![]() |
น.ส. ธัญสิรี หวังชูชอบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี |
เรื่อง หนังสือโปรดเลือกฉันหนังสือบนโลกนี้มีอยู่จำนวนมากมายจนไม่อาจจะนับได้ จะมีสักกี่เล่มเชียวที่มนุษย์อย่างเราๆ จะมีโอกาสได้อ่านหรือสามารถที่จะอ่านได้ จะมีหนังสือเล่มไหนบ้างที่เราได้ซาบซึ้งถึงใจความ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียนที่ส่งผ่านมาทางตัวอักษร ฉันเชื่อว่าทั้งชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนสิ้นลมหายใจ คงได้อ่านหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม ถ้าเทียบกับจำนวนหนังสือที่มีอยู่ทั้งหมด ดังนั้นฉันจึงเป็นคนหนึ่งที่เมื่อเห็นหนังสือที่ใดแล้ว ก็ไม่ลังเลใจที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน แม้หนังสือเล่มนั้นจะอยู่ในสภาพที่คนส่วนมากไม่อ่านก็ตาม แต่ฉันกลับมีความคิดที่แตกต่างออกไปว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าสนใจ เพราะหนังสือเล่มนี้อาจจะให้ประโยชน์กับฉันมากกว่าที่คาดไว้ก็ได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ฉันเป็นคนที่อ่านหนังสือทุกประเภท เพราะถ้าเรามีโอกาสได้อ่านแล้วคงน่าเสียดายไม่น้อยที่จะเดินผ่านไป ฉันขอยืนยันว่าหนังสือทุกเล่มมีคุณค่าอยู่ภายในตัวของมันเอง บางเล่มเป็นเหมือนกระจกที่คอยสะท้อนเงาของตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าควรทำอะไรและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ถึงจะเป็นหนังสือขายหัวเราะมันก็ยังช่วยให้คนเกิดเสียงหัวเราะได้โดยไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน และหนังสือที่ดูไร้สาระบางครั้งมันก็ทำให้คนอ่านได้พบแง่คิดหรือได้พบมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม การหาสถานที่อ่านหนังสือบางคนได้กำหนดไว้ว่าต้องอ่านหนังสือบนโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้นจึงจะอ่านรู้เรื่อง แต่ฉันกลับคิดว่าโต๊ะเขียนหนังสือเหมาะกับการที่จะอ่านหนังสือเรียนเท่านั้น ส่วนหนังสือเล่มอื่นควรนั่งอ่านในสถานที่ที่มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับบรรยากาศที่ปรากฏในเล่มหนังสือ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับเราได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ มันทำให้เราอ่านหนังสือได้สนุกกว่าคนที่อ่านหนังสือเรื่องเดียวกันกับเราหลายเท่า และทำให้เรามีความรักในการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น หนังสือที่ฉันจะแนะนำมีอยู่สองเล่ม เล่มแรกซึ่งเป็นหนังสือที่ติดอันดับขายดี พิมพ์มาหลายต่อหลายครั้งจึงทำให้ฉันอดใจไม่ไหวต้องหยิบขึ้นมาอ่าน โดยคิดไว้ในใจว่าหนังสือเล่มนี้คงจะต้องมีอะไรดีสักอย่าง จึงทำให้มีผู้คนสนใจที่จะอ่านจำนวนมาก หนังสือเล่มนี้ชื่อ LIFE ON THE ROCK พิมพ์ครั้งที่ 13 ของสำนักพิมพ์ใยไหม ผู้เขียนใช้นามปากกาว่า ว. แหวน เป็นหนังสือขนาดกะทัดรัดสามารถพกติดตัวได้ ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกที่บ้าน เรื่องแรกของหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ตื่นสาย โรคร้ายแฝงกายไปจนโต ซึ่งอีกหลายคนรวมทั้งตัวฉันเองคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องนำมาเขียน แต่เมื่อฉันได้อ่านจนจบแล้วฉันกลับรู้สึกแปลกใจว่าทำไมผู้เขียนและฉันจึงมีความคิดเหมือนกัน คือ ก่อนที่คนเราจะเข้านอน ได้คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้าให้ได้และคิดว่าแค่การตื่นเช้าไม่เห็นจะยากอะไร แต่เมื่อเอาเข้าจริงในตอนเช้าความตั้งใจของเมื่อคืนก็ได้สูญหายไป และในที่สุดฉันก็ตื่นเช้าไม่ได้อยู่ดี ฉันจึงมีความตั้งใจทำตามวิธีที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้ และฉันก็ทำได้สำเร็จเป็นความภาคภูมิใจมากกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมีความตั้งใจในการทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะลำบากมากแค่ไหน สาเหตุที่ฉันชอบหนังสือเล่มนี้มากก็คือ ผู้เขียนสามารถเขียนให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้กำลังอ่านหนังสือ แต่เป็นการเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนที่สนุกและเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองด้วย และยังให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งพูดคุยกับผู้เขียนอีกด้วย ภาษาที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้ไม่ยากและมีคำคมที่ทำให้เราได้เก็บมาคิด มาวิเคราะห์ ว่าเป็นจริงอย่างที่กล่าวไว้หรือไม่ มันทำให้ฉันสนุกสนานกับการคิดเรื่องต่างๆ และที่สำคัญฉันกลับไม่เคยลืมเรื่องราวเหล่านั้นเลย นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการมองโลกในแบบที่แตกต่างออกไปซึ่งทำให้คนเรามีกำลังใจมากขึ้น เช่นเรื่อง สวยสู้เขาไม่ได้ คือของขวัญจากสวรรค์ แค่เพียงหัวข้อเรื่องมันก็ทำให้ฉันสนใจอยากที่จะเข้าไปอ่านต่อว่ามันเป็นเพราะอะไร และฉันก็ได้พบกับคำตอบที่ฉันนึกไม่ถึงนั่นก็คือ การที่เราเกิดมาไม่สวยนั้น มันเป็นสิ่งที่ดีมาก เหมือนกับเราได้ตั้งกำแพงป้องกันคนที่ชอบเราเพียงแค่หน้าตาเท่านั้นออกไป ผู้ที่มีความจริงใจต่อเราเท่านั้นที่สามารถผ่านกำแพงเข้ามาหาเราได้ เราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหลอก และถ้าเรามีความดีงามอยู่ในตัวแล้วละก็ คนที่เหมาะสมกับเราก็คงรออยู่ข้างหลังกำแพงและเราก็สามารถมั่นใจได้ว่าคนคนนั้นจะมอบรักแท้ที่เกิดจากความผูกพันให้กับเรา ฉันคิดว่าถ้าทุกคนได้อ่านและคิดได้แบบนี้คงไม่มีใครยอมทรมานตนเองเพื่อแลกกับความสวยงามที่มองเห็นแต่เพียงภายนอกเท่านั้น เป็นเรื่องที่สามารถให้แง่คิดกับคนที่มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนขี้เหร่และมีปมด้อย ไม่กล้าที่จะเข้าร่วมในสังคม ได้มีความคิดใหม่ๆ มีกำลังใจในการอยู่ในสังคมต่อไปอย่างมีความสุข ต่อไปเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นถึงลักษณะนิสัยซึ่งมีคนอีกหลายคนรวมทั้งตัวฉันเองกระทำอยู่ แม้จะรู้ว่ามันไม่ดีก็ตาม นั่นก็คือการพูดคำว่าเดี๋ยวก่อน คำนี้ถ้าให้แปลเป็นความหมายของตัวเราเองคงจะแปลได้ว่า ฉันไม่อยากทำ และในที่สุดเราก็ไม่ได้ทำหรือถ้าคิดจะทำก็คงสายเกินไปแล้ว ก่อนที่ฉันจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันคิดว่าไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่หนังสือเล่มนี้ได้ทำให้ฉันเปลี่ยนแนวความคิดเสียใหม่ และทุกๆ ครั้งที่ฉันกำลังจะทำแบบเดิมอีกก็จะมีเสียงเตือนจากข้างในกับฉันว่า ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงข้างหน้า จะเสียใจมั้ยถ้าไม่ได้ทำมัน จากคำนี้ทำให้ฉันรีบทำทุกอย่างให้เสร็จโดยไม่ต้องรีรออะไรเลย ฉันรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะมันสามารถทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของตัวเองได้โดยไม่ให้อาศัยใครมาบังคับ ในช่วงชีวิตเด็กของคนเราบ่อยครั้งที่เราสะดุดหกล้มเอง แต่กลับไม่มีผู้ใหญ่คนไหนบอกเราว่าเพราะเธอนั่นแหละที่เดินไม่ดูเอง แต่มีคนบอกว่าเป็นเพราะเจ้าขาเก้าอี้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฉันหกล้มแบบเดิมอีกนับครั้งไม่ถ้วน เหตุผลมาจากเพราะมันไม่ใช่ความผิดพลาดของเรานี่ แต่เธอเชื่อไหมว่าเราจะไม่มีวันกลับไปหกล้มแบบเดิมอีก ถ้าเราคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากความผิดพลาดของเราเอง นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ชี้ให้ฉันได้เห็นว่าความเจ็บปวดใดก็ตามที่เกิดจากตัวเราเองเป็นคนก่อ มันจะส่งผลทำให้เราระมัดระวังมากขึ้นและสามารถมองเห็นจุดบกพร่องของตนเอง ดังนั้นทุกครั้งที่ฉันทำอะไรผิดพลาดฉันจะหันมามองดูตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกและรีบปรับปรุงตัว ด้วยเหตุนี้จึงมักจะมีคนอยากทำงานร่วมกับฉันอยู่บ่อยๆ นอกจากหนังสือเล่มนี้จะให้ความคิดในมุมมองต่างๆ แล้วก็ยังให้วิธีคิดที่ถูกต้องอีกด้วย โดยผู้เขียนได้กล่าวไว้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งไปหมดทุกอย่าง ต้องรู้ไปหมดทุกเรื่อง ขอเพียงเราเก่งและรู้จริงเกี่ยวกับเรื่องเพียงเรื่องเดียวก็พอ แต่ก่อนนั้นฉันเป็นคนที่คิดว่า คนที่เก่งและรู้ไปหมดทุกเรื่องแต่รู้เพียงแค่ผิวเผินนั้นย่อมไม่สามารถนำความรู้ที่มีออกมาใช้ประโยชน์ได้ จึงยากที่จะประสบความสำเร็จ ผิดกับคนที่รู้เพียงเรื่องเดียวแต่เป็นความรู้ที่ลึกซึ้ง ไม่มีใครรู้ได้เท่ากับเขาคนนั้น นี่สิถึงจะประสบความสำเร็จ ฉันจึงพยายามอย่างมากที่จะค้นหาตัวเองเพื่อหาสิ่งที่ตนเองชอบ และถ้าฉันรู้แล้วฉันก็จะทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่ว่าคงไม่มีใครจะทำเหมือนกับฉันได้อีกแล้ว และเรื่องที่ฉันรู้สึกประทับใจกับหนังสือเล่มนี้มากที่สุดก็คือเรื่องที่มีหัวข้อว่า ความคาดหวังจะก่อความผิดหวัง ความตั้งใจจะก่อปาฏิหาริย์ เพราะมันทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ฉันสามารถประสบความสำเร็จกับเรื่องต่างๆ ได้ เพราะฉันได้ลองทำในสิ่งต่างๆ โดยที่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลย ฉันเพียงแต่ตั้งใจและใช้ความมุ่งมั่นเป็นพลังแอบไว้ในใจลึกๆ และเมื่อไรก็ตามที่ฉันตั้งใจจนเพลินแล้วปาฏิหาริย์มันก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ ฉันได้ลองใช้วิธีนี้กับเรื่องต่างๆ และแทบทุกครั้งฉันก็ประสบความสำเร็จกับมัน ถ้าฉันไม่ได้อ่านหนังสือเรื่อง LIFE ON THE ROCK นี้ฉันคงจะไม่ได้พัฒนาตนเองได้ถึงขนาดนี้ ฉันคงจะจมอยู่กับความคิดเดิมๆ มองโลกเห็นได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น แต่ก็ใช่ทุกคนหรอกน่ะที่คิดว่าหนังสือเล่มนี้มีคุณค่าและประโยชน์มาก คนที่อ่านแล้วนำมาคิด นำมาใช้กับชีวิตเท่านั้นจึงจะได้รับประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าไม่ได้ทำ หนังสือเล่มนี้ก็คงไม่ได้ต่างไปจากหนังสือจิตวิทยาที่วางขายทั่วไปที่สามารถอ่านได้แต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้เลย หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ฉันได้อ่านและรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่น่าประทับใจที่สุด ก็คือหนังสือที่มีชื่อว่าลินลาน่ารัก ผู้เขียนใช้นามปากกาว่า ว. วินิจฉัยกุล หน้าปกของหนังสือเล่มนี้เป็นรูปเด็กผู้หญิงกำลังยิ้มอย่างมีชีวิตชีวา เด็กผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่า ลินลา เธอเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป. 6 พ่อและแม่ของเธอได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เธออาศัยอยู่กับคุณครูใหญ่ที่โรงเรียนเก่า แต่ตอนนี้เธอได้ย้ายมาอาศัยอยู่กับน้าของเธอที่ชื่อ สุมาลิน สุมาลินเป็นคนเจ้าระเบียบมาก และแทบจะไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของเธอเลย ลินลาเป็นเด็กที่สามารถรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ได้ดีมาก เพราะพ่อของเธอได้สั่งสอนเธอเอาไว้ เธอมักจะเล่นเกมดีใจกับทุกปัญหาที่ได้เจอ เพราะเกมดีใจนี้มันช่วยให้เธอมีกำลังต่อไปได้ เกมดีใจที่ว่านี้มีวิธีการเล่นก็คือพยายามหาสิ่งดีๆ มาสร้างพลังใจ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากๆ ก็ตาม เกมนี้เป็นเกมที่ลินลาเล่นได้เก่งมากทีเดียว เมื่อพ่อของเธอตายไปเธอระลึกอยู่เสมอว่า ถึงคุณพ่อจะไปสวรรค์แล้ว