต่ฉันขอยืนยันว่า หนังสือคือเพื่อนแท้จริงๆ เพราะมันไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง หนังสือทุกเล่มมีความงามตามแบบฉบับของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะค้นหามันเจอได้หรือเปล่า บทความหลายๆ เรื่องในเล่มนี้จะเป็นเพื่อนที่อยากให้เรานั่งอ่านอย่างสบายๆ ค้นหาความคิดที่แท้จริงของตัวเอง แล้วเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวเอง และเมื่อเริ่มได้แนวทางในการคิด และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เราจะก้าวเดินได้อย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตามเส้นทางที่แสนขรุขระของเราเอง ฉันว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่มีความรักทุกคนเชียวล่ะ

อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าฉันเป็นคนที่รักการอ่านมากๆ ชอบอ่านหลายๆ แนวหลายๆ รูปแบบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องผูกติดความรู้สึกนึกคิดไว้เพียงด้านเดียว หรือหนังสือแนวใดแนวหนึ่ง ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่เด็กที่ชอบอ่านนิยายไทยนัก อาจเป็นเพราะฉันเกิดมาในยุคที่เด็กๆ หลงรักวรรณกรรมแปลล่ะมั้ง ฉันชอบอ่าน Harry Potter ในขณะที่ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากจะหยิบหนังสือเรื่องปริศนา ขึ้นมาอ่าน ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น แต่แล้ววันหนึ่งฉันที่มักจะเข้าห้องสมุดเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว ได้เดินไปที่หมวดนวนิยายไทย ซึ่งทุกครั้งที่ไปห้องสมุดฉันไม่ค่อยจะพิศวาสย่างกรายเข้าไปบริเวณนั้นสักเท่าไรนัก แต่เป็นเพราะคราวนี้ฉันต้องทำงานภาษาไทยที่ต้องอ่านหนังสือนวนิยายไทย แล้วเอาไปเขียนส่งฉันจึงจำเป็นต้องอ่าน ฉันใช้คำว่า “จำเป็น” เพราะว่าฉันชอบอ่านวรรณกรรมแปล แต่อาจารย์ไม่ให้เอาวรรณกรรมแปลไปเขียนส่ง ฉันเลยจำใจต้องอ่านนวนิยายไทย แต่ในตอนนี้ฉันคิดว่านั่นเป็นโชคชะตาที่ทำให้ฉันได้มาเจอหนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่เยาวชนไทยควรอ่านเป็นที่สุดสายใยแห่งความรัก แต่งโดยคุณอุดม วิเศษสาธร...เป็นหนังสือนวนิยายประเภทบันเทิงคดีเยาวชนที่ทำให้ฉันประทับใจมากที่สุด ไม่ใช่หนังสือนิยายความรักที่มีพระเอกนางเอกอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในตอนจบของเรื่อง แต่เป็นเรื่องราวของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆ แห่งหนึ่ง เหตุการณ์จากนวนิยายเรื่องนี้ถึงแม้จะเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการสูญเสียที่ไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดมาทดแทน แต่มันกลับทำให้ฉันใจหายและรู้สึกอยากปกป้องธรรมชาติของฉันเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันมีโอกาสรับรู้ด้วยหัวใจว่า ชีวิตทุกชีวิตบนโลกที่สวยงามใบนี้ต่างมีความเอื้ออาทรต่อกันและกันเสมอมา ต่างต้องดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาสมดุลทางธรรมชาติเอาไว้ เป็นเรื่องที่ดึงดูดใจทำให้คล้อยตามอย่างลืมตัว

ในตอนแรกที่เปิดอ่าน ฉันรู้สึกฉงนที่หนังสือเล่มนี้เตือนว่า เรื่องราวที่ฉันจะอ่านต่อไปนี้ อาจทำให้ดวงตาของฉันเต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว ฉันนึกในใจว่าทำไมฉันต้องร้องไห้ด้วย ในเมื่อเป็นเพียงแค่สารคดีสัตว์เรื่องหนึ่งเท่านั้น ฉันไม่ได้สนใจที่จะอ่านมากนักเพียงแค่อ่านผ่านๆ เพื่อทำงานส่ง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้สักนิด สิ่งที่ฉันคาดเดาไว้ครั้งแรกกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ความงดงามของภาษาที่ใช้ถ่ายทอดผ่านตัวอักษร ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งกับเนื้อหาและภาษาที่เรียงร้อยและกลั่นกรองเป็นอย่างดี ฉันสามารถจินตนาการภาพของปู่หลานที่ออกทะเลเพื่อลงอวนได้ ฉันได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับพะยูน หรือที่เรียกกันว่าเงือก ฉันแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความซาบซึ้งในความรักที่ให้ความหมายยิ่งใหญ่ผูกพันเป็นสายใยมั่นคง นั่นคือความรักในธรรมชาติ ความรักระหว่างมนุษย์และสัตว์ เป็นความรักที่บริสุทธิ์งดงาม มีทั้งการให้และการเสียสละ ฉันไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเงือกเลยแม้กระทั่งตำนานรักอมตะของเงือกสีทอง ฉันเพิ่งได้รับรู้เดี๋ยวนี้เองว่า เรือนร่างสีทองของเงือกเป็นประติมากรรมที่แสนงามของธรรมชาติ เป็นจินตนาการที่แสนงามของมนุษย์ และเป็นเทพีแห่งความงามของท้องทะเล

ตำนานรักของเงือกสีทองทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวและมั่นคงในคราวเดียวกัน ฉันรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับข้อความที่ว่า “ความรักคือความผูกพันอย่างลึกซึ้งของหัวใจดวงหนึ่งต่อหัวใจอีกดวง แม้สังขารจะร่วงโรยด้วยกาลเวลา แต่ความรักจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน แม้วิญญาณจะสูญสลาย แต่ความรักจะไม่มีวันสูญสิ้น” ...ฉันยอมรับว่าฉันหลงรักมันเข้าเต็มเปา

ความหวงแหนและรักในธรรมชาติของเด็กชาย “กบ” ตัวเอกของเรื่อง กระตุ้นให้ฉันรู้สึกอยากอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด ฉันรู้สึกประทับใจที่เขารักธรรมชาติด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ไม่คิดเบียดเบียนทำร้าย นึกถึงคนรุ่นใหม่ต่อๆ ไปด้วยความสงสารระคนกับความห่วงอาทร ความคิดของเขาเป็นผู้ใหญ่เกินตัวอย่างที่บางครั้งฉันก็รู้สึกอิจฉา และบ่อยครั้งที่เพียรถามตัวเองว่าทำไมฉันถึงไม่คิดถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลานของฉันอย่างกบบ้าง ฉันแทบไม่จำเป็นต้องมองหาสิ่งที่จะเอามาเขียนบรรยายส่งอาจารย์ ฉันกลับนึกเสียดายด้วยซ้ำที่อาจารย์กำหนดหน้าให้เขียนเพียงแค่ไม่กี่หน้า เพราะความจริงแล้วฉันสามารถบรรยายความรู้สึกที่มีต่อเรื่องนี้ได้เป็นร้อยๆ หน้า ความรัก ความผูกพันของกบกับฝูงเงือกสีทองฝูงสุดท้ายที่เหลืออยู่ทำให้ฉันยิ้มอย่างดีใจและอยากจะสัมผัสกับความรู้สึกที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นด้วยตัวเองสักครั้ง มันเป็นความรักที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน มีเพียงสายใยบางๆ ที่เชื่อมต่อกัน พวกเขาไม่ได้อาศัยภาษาในการสื่อสารระหว่างกัน...ฉันได้รับรู้ถึงความรักอันมั่นคงของเงือกที่มีต่อกัน เงือกตัวผู้ที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อปกป้องสิ่งอันเป็นที่รักนั่นก็คือเงือกสาว ฉันถึงกับน้ำตาร่วงอย่างไม่ตั้งใจเมื่อเงือกหนุ่มยอมสละชีวิต ทั้งๆ ที่ฉันไม่ใช่คนที่ร้องไห้ได้ง่ายๆ แต่ฉันเสียน้ำตาเพียงเพราะฉันประทับใจในความรักที่พวกเงือกมีต่อกัน...เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฉันรู้สึกโกรธเคืองเหล่าผู้คนที่ไร้จิตสำนึก เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เที่ยวล่าเงือกที่แสนเชื่องแสนน่ารักเพื่อนำชิ้นส่วนไปขาย...จนเดี๋ยวนี้เงือกต้องสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเล ฉันแอบตัดพ้อคนรุ่นเก่าที่ไม่พยายามรักษาสิ่งที่สวยงามเช่นนี้ไว้ให้รุ่นลูกหลานดู และฉันก็ได้ปฏิญาณไว้แล้วว่าฉันจะรักษาสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้คนรุ่นหลังได้เชยชม...ฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกหดหู่เจ็บปวดและตื่นตระหนกเมื่อต้องเสียเพื่อนที่ดีอย่างเงือกไป ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกอย่างที่กบได้รับเมื่อพบกับเงือก ฉันรับรู้ถึงความสับสน ความรู้สึกสำนึกของคนที่เคยฆ่าเงือกจากหนังสือเล่มนี้ หากถามว่าหนังสือนวนิยายไทยเรื่องใดที่เยาวชนควรอ่าน ฉันตอบได้เต็มปากอย่างไม่ลังเลเลยว่าเรื่องสายใยแห่งความรัก เพราะทุกคนจะได้อะไรหลายอย่างมากกว่าที่คิด ฉันรับรอง

“เมื่อลมหายใจสุดท้ายของเธอพลันสิ้นสุด...น้ำตาหยดสุดท้ายของเธอเป็นสีเลือด...น้ำตาของกบพลันไหลริน...ทุกคนหลั่งน้ำตา...รวมกันเป็นสายใยอมตะเล็กๆ อีกสายหนึ่ง...เป็นสายใยแห่งความรัก” เมื่ออ่านแล้วรู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็รู้สึกอบอุ่นนั่นแสดงว่าคุณหลงรักหนังสือเล่มนี้เข้าแล้วล่ะ