![]() |
น.ส. ดารณี ทองประเสริฐชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี |
เรื่อง หนังสือคือเพื่อนคำว่า หนังสือ นั้นมีความหมายที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป และในพจนานุกรมแต่ละเล่มนั้นให้คำจำกัดความ แตกต่างกันออกไปด้วย คำว่า หนังสือ บางคนอาจจะหมายถึงเรื่องราว ข้อความที่เขียนลงบนกระดาษแล้วนำมาเย็บรวมกัน แต่ความหมายตามพจนานุกรมได้กล่าวไว้ว่า หนังสือ คือ เครื่องหมายใช้เขียนแทนเสียงหรือคำพูด ลายลักษณ์อักษร จดหมาย เอกสาร และบทประพันธ์ต่างๆ หนังสือนั้นมีหลายประเภท มีทั้งหนังสือดีที่ให้สาระ ความรู้ ความบันเทิง ความสนุกสนาน ให้คติเตือนใจ และเป็นแนวทางให้นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ซึ่งแต่ละคนนั้นย่อมมีความคิด ความชอบที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็อาจจะชอบหนังสือที่ให้สาระความรู้ บางคนก็ชอบหนังสือแนวสยองขวัญ หนังสือแนวโรแมนติก หนังสือการ์ตูนที่ให้ความเพลิดเพลิน หรือจะเป็นหนังสือแนวสืบสวนและหนังสือประเภทอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนตัวข้าพเจ้าเองก็มีหนังสือที่ชื่นชอบอยู่ด้วยกันสองเล่มที่จะแนะนำให้เพื่อนๆ อ่านก็คือ พระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก และหนังสือเรื่องนิกกับพิม บทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก นั้น ตัวข้าพเจ้าได้อ่านมานานหลายปีแล้ว เพราะแม่ของข้าพเจ้าได้บอกกับข้าพเจ้าว่า หนังสือนี้เป็นหนังสือดี ควรที่จะอ่านไว้ประดับความรู้ และในช่วงเวลานั้นหนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยมมาก ได้มีสื่อหลายสื่อที่ออกมาแนะนำหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในปี พ.ศ. 2531 พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องโดยทรงดัดแปลงให้ทันสมัยขึ้น พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ศิลปินชั้นนำของเมืองไทยหลายท่านเป็นผู้วาดรูปประกอบ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ (พ.ศ. 2542) โปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ฉบับการ์ตูน โดยโปรดเกล้าฯ ให้ศิลปินผู้ชำนาญการที่สุดเป็นผู้วาดรูป และโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ด้วยกระดาษไทยเพื่อความประหยัด ให้ทุกคนมีโอกาสได้ซื้ออ่าน จากที่ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาในเรื่องเป็นคติสอนใจ แฝงข้อคิดที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวขององค์พระมหาชนกตั้งแต่ประสูติไปจนถึงเจริญวัยและประสบความสำเร็จในชีวิต เหตุการณ์ก่อนที่พระองค์จะประสูตินั้น เป็นเหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้นเพราะการยุยงของเหล่าเสนาอำมาตย์ให้เกิดความแตกแยกระหว่างพระอรัฐชนาพระบิดาของพระมหาชนกและพระโปลชนก จากเหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพระมารดาและพระมหาชนกได้เปลี่ยนแปลงไป จากเรื่องพระมหาชนกนี้ ข้าพเจ้าจะขอหยิบยกตัวอย่างบางตอนมาเขียนให้เพื่อน ๆ ได้อ่านดังต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์เมื่อตอนที่พระองค์มีพระชนม์ 16 ปี พระองค์ทรงเรียนไตรเพทและศิลปะศาสตร์ทั้งปวง ในขณะที่พระองค์มีพระชนม์เพียง 16 ปี ซึ่งจากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า พระมหาชนกมีความเพียรพยายามและมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนเป็นอย่างมาก สมควรที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากที่พระมหาชนกได้สำเร็จวิชาต่างๆ แล้วจึงได้ขอพระมารดาเดินทางไปยังเมืองมิถิลา เพื่อชิงราชสมบัติของพระบิดากลับคืนมา จากนั้นพระมหาชนกก็ออกเดินทางด้วยเรือพร้อมกับพวกพานิช เมื่อเรือแล่นออกไปในมหาสมุทร ก็เกิดคลื่นใหญ่ในทะเลขึ้น แต่พระองค์ก็ไม่รู้สึกกลัว เมื่อเรือจมผู้คนในเรือพร้อมกับพระองค์ลอยอยู่ในน้ำ พระองค์สามารถรอดพ้นจากสัตว์น้ำที่จะมาทำร้ายได้ พระมหาชนกใช้เวลาในการว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน จากเหตุการณ์นี้ทำให้เราได้เห็นความอดทนและความเพียรพยายามของพระองค์ เหตุการณ์ที่ 3 มีใจความว่า ที่ทางเข้าอุทยานมีมะม่วงสองต้น ต้นหนึ่งมีผล อีกต้นหนึ่งไม่มีผล พระองค์ทรงลิ้มรสมะม่วงอันโอชา แล้วเสด็จเยี่ยมอุทยาน เมื่อเสด็จกลับออกมาจากอุทยานทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงที่มีรสดีถูกข้าราชบริพารดึงทึ้งจนโค่นลง ส่วนต้นที่ไม่มีลูกก็ยังตั้งตระหง่าน เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งใดที่มีคุณภาพ จะเป็นเป้าหมายของการยื้อแย่ง และจะเป็นอันตรายในท่ามกลางผู้ที่ขาดปัญญา จากที่ข้าพเจ้าได้เล่าเหตุการณ์ในเรื่องทั้งสามเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าประทับใจมานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เราทุกคนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เพื่อนๆ อาจจะได้อะไรมากมายจากหนังสือเล่มนี้มากกว่าที่ข้าพเจ้าได้ เพราะทัศนคติของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน หากเพื่อนๆ อยากรู้รายละเอียดและเนื้อหาในเรื่องมากกว่าที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้ ก็ขอเชิญชวนเพื่อนๆ ทุกคนอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเพื่อนๆ จะได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้มีคุณค่ามากมาย พระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก เล่มนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถพิจารณาแนวทางดำเนินชีวิตที่เป็นมงคลได้ หนังสือเล่มที่ 2 ที่ข้าพเจ้าชื่นชอบและอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ อ่านก็คือเรื่องนิกกับพิม หนังสือเรื่องนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วชวนให้เกิดอารมณ์ขันและเกิดความสนุกสนาน เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่า ความรู้สึกของเพื่อนๆ ก็คงจะไม่แตกต่างจากความรู้สึกของข้าพเจ้า เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวชาวไทย ที่ไปพบเจอกันที่เมืองซูริท ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยทั้งสองคนต่างก็เข้าไปเลือกซื้อหมาในร้านเดียวกันและเวลาเดียวกัน จากเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนทั้งคู่ ทำให้ชายหญิงคู่นี้รักกัน ทั้งสองคนซื้อหมากันคนละตัว ฝ่ายชายตั้งชื่อหมาของเขาว่า นิก ส่วนฝ่ายหญิงก็ตั้งชื่อหมาของเธอว่า พิม สรุปความแล้งสองคนนี้รู้จักกันเพราะหมา แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันไป เมื่อหล่อนหายหน้าไป แล้วเขาก็พบเธอเข็นรถเด็กอ่อนเดินไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ในใจเขานั้นคิดว่าเธอนั้นมีเจ้าของแล้ว จากนั้นเขาก็กลับมาเมืองไทยโดยไม่บอกเธอ เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้เขียนจดหมายหาเธอโดยให้นิกกับพิมเป็นสื่อ มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนทั้งคู่ มีทั้งสุขและทุกข์ ระคนกันไป หนังสือเล่มนี้เป็นบทประพันธ์ของ ว. ณ ประมวญมารค ซึ่งมีผลงานวรรณกรรมให้อ่านอยู่หลายเรื่อง ผลงานแต่ละเรื่องล้วนเป็นที่นิยม ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เมื่อเริ่มแรกที่ข้าพเจ้าอ่านก็ยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนและหมาว่าเป็นอย่างไร แต่พอข้าพเจ้าอ่านไปเรื่อย ๆ กลับกลายเป็นความสนุกและรู้สึกสดชื่น เมื่อได้รับรู้เรื่องราวของคนทั้งคู่ กับหมาอีกสองตัวซึ่งมีเขาและเธอเป็นเจ้าของ เมื่อข้าพเจ้าอ่านไป หนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวที่ข้าพเจ้ายังไม่รู้อีกมากมาย ทั้งการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ การอยู่ร่วมกันของแต่ละครอบครัว ได้รู้ถึงคนที่มีพื้นฐานของครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าจะมาจากพื้นฐานครอบครัวเดียวกัน แต่ลักษณะนิสัยใจคอและความคิดของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่หลายเที่ยว ในตอนนั้นรู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ เพราะยังเรียกเสียงหัวเราะได้เหมือนเดิม ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้รู้ว่าสังคมที่เราอยู่นั้นมันมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย จากการที่ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้แล้ว ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหนังสือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ข้าพเจ้าคิดในตอนแรก หนังสือมีอะไรดีๆ มากมายที่เราควรอ่าน หนังสือสามารถให้ทั้งความสุข ความบันเทิง ความสนุกสนาน และยังเป็นเพื่อนแก้เหงาได้ดีอีกด้วย เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือที่ข้าพเจ้าแนะนำแล้ว จากคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็อาจจะรักการอ่านและสนุกกับการอ่านหนังสือมากขึ้นก็ได้ ก็อย่างที่ข้าพเจ้าได้บอกไปแล้วว่าหนังสือมีอะไรดีๆ อีกมากมายที่เราควรจะรู้ จะเห็นได้ว่าคนที่รักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือจะเป็นคนทันเหตุการณ์ ทันสมัย มีความรู้รอบตัวมากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน การอ่านมากทำให้รู้มาก มีความรอบรู้ ซึ่งการที่จะเป็นคนเก่งมีความรู้มากมายไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับไอคิว แต่จะอยู่ที่ความขยันหมั่นเพียร อ่านมากยิ่งรู้มาก อันปัญญาเปรียบเหมือนอาวุธ หมั่นลับคม ให้สม่ำเสมอ นับวันก็จะยิ่งเฉียบแหลม |