![]() |
นายประกาศิต วรรณภาสชัยยงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา |
เรื่อง วิจารณ์นวนิยายบ้านขนนก (กฤษณา อโศกสิน) บ้านขนนก เป็นนวนิยายของคุณกฤษณา อโศกสิน ซึ่งท่านผู้เขียนเขียนขึ้นจากเรื่องจริง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านชีวประวัติในหนังสือแจกในงานศพของคุณเกล็ดแก้ว กิติบุตร นวนิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัลชมเชยจากสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำปี 2523 แม้ว่าเนื้อเรื่องไม่สลับซับซ้อนแสดงภาพชีวิตเฉพาะวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ปมของเรื่องคือความรักใคร่ระหว่างหนุ่มสาวแต่เพียงปมเดียว แต่ก็มีความดีเด่นหลายประการ ได้แก่ ใช้ถ้อยคำราบรื่น สมจริง ทำให้เห็นภาพชีวิตของตัวละครต่างๆ ตัวละครบางตัวแสดงคติธรรมในการดำเนินชีวิตได้อย่างคมคาย เนื้อเรื่องย่อ คือ เหมือนแพรตัวเอกของเรื่อง เป็นเจ้าของบาร์ พ่อและแม่ของเหมือนแพรเลิกรากันตั้งแต่เธอยังเด็ก เหมือนแพรอาศัยอยู่กับแม่ ส่วนพ่อมีภรรยาใหม่ มีลูกด้วยกันสี่คน พ่อและแม่ตามใจเหมือนแพรทุกอย่าง ในด้านทรัพย์สิน เหมือนแพรอยู่และเติบโตในโรงเรียนประจำตลอดจนเข้าวิทยาลัยธุรกิจ เมื่อจบพ่อของเธอก็ยกบาร์ ให้เธอเป็นผู้จัดการ พร้อมรถหนึ่งคัน ครั้งหนึ่งเหมือนแพรได้รู้จักกับนายร้อยหนุ่มชื่อ พัดโบก พัดโบกเป็นผู้ชายรักอิสระเสรี ไม่จริงจังกับชีวิต เป็นที่ต้องตาต้องใจของหญิงมากมาย เหมือนแพรหลงรักพัดโบกหมดหัวใจ เอาใจทุกอย่าง พัดโบกถึงจะชอบเหมือนแพร แต่ก็ไม่ได้จริงจัง พัดโบกจึงไม่ได้แสดงท่าทีว่ารักเหมือนแพร เหมือนที่เหมือนแพรแสดง เธอจึงรู้สึกเสียใจและน้อยใจในการกระทำของเขา สำหรับพัดโบกเป็นการปลดปล่อยความปรารถนาทางเพศ แต่ความรู้สึกของเหมือนแพรกลับเป็นความผูกพันลึกซึ้ง ตลอดชีวิตของเหมือนแพร ไม่เคยมีชีวิตครอบครัวที่แท้จริง เมื่อรู้ความก็ต้องอยู่โรงเรียนประจำ จบมาแล้วก็อยู่บ้านที่เป็นบาร์ ไม่เคยมีบ้านที่มีบรรยากาศความอบอุ่นของพ่อแม่ลูก เหมือนแพรอยากให้พัดโบกแต่งงานกับเธอ มีบ้านที่อบอุ่น เหมือนแพรจึงคิดจัดการสร้างบ้าน เตรียมพิธีแต่งงาน เธอได้นำบาร์ให้ผู้อื่นเช่า ส่วนรถก็เปลี่ยนให้เป็นรถถูกกว่าเดิม เพื่อมีเงินก้อนไปดาวน์บ้าน ตัวเธอเปลี่ยนไปทำงานเป็นลูกจ้างกับเพื่อน ย้ายไปอยู่แฟลต คอยจนกว่าบ้านจะเสร็จเรียบร้อย ทำให้ผู้เป็นพ่อโกรธมาก พัดโบกก็ไม่เห็นด้วย เพราะพัดโบกไม่คิดจะผูกมัดกับใคร ดังนั้นทั้งสองจึงมีเรื่องขัดใจกันบ่อยๆ บ้านใกล้จะเรียบร้อย บัตรเชิญก็พิมพ์เสร็จแล้ว จวนจะถึงวันแต่งงาน พัดโบกเดินทางมากรุงเทพฯ กับผู้หญิงคนอื่น แล้วก็ไปเที่ยวด้วยกัน เหมือนแพรทราบข่าวรู้สึกเสียใจอย่างมาก บวกกับความรู้สึกน้อยใจที่สะสมมานานตลอดชีวิตของเธอ เรื่องพ่อ แม่ และพัดโบก เหมือนแพรจึงลงโทษตัวเองด้วยการกินยาฆ่าแมลง และถึงแก่ความตาย หลังจากที่ข้าพเจ้าได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้จบ ข้าพเจ้าคิดว่าผู้แต่งพยายามที่จะให้ผู้อ่านวิเคราะห์ลักษณะของบุคคลแต่ละคน ซึ่งตัวละครที่ดูจะดึงดูดข้าพเจ้าตั้งแต่เริ่มต้นอ่านก็คือ เหมือนแพรผู้แต่งได้เขียนให้ตัวละครของเหมือนแพรแสดงอารมณ์ของผู้หญิงอ่อนไหว ที่มีพื้นฐานมาจากปัญหาครอบครัวที่แตกร้าวได้อย่างแนบเนียน ราวกับว่าตัวละครในเรื่องนี้มีแค่เหมือนแพรคนเดียว ส่วนตัวละครอื่นเป็นเพียงแค่การเสริมบุคลิกภาพและพฤติกรรมของ เหมือนแพร ให้เด่นชัดขึ้น แต่ส่วนประกอบที่ดูจะโดดเด่นที่สุดในเรื่องนี้ คือ บทสนทนา เรียกได้ว่าทุกคำพูดที่อยู่ในบทสนทนาล้วนแต่เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกตัวละครหลุดออกจากหนังสือและแสดงบทบาทความเป็นมนุษย์ได้อย่างสมจริงมากๆ รวมทั้งยังสามารถบรรยายถึงลักษณะนิสัยของตัวละครผ่านทางคำพูดได้อย่างชัดเจน เหมือนแพรเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้น มีความกังวลสูง เนื่องมาจากการแตกร้าวของครอบครัว ดังนั้นเหมือนแพรจึงใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตรักและครอบครัวที่อบอุ่น ผู้แต่งได้บรรยายคำพูดที่สับสนวกวน ซึ่งแสดงลักษณะนิสัยของเหมือนแพรได้อย่างแนบเนียน ยกตัวอย่าง คือ มันอาจทำให้กลัว หรือระแวง หรือไม่แน่ใจก็ได้ ฉันคิดมากไปแปดร้อยอย่าง ฉันคิดว่าในกระบวนนามธรรมทั้งหลาย ความรักคือสิ่งที่เปราะบางมาก แล้วก็ทนทุกข์ทรมานที่สุด...ก็อยากคิดในแง่ดีเหมือนกัน แต่สิ่งรอบๆ ตัวไม่ช่วยให้เราคิด... บางข้อบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของบุคคลที่ต้องการความรักและการยอมรับ เป็นบุคคลที่มีความรู้สึกว่าตนเป็นผู้ที่ขาดความรักอย่างรุนแรง จึงทำให้อ่อนไหวได้ง่ายต่อสถานการณ์ที่ตนรู้สึกว่าถูกปฏิเสธ พจนา ผู้เป็นแม่รู้ดีว่าความหวั่นไหวง่ายของบุตรสาว และการเป็นผู้มีอิสระในการดำรงชีวิตมากเกินไปนั้น ทำให้เหมือนแพรเปราะบางต่อความอดทน นวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่มีความกะทัดรัด ได้ใจความ ตัวละครน้อย อ่านแล้วยังให้ความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้าพเจ้าอยากแนะนำ สำหรับผู้อ่านที่เพิ่งเริ่มอ่านนวนิยายเป็นครั้งแรก นวนิยายเรื่องนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้อ่านรักการอ่านมากยิ่งขึ้น ตลิ่งสูง ซุงหนัก (นิคม รายยวา) ตลิ่งสูง ซุงหนัก เป็นนวนิยายขนาดสั้นของคุณนิคม รายยวา ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ปี 2531 ซึ่งผู้อ่านบางคนอาจคิดว่า หนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์จะต้องเป็นหนังสือที่อ่านยาก แต่สำหรับข้าพเจ้า หนังสือเรื่องนี้ไม่ได้อ่านยากอย่างที่หลายๆ คนคิด ตรงข้ามเสียอีก ที่หนังสือเล่มนี้ได้เปิดโลกผู้อ่าน รวมถึงข้าพเจ้าให้เข้าใจในแง่มุมที่มนุษย์ธรรมดามองข้ามไป รวมถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า ชีวิต ตลิ่งสูง ซุงหนัก ว่าด้วยเรื่องของคำงาย ตัวเอกของเรื่อง มีความผูกพันกับช้างของตนที่ต้องขายให้กับพ่อเลี้ยง เพื่อนำเงินไปรักษาพ่อที่กำลังป่วย แต่ในใจยังอยากจะได้ช้างกลับมาเป็นของตนตามเดิม จึงสัญญากับพ่อเลี้ยงว่า เขาจะแกะสลักช้างให้เหมือนกับตัวจริง แลกกับช้างของเขา แต่คำงายได้พบเจออุปสรรค และปัญหาที่กระหน่ำ รุมเร้า ทั้งในเรื่องของการงานที่มากจนไม่มีเวลาแกะสลักรูปช้าง และที่ทำให้เขาหมดความหวัง ท้อแท้มากที่สุด คือการสูญเสียลูกชายคนเดียวของเขา ทำให้เขาคิดที่จะเลิกและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็ได้ต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ทำให้เขาแกะสลักช้างได้สำเร็จ และได้ช้างกลับคืนมา เขาและช้างทำงานด้วยกันจนกระทั่ง เขากับช้างได้ช่วยกันลากซุงจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เขาและช้างตาย นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนผู้แสวงหาความหมายและคุณค่าของชีวิต และพบว่าคนเราทุกคนมีการเกิดการตายอย่างละหนึ่งหนเท่ากัน แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างสองสิ่งนั้น คือ ชีวิต คนเราแต่ละคนจะตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนมัวแต่ไปรักษาซากหรือร่างกายภายนอกที่ไม่มีชีวิต แต่ละเลยชีวิตที่อยู่ในซาก ซึ่งคำงาย ตัวเอกของเรื่องได้เลือกที่จะรักษาชีวิตที่อยู่ในซากของเขา