ด.ญ. พรภัสสร จันทพึ่ง

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอำนวยพิทยา กรุงเทพฯ

เรื่อง ความรู้สึกที่แตกต่าง

การอ่านทำให้เราได้รับความรู้ เกิดความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งยังทำให้เราได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินอีกด้วย ทุกวันนี้หนังสือที่ดีๆ หลายเรื่อง และหลายๆ รูปแบบวางขายอยู่บนแผงหนังสือมากมาย การอ่านนั้นเราไม่จำเป็นจะต้องไปหาซื้อหนังสือเรื่องใหม่ๆ หรือหนังสือที่มีราคาแพงๆ มาอ่าน หนังสือที่ราคาไม่แพงหรือหนังสือที่เราพอมีอยู่ที่บ้านเราก็สามารถหยิบมาอ่านยามว่างๆ ก็ทำให้เราได้รับความรู้และความเพลิดเพลินได้

หนังสือที่ฉันจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักนี้ ฉันได้ยืมมาจากห้องสมุดที่โรงเรียน เพื่อนๆ ก็คงเคยเข้าห้องสมุดที่โรงเรียนซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ห้องสมุดมีหนังสือให้เราได้อ่าน ได้ศึกษาหาความรู้มากมาย และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งในโรงเรียนของเรา หนังสือเล่มแรกที่ฉันจะแนะนำให้เพื่อนๆ อ่านนี้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาวิชาภาษาไทยระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชื่อหนังสือคือ ฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก โดย ส. เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนของนักเขียนสตรีซึ่งเป็นจิตแพทย์คนแรกของวงการหนังสือ พอทราบรายละเอียดของนักเขียนเรื่องนี้ฉันก็คิดว่าจะต้องน่าสนใจแน่ๆ ในหนังสือเล่มนี้มีเรื่องสั้นอยู่ทั้งหมดหกเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องเรือรบจำลอง เรื่องแรกนี้เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของความเป็นเพื่อนระหว่างเด็ก โดยเฉพาะเด็กชายสองคนที่แตกต่างกันมากในเรื่องความอบอุ่นของครอบครัวและอุปนิสัย คือ เด็กชายอันดร เป็นเด็กที่พ่อของเขาจะมองว่าเป็นเด็กดื้อ เกเร ขี้เกียจเรียนหนังสือ และเด็กชายชาลี ซึ่งเป็นเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นด้วยความรักและมีฐานะดีกว่าเด็กชายอันดร นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความเข้าใจของครูที่มีต่อลูกศิษย์ทุกๆ คน โดยเฉพาะในเรื่องเรือรบจำลอง ครูบุษบงได้ให้ความรัก ความเมตตาแก่เด็กชายอันดรมากๆ ถ้าเพื่อนๆ อ่านแล้วก็คงจะรู้สึกเหมือนกับฉันแน่ๆ คือรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของครูที่มีต่อลูกศิษย์ทุกคน ฉันประทับใจในตัวครูบุษบงมากๆ ที่สามารถเปลี่ยนนิสัยของลูกศิษย์คนหนึ่งคือเด็กชายอันดร ที่คนอื่นมองว่าเป็นเด็กนิสัยไม่ดี แต่ครูบุษบงสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยของเด็กชายอันดรได้ เพราะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้ง จากวีรกรรมของเด็กชายอันดรที่ครูบุษบงจะต้องใช้ความอดทนในการแก้ปัญหา เรื่องเรือรบจำลอง มีการใช้ภาษาหรือคำพูดที่ง่ายๆ เหมือนคำพูดในชีวิตประจำวันของเรา แต่ฉันคิดว่าความประทับใจและจุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ตรงเนื้อเรื่องที่เมื่ออ่านจบแล้ว ฉันรู้สึกตื้นตันใจในความรัก และความเสียสละของเพื่อน แค่อ่านเป็นเรื่องแรกฉันก็น้ำตาคลอแล้ว จนทำให้รู้สึกอยากจะอ่านเรื่องต่อๆ ไปในหนังสือเล่มนี้

