น.ส. ทักษอร อภัยกาวี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัด แพร่

เรื่อง หาฝันท้ากล้า

เสียงกริ่งโรงเรียนดังขึ้นให้สัญญาณว่าหมดเวลาเรียนการสอนในวันนี้ ในขณะที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้งหมดกำลังนั่งอยู่ในหอประชุม เรื่องกฎระเบียบของโรงเรียน ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับเพื่อนหญิงของข้าพเจ้าสองคน เพื่อจะไปห้องสมุด เมื่อถึงห้องสมุดข้าพเจ้าตรงเข้าไปค้นบัตรหัวเรื่องในหมวดของหนังสือนวนิยายไทย ข้าพเจ้ายืนดูหนังสืออยู่นานจนเพื่อนๆ ของข้าพเจ้าได้หนังสือที่ต้องการ และนำมานั่งอ่านข้างๆ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้หยิบหนังสือเล่มหนึ่งแล้วเช่นกัน หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า กล้าก้าว

กล้าก้าว เป็นบทประพันธ์ของปรัชญากร ข้าพเจ้าไม่ได้คิดอะไรมากมายหยิบหนังสือขึ้นมานั่งข้าง ๆ เพื่อนของข้าพเจ้า หน้าปกหนังสือมีข้อความที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับตั้งแต่แรกเห็น คือ คำว่า “หากเรารู้จักเริ่มต้นที่จะทำสิ่งที่มุ่งหวังตั้งแต่วันนี้ เธอเชื่อหรือไม่ว่า มีอะไรมากมาย ที่พร้อมจะตามมาในวันต่อไป” นี่เป็นข้อความบนหน้าปกหนังสือที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเปิดอ่านด้านในของหนังสือ ข้าพเจ้าเปิดหนังสืออย่างรวดเร็วในช่วงระยะสองสามแผ่นแรก แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อทราบว่าหนังสือเล่มนี้พิมพ์เป็นครั้งที่ 5 แล้ว แสดงว่าหนังสือเล่มนี้ต้องได้รับความนิยมมาก ผู้แต่งมีประสบการณ์ในการทำงานนี้ถึง 6 ปี เขียนหนังสือมาหลายเล่ม ทำให้ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ ในหนังสือมีภาพประกอบทำให้ไม่รู้สึกเบื่อในการอ่าน ข้าพเจ้ามีความรู้สึกที่ดีต่อหนังสือเล่มนี้เมื่อเริ่มเปิดอ่านตั้งแต่แรก ความรู้สึกเหมือนแต่ละหน้าแต่ละบรรทัดล้วนสะท้อนถึงความเป็นจริงของคนในปัจจุบัน มุมมอง ในความคิดความอ่านของคน คนเรามีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิด สภาพแวดล้อมรอบตัวของเราเอง แต่สิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเองเหมือนกันก็คือ ความกล้า ซึ่งบางคนยังไม่เคยนำออกมาใช้แม้เพียงสักครั้ง แต่ละหน้าของหนังสือเมื่อเปิดอ่านทำให้ข้าพเจ้าได้ทราบถึงความอบอุ่นของผู้เขียนที่ต้องการสื่อออกมาให้ผู้ที่หยิบหนังสือเล่มนี้ทราบว่า เมื่อคนเราเลือกหนังสือเป็นเพื่อน เพื่อนคนนี้จะให้ทั้งความรู้และประสบการณ์ เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้มาพอประมาณก็ได้ทราบเป้าหมายของผู้เขียนคร่าวๆ ว่าผู้เขียนต้องการสื่อความหมายออกมาในหลายแง่มุม คนในปัจจุบันไม่กล้าเผชิญต่อโลกภายนอกต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่แม้แต่จะพยายามลุกขึ้นสู้ เพราะมัวแต่คอยหวาดระแวงสายตาคนรอบข้าง คนหลายคนมีความคิดไม่เหมือนกัน ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความคิดของตนและของคนในสังคม หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ทำให้เวลาว่างของข้าพเจ้าลดลงแม้แต่น้อยเพียงแต่กลับช่วยเติมเต็มเวลาว่างของข้าพเจ้าให้ได้รับความรู้บางส่วนที่ข้าพเจ้ายังไม่เคยรู้มาก่อนหรือเผลอลืมไป จะแปลกอะไรเมื่อข้าพเจ้าต้องการหนังสือเป็นเพื่อน และคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพื่อนอีกเล่มหนึ่งของข้าพเจ้า ในตอนนี้ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือนอกเวลามาก ทั้งเรื่องเศร้าและเรื่องสนุกขำขัน มันให้ทั้งประโยชน์และความสุขกับข้าพเจ้า หนังสือทำให้ข้าพเจ้ามีจินตนาการในเรื่องต่างๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้บางครั้งข้าพเจ้าคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องไปท่องเที่ยวที่ไกลๆ หนังสือเล่มเดียวก็สามารถพาเราไปเที่ยวได้ไกลแสนไกล ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ใกล้จะจบแล้ว สายตากวาดไปเจอคำถามหนึ่งคำถาม “เธอเหนื่อยไหม” ข้าพเจ้าตอบกับตัวเองว่าเหนื่อยสิ ในการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนตั้งใจแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือทำสิ่งนั้นแล้วไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ ข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าข้าพเจ้าคิดผิดไป เพราะนั่นคือบทพิสูจน์ในตัวของข้าพเจ้า หรือคนทุกคนที่ประสบปัญหาให้เข้มแข็งขึ้นกว่าที่ข้าพเจ้าเป็นทุกวันนี้ ข้าพเจ้าใช้เวลาในการอ่านหนังสือเล่มนี้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น มันเร็วมากจนข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่าอ่านถึงหน้าสุดท้ายของเล่มแล้ว

สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้และจดจำได้ ก็คือ เราท่านที่เป็นผู้ลิขิตชีวิตตัวเอง ทุกวันนี้เราจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ให้คำแนะนำเราตลอดเวลา หรือคนรอบข้างที่มักให้ความช่วยเหลือเรานั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถฟังได้ และนำไปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันโดยเราเป็นผู้ที่จะต้องตัดสินใจในการทำสิ่งนั้นเอง ผู้เขียนได้ถ่ายทอดลงไปในหนังสือว่าคนเราอายุสั้นลงทุกวัน ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่าทุกวินาทีของข้าพเจ้ามีความหมาย ข้าพเจ้าควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป ข้าพเจ้าจึงควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป คนเราต้องมีก้าวที่กล้า เพื่อชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า และใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะเราไม่ทราบว่าเวลาของเราเหลือมากหรือน้อยเพียงใด ทุกคนคงอยากจะใช้เวลาของตนให้ได้มากที่สุด ข้าพเจ้าคิดว่ายังไม่สายเกินไปที่ทุกคนจะกลับเข้าไปหาความกล้าของตนเอง ส่วนตัวของข้าพเจ้าจะเดินไปพิสูจน์ความกล้า และความฝันพร้อมกับทุกคนโดยมีหนังสือกล้าก้าว เป็นเพื่อนในการเดินทาง หนังสือที่ข้าพเจ้าจะแนะนำเพื่อนๆ ต่อไปให้ลองสัมผัสอ่านดูอีกสักเล่มในยามว่า ก็คือ ดอกหญ้า หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคือ ศิริพงษ์ จันทร์หอม เป็นหนังสือที่มีสีสันสวยงามอีกเล่มหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องหยิบออกมาอ่านหลังจากที่อ่านเล่มแรกจบไปแล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมง ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ต้องการสื่อความหมายเรื่องของความรัก ชักจูงให้ผู้อ่านเปิดหนังสือออกอ่านด้วยมีข้อความว่า “เรามิอาจแยกชีวิตออกจากความรัก และมิอาจแยกความรักออกจากชีวิต” ข้าพเจ้านั่งดูแล้วก็คิดว่า เป็นความจริง คนเรามิอาจแยกความรักออกจากใจเราได้ อย่างน้อยคนเราก็ต้องมีความรักให้ตัวเอง และเจ้าความรักตัวเองนี่แหละค่ะเป็นเหตุให้โลกวุ่นวายและฆ่ากันทุกวัน ข้าพเจ้าใช้เวลาอ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบเร่ง เพราะในหนังสือมีทั้งภาพและจินตนาการของข้าพเจ้าผสมกันอยู่ด้วย เนื้อความในหนังสือเล่มนี้เขียนถึงความรักในหลายแง่มุม ทั้งความรักที่มีต่อบ้าน ต่อคนที่เรารัก ต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา คนเราในปัจจุบันมีแต่ความโลภเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ คนที่มีอำนาจล้นฟ้า มักมองผู้ที่ด้วยกว่าเป็นเสมือนลูกไก่ในกำมือเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นสมควรที่จะให้ทุกคนได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านในเวลาว่าง ข้าพเจ้ารับรองว่าหนังสือที่ข้าพเจ้าได้แนะนำนั้นคงไม่ไปทำลายเวลาว่างของท่านที่คิดจะลองมาสัมผัสความรักอันแท้จริงเหมือนกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ดีว่าคนเราเมื่อคิดจะทำอะไรแล้วต้องคิดก่อนทำ เหมือนในหนังสือที่ผู้เขียนต้องการเขียนให้กำลังใจตัวละครในเรื่องให้สู้ต่อไปกับชีวิตที่แสนจะเศร้าและโหดร้ายนักสำหรับเขา

ข้าพเจ้านั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ที่โต๊ะตัวโตมีโคมไฟเล็กๆ ส่องแสงสว่างให้ข้าพเจ้าในยามค่ำคืนพร้อมกับความเงียบสงบ ว่าตัวละครในเรื่องมีแต่ความโศกเศร้า คิดถึง รำพึงรำพัน คิดถึงคนรัก บ้านที่ตนเองจากมานานแสนนาน การสูญเสีย การถูกคนบังคับชีวิต การดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตที่ดูเหมือนจะไร้ค่าของตัวละคร ข้าพเจ้ายิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกและเศร้าไปในอารมณ์เดียวกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านทุกคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ซาบซึ้งไปกับตัวละครในเรื่องผู้เขียนจึงเลือกใช้วิธีการดำเนินเรื่องอย่างช้าๆ ไปกับตัวละคร เพื่อจะได้ทราบว่าตัวละครมีความทุกข์ทรมานมากน้อยเพียงใด เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นตอนๆ เพื่อจะได้ให้ผู้อ่านหลายๆ คน ที่มีใจรักในการอ่านได้อ่านอย่างสะดวกสบาย แต่เนื้อหาเต็มไปด้วยคุณภาพที่มิอาจกล่าวได้หมดภายในวันเดียว หนังสือที่มีคุณภาพนั้นคนอ่านสามารถรู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจ ก็เหมือนกับข้าพเจ้าที่มิอาจอธิบายออกมาได้เป็นประโยคยาวๆ ให้ผู้ที่ไม่ได้สัมผัสกับหนังสือได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีอย่างไร มีความหมายอย่างไร ทำให้ข้าพเจ้าสนุกเพลิดเพลินกับความคิดของผู้เขียนหนังสืออย่างไร หนังสือ ดอกหญ้า จึงเป็นหนังสืออีกเล่มที่ข้าพเจ้าอยากให้เพื่อนๆ ได้ทดลองอ่าน ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ย่อมมีความรักกันทั้งนั้น เพราะความรักเป็นส่วนช่วยให้ชีวิตของคนเรายั่งยืน ข้าพเจ้าจึงขอฝากหนังสือทั้งสองเล่มไว้ในความรู้สึกนึกคิดของทุกคนให้ได้ลองสัมผัสกับหนังสือที่ข้าพเจ้าได้แนะนำ หวังว่าทุกคนคงอยากจะสัมผัสกับความกล้า และความรักของหนังสือแต่ละเล่มที่ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดให้ทุกคนได้รู้

นางสาวทักษอร อภัยกาวี
เกิดวันที่ 20 มีนาคม 2532
อายุ 15 ปี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่
โทร. 0-5464-5465
อาจารย์ผู้รับทราบ นางฟองจันทร์ หม้อกรอง