เขาจึงสามารถมองเห็นสายโยงใย ระหว่างชีวิตและความผูกพันของเขา คำงายรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของช้าง ลูก และภรรยาของเขา ไม่มีใครแยกออกห่างจากใคร ทุกคนล้วนเกี่ยวเนื่องกันและกันทั้งนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า นวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่แสดงสัญลักษณ์ได้อย่างชัดเจน หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ ข้าพเจ้าขออธิบายชื่อเรื่อง ที่ผู้อ่านหลายคนยังไม่เข้าใจ ตลิ่งสูง หมายถึง อุปสรรคในชีวิต ซุงหนัก หมายถึง ภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับ แค่ชื่อเรื่องที่เป็นสัญลักษณ์ ก็เป็นกุญแจที่ไขถึงเนื้อเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะและลงตัว เนื้อเรื่องเขียนได้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน แต่อาจมีบางตอนที่กล่าวมาจากอดีตด้วย แต่ด้วยภาษาของผู้แต่งที่สละสลวยทำให้อ่านเข้าใจ ใช้คำที่เข้าใจง่าย และที่สำคัญผู้แต่งเจตนาที่จะให้กำลังใจผู้อ่านในการดำรงชีวิต ที่ต้องมีอุปสรรคเข้ามาขัดขวาง แต่เราก็ต้องทำตามเป้าหมายที่ตัวเราเองตั้งไว้ แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม ขณะที่อ่านผู้แต่งได้ดึงให้ผู้อ่านอย่างข้าพเจ้าเข้าไปแสดงเป็นตัวละครที่ชื่อว่า คำงาย ได้รับรู้ถึงทุกข์และปัญหาในเรื่อง ทำให้เข้าใจและเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากผู้แต่งใช้อารมณ์หดหู่บ้าง มีความหวังบ้าง ของมนุษย์ทั่วไปได้อย่างดี และส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ คือ เรื่องของการใช้คำ ที่อ่านแล้ว ลึกซึ้ง ไม่ธรรมดา ดังเช่น ตอนที่คำงายเข้ามาในร้านขายรูปปั้นแล้วพูดขึ้นมาว่า รูปปั้นรูปนี้เหมือนคนจริงๆ แต่มะจันกลับพูดว่า รูปปั้นไม่เหมือนเขาหรอก แต่เขาต่างหากที่เหมือนรูปปั้น เมื่อพบกันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็บอกเธอว่า เธอพูดถูก รูปปั้นนี้ไม่มีทางเหมือนคนได้เลย เพราะมันเป็นซากที่ไม่มีชีวิต แต่คนเหมือนกับรูปปั้น เพราะบางทีคนก็คล้ายซาก ไม่มีใจ สุดท้ายนี้ นี่คือนวนิยายสัญลักษณ์ ที่ทุกสิ่งที่อยู่ในเรื่อง ตั้งแต่ชื่อเรื่องตลอดไปจนจบ ล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์ ที่เมื่ออ่านจบ ผู้อ่านทุกคนจะต้องชื่นชมผลงานเขียนเล่มนี้แน่ๆแต่สำหรับบางคนที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับการอ่านนวนิยายที่สื่อสัญลักษณ์และแง่คิดอย่างนี้ ตลิ่งสูง ซุงหนัก คงจะมีรสชาติที่แปลกลิ้นอยู่บ้าง แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าน้องๆผู้อ่านจะได้สัมผัสกับสิ่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการนำเสนอที่มีสาระพร้อมทั้งเข้าใจความหมายของคำว่า ชีวิต มากกว่าที่เคยรู้แน่นอน | |
นายประกาศิต วรรณภาชชัยยง โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ม. 6 อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา โดยอาจารย์ที่แนะนำข้าพเจ้าคือ อ. ฉลวย ชิตมณี เกิดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2529 อายุ 17 ปี ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า ข้าพเจ้าคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือหรือส่งเสริมให้เด็กในสังคมไทยรักการอ่านมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งส่วนน้อย แต่ข้าพเจ้าก็ยินดีและสมัครใจที่จะทำ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ถ. เพชรเกษม ต. หาดใหญ่ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา (แบบทั่วไป) |