เรื่องที่ 2 ที่ฉันจะขอแนะนำคือเรื่องห่านย่างไฟแดง ฉันว่าชื่อเรื่องดูแปลกๆ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหาร แต่พอเริ่มอ่านก็ชวนให้ติดตามอ่านจนจบ เพราะอยากจะทราบว่าทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องว่าห่านย่างไฟแดง เรื่องนี้ฉันอยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านเองตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ถ้าเพื่อนๆ ได้อ่านจบเรื่องแล้ว บางคนอาจจะเปลี่ยนความคิดอะไรหลายๆ อย่างในตัวเอง ฉันรับรองได้ว่าเรื่องห่านย่างไฟแดงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ที่จะอยู่ในใจของผู้อ่านทุกคน และเรื่องห่านย่างไฟแดงนี้ยังได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 14 วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2503 เพื่อนๆ เห็นปี พ.ศ. แล้วคงจะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับฉันแน่ๆ คือมีความรู้สึกที่เหมือนกับว่าได้เห็นของเก่าหรือของโบราณ แต่เพื่อนๆ อย่าเพิ่งคิดว่าการใช้คำหรือเนื้อเรื่องจะเชยนะ เพราะเรื่องห่านย่างไฟแดงนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเรื่องสั้นที่ดีที่สุดในเมืองไทยในรอบสัปดาห์ เอาเป็นว่าเรื่องที่ 2 ในหนังสือชุดเล่มที่ 2 นี้ฉันไม่แนะนำอะไรมาก แต่อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดูเองนะ ต่อไปคือเรื่องที่ 3 ของหนังสือเล่มนี้ซึ่งพอเห็นชื่อเรื่องแล้วฉันคิดว่าเพื่อนๆ คงรู้สึกแปลกใจเหมือนกับฉันว่าทำไมศัตรูถึงมาเป็นที่รักได้ และทำไมหนังสือเล่มนี้จึงใช้ชื่อเรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นชื่อหนังสือ เรื่องที่ 3 ที่ฉันจะแนะนำเพื่อนๆ ได้รู้จักนี้มีชื่อเรื่องว่า “ฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก” เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ชวนให้รู้สึกสนุกสนาน ตื่นเต้น น่าติดตาม แต่ว่าตอนจบของเรื่องทำให้บรรยายความรู้สึกของผู้อ่านไม่ถูกเลย ฉันคิดว่าใครที่อ่านเรื่องนี้แล้วจะมีหลายความรู้สึกหลายอารมณ์แน่ๆ เนื้อเรื่องของ ฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก นี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกชื่นชมในความเข้มแข็งของตัวเอกของเรื่องที่ชื่อ ปอล ฉันไม่ขอบอกเพื่อนๆ นะว่า “ปอล” คือใคร ฉันอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านเอง เรื่องฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รักนี้ยังให้ความรู้สึกถึงมิตรภาพของเพื่อนที่เป็นสัตว์คนละชนิดกัน แต่ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ นอกจากนี้ยังสอดแทรกให้เห็นถึงความมีจิตใจที่ดี ไม่เฉพาะแต่คนเราเท่านั้นที่มีการให้อภัยกันและกัน ไม่อาฆาตกัน แต่เรื่องนี้ตัวละครของเรื่องซึ่งเป็นสัตว์ก็มีการให้อภัยกัน ไม่อาฆาตกัน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายศัตรูที่เคยทำร้ายแม่ของตนเองจนเสียชีวิตก็ตาม การใช้คำและเรื่องราวในเรื่องสั้นนี้สามารถใช้คำที่ทำให้เราคิด เห็นภาพหลายๆ เหตุการณ์ในเรื่องได้ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายถึงบรรยากาศในช่วงเวลาของเรื่องหรือบรรยากาศของเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างสัตว์สองชนิด ที่เมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่าเหตุการณ์มันน่ากลัวและดุเดือดมาก และเมื่อตัวเอกของเรื่องจะต้องผจญภัยอย่างโดดเดี่ยว ผู้เขียนก็เขียนบรรยายทำให้บางครั้งฉันก็มีความรู้สึกคล้อยตามเหมือนกับว่าตัวฉันคือ “ปอล” “ปอล” เป็นใคร? ฉันอยากให้เพื่อนๆ ลองหยิบหนังสือชุด ฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก มาอ่านเองดีกว่า เพราะถ้าแนะนำโดยการเขียนแบบนี้แล้ว ฉันคิดว่าเรื่อง “ฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก” นี้ต้องให้พูดหรือเล่าด้วยคำพูดจะให้อารมณ์ที่ดีกว่านี้แน่ๆ เพื่อนๆ ลองแวะเข้าห้องสมุดโรงเรียนแล้วลองอ่านดูนะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ฉันขอแนะนำเรื่องสั้นเรื่องที่ 4 ในหนังสือเล่มนี้ คือเรื่อง “นายที่รัก” เรื่องนี้ผู้เขียนทำให้ผู้อ่านงงๆ เพราะเมื่อเราได้อ่านชื่อเรื่องแล้วเราก็จะนึกหรือคาดเดาว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พออ่านเรื่องนี้จบฉันจึงเข้าใจถึงความหมายของ “นายที่รัก” เรื่องนี้ใครได้อ่านแล้ว แรกๆ ก็คงจะคิดเดาไปหลายๆ อย่างว่า “ฉัน” ที่พูดถึงในเรื่องนี้จะต้องเป็นใครสักคน เพื่อนๆ ต้องลองอ่านเอง ฉันคิดว่าความประทับใจในเรื่อง “นายที่รัก” คือทำให้เราได้รู้บุญคุณของผู้มีพระคุณ และการดำเนินเรื่องในเรื่องนี้ก็ชวนให้ผู้อ่านเมื่ออ่านแล้วอยากจะอ่านให้จบเพื่อจะได้ทราบว่า “ฉัน” เป็นใคร และ “นายของฉัน” เป็นใคร ทำไมถึงต้องเป็น “นายที่รัก” เพื่อนๆ ลองอ่านดูนะคะ ถ้าได้อ่านจนจบแล้วฉันรับรองว่าเพื่อนๆ ต้องร้อง “อ้อ” และอดขำไม่ได้กับอารมณ์ของผู้เขียน เพราะบรรทัดสุดท้ายของเรื่องนี้ทำให้เราได้ทราบว่า “ฉัน” เป็นใคร และ “นายที่รัก” เป็นใคร ทำไมฉันจึงรักนายมาก เรื่องที่ 5 ที่ฉันอยากจะแนะนำคือเรื่อง “เสื้อราตรีสีเลือดนก” เรื่องนี้เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้วผู้อ่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องตื่นเต้น น่ากลัว หรือลึกลับ แต่ฉันขอบอกว่าไม่ใช่เลย ตอนแรกฉันก็คิดเช่นนั้น แต่พอได้อ่านจบฉันรู้สึกชอบเรื่องนี้มากๆ มันให้ความประทับใจมากที่สุด โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ ที่ได้อ่านเป็นลูกผู้หญิง แต่ฉันคิดว่าผู้ชายก็อ่านได้เพราะจะได้รู้จักผู้หญิงมากขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอนลูกผู้หญิงได้เป็นอย่างดีในหลายๆ เรื่อง แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ “เสื้อราตรีสีเลือดนก” เป็นสิ่งสอนและช่วยเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยมีนิสัยเอาแต่ใจตนเอง และเกลียดคุณแม่ของเธอ เนื้อเรื่องของ “เสื้อราตรีสีเลือดนก” เป็นเนื้อเรื่องที่ไม่มีความน่าเบื่อเลย อ่านเมื่อไหร่ก็จะทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกคิดถึงแม่มากขึ้น เรื่องนี้ฉันขอแนะนำว่าเรื่องที่น่าอ่านอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายของหนังสือชุดฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก ที่ฉันจะขอแนะนำเพื่อนๆ ก็คือเรื่อง “ลาก่อน..INTERMEZZO (อินเตอร์เมโซ)...