เธอก็ควรจะดีใจเพราะเวลาที่คุณพ่อของเธออยู่บนสวรรค์ ท่านจะได้ไม่เจ็บป่วย ไม่ลำบาก จากคำพูดนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีความคิดความอ่านมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก นอกจากลินลาจะเป็นเด็กที่มีความคิดดีแล้ว เธอยังสามารถทำให้คนรอบข้างของเธอรู้สึกมีความสุขและมีวิธีคิดเช่นเดียวกับเธอได้ คนคนนั้นก็คือ สุมาลิน น้าสาวผู้ปราศจากรอยยิ้มของเธอนั่นเอง แต่ก่อนสุมาลินเคยเป็นคนร่าเริงแจ่มใส แต่หลังจากที่เธออกหักจากชายคนหนึ่ง เธอก็เปลี่ยนไป สุมาลินได้เก็บตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ไม่คบค้าสมาคมกับใคร และไม่ทำงาน เธอกลายเป็นคนที่หน้าตาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา สุมาลินตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเวลา 10 กว่าปี จนถึงวันที่เธอได้พบกับลินลา ลินลาได้สอนอะไรต่างๆ มากมายให้กับเธอ และในที่สุดสุมลินก็กลับมาเป็นคนเดิม นอกจากนี้ลินลายังได้ทำให้ป้าเกสรซึ่งเคยเป็นช่างเสริมสวยเปลี่ยนความคิดที่ว่า หล่อนคงแก่เกินไปที่จะทำงานและเพราะเหตุนี้จึงทำให้หล่อนล้มป่วยลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ วันหนึ่งลินลาได้มีโอกาสไปพูดคุยกับป้าเกสร ลินลาได้ทำให้ป้าเกสรรู้ว่าคนเราจะมีความสุขที่สุด เมื่อได้ทำงานที่ตนรัก ในที่สุดป้าเกสรก็หายป่วยได้กลับมาทำงานที่ตนเองรักเหมือนเดิม และได้ปรับปรุงร้านเสริมสวยของตัวเองใหม่ มีครั้งหนึ่งที่เพื่อนของลินลาประสบกับปัญหา เด็กคนนั้นไม่มีเงินพอที่จะเรียนต่อ แม้ว่าอยากเรียนก็ตาม ลินลากับเพื่อนๆ จึงได้ทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยเหลือเพื่อนคนนั้น และด้วยความพยายามของลินลานี่เองที่ทำให้เพื่อนคนนั้นได้กลับมาเรียนต่อ โดยการใช้ทุนที่ขอมาได้ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความโอบอ้อมอารี แต่ในที่สุดลินลาก็ได้ประสบกับอุบัติเหตุ เนื่องจากไปช่วยเพื่อนจนทำให้ลินลากระดูกหัก เธอจึงพลาดการสอบแข่งขันที่เธอตั้งใจมาก และที่เลวร้ายที่สุดก็คืออุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ร่างกายท่อนล่างของลินลาเป็นอัมพาต เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเสียใจและสงสารลินลามาก แต่ลินลากลับทำตัวสดใสเหมือนเดิม แม้ว่าจะเจ็บปวดแสนสาหัสก็ตาม แสดงให้เห็นว่าลินลาเป็นคนที่มีความอดทนและมีจิตใจที่เข้มแข็ง หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันได้คิดว่าคนเราจะต้องรู้จักมีความอดทน แม้จะประสบกับเรื่องที่ร้ายแรงก็ตาม เราควรยินดียิ้มรับกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต เพราะความโศกเศร้าช่วยอะไรเราไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงได้ตั้งใจเล่นเกมดีใจแม้มันจะทำได้ยากก็ตาม หนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทำให้ฉันได้คิด และมีแนวทางในการดำรงชีวิต ฉันคิดว่าหนังสือทุกเล่มมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว และคนที่สามารถเห็นคุณค่านั้นได้ต้องเป็นคนที่ถูกคัดเลือกมา ฉันจึงดีใจและภูมิใจมากที่หนังสือสองเล่มนี้ได้เลือกฉันให้ได้เป็นคนที่อ่านและสัมผัสกับเรื่องราวที่น่าประทับใจเหล่านี้ มีหนังสืออีกหลายเล่มที่ฉันมีโอกาสได้อ่าน แต่ก็มีหนังสืออีกหลายเล่มเช่นกันที่ฉันไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเลย ดังนั้นฉันจึงอยากให้ทุกคนที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือนั้นควรรีบอ่านและเข้าไปสัมผัส ก่อนที่หนังสือเหล่านั้นจะให้โอกาสคนอื่นแทนเรา | |
น.ส. ธัญสิรี หวังชูชอบj โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ที่อยู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี 34000 |