เพลงรักของแม่” เรื่องนี้ถ้าเพื่อนๆ ได้อ่านฉันคิดว่าเพื่อนๆ จะต้องชอบมากอีกเรื่องหนึ่ง ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กชายที่น่าสงสารมาก ชีวิตของเขาเคยอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น แต่มาวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก เรื่องนี้อ่านแล้วให้ความรู้สึกคิดถึงพระคุณของพ่อ และทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นเด็กชายที่ชื่อ “นท” ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง แล้วเราจะแก้ปัญหาอย่างไรและเราจะเข้มแข็งได้เหมือนกับ “นท” หรือไม่ เรื่องนี้ฉันคิดว่าน่าจะมีการเอาไปสร้างเป็นละครชีวิตในโทรทัศน์นะ มันน่าสนใจไม่เหมือนกับละครโทรทัศน์บางเรื่องในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่จะเน้นความบันเทิงมากเกินไป เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความอดทน ต่อสู้กับชีวิตของเด็กชายคนหนึ่ง ที่เขาจะต้องเก็บความรู้สึกที่มีแต่ความเศร้า เสียใจ และความคิดถึงต่อผู้มีพระคุณ เพื่อนๆ ลองอ่านดูเองนะ ฉันรับรองว่าจะต้องรู้สึกประทับใจเรื่องสั้นเรื่องนี้มากๆ อีกเรื่องหนึ่ง สรุปแล้วหนังสือชุดฉันอยู่นี่...ศัตรูที่รัก เป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ และดูจะเก่า แต่เนื้อหาไม่ได้เก่า เพื่อนๆ จะหยิบมาอ่านกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อเลย

หนังสือเล่มที่ 2 ที่ฉันจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก และเป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่งนี้ เป็นหนังสือที่หาได้ง่ายมาก และเป็นหนังสือที่เราควรอ่านเป็นอย่างมากเพราะเป็นหนังสือที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยอย่างหนึ่ง ชื่อหนังสือคือ 100 การละเล่นของเด็กไทย เห็นชื่อหนังสือแล้วเพื่อนๆ อย่าคิดว่าไม่น่าอ่านล่ะ เราเป็นคนไทยอย่างน้อยเราก็ต้องรู้จักวัฒนธรรมไทย และควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ที่เรามีเอกลักษณ์ประจำชาติไทยของเราหลายๆ อย่างเช่นการแต่งกาย กิริยามารยาท ศิลปะไทย และในหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ถึง “การละเล่นของเด็กไทย” มีคำกล่าวของนักปราชญ์ทางวัฒนธรรมท่านหนึ่งคือ เสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ท่านได้พูดถึงเรื่องความสำคัญของวัฒนธรรมไว้ว่า “ชาติใดไม่กระตือรือร้น ในการบำรุงและส่งเสริมวัฒนธรรมของตน ให้มีความเจริญงอกงาม และให้แพร่หลายได้ทันท่วงที ชาตินั้นอาจเป็นผู้ถูกชาติอื่นรุกรานทางวัฒนธรรม” หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกเพศและทุกวัย ถ้าเด็กระดับประถมศึกษาอ่านก็จะได้เอาไปใช้ในการเล่นได้ เป็นการเล่นที่แสดงออกถึงความเป็นไทย ฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีทีเดียว และถ้าเพื่อนๆ ระดับมัธยมศึกษาขึ้นไปได้อ่าน ก็เป็นการได้เรียนรู้ ได้เห็นคุณค่าของความเป็นไทย และจะได้ช่วยกันอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมไทยที่ดีงามให้คงอยู่ตลอดไป การละเล่นของเด็กไทยเล่มนี้เรียบเรียงโดย รศ. วิเชียร เกษประทุม ในหนังสือเล่มนี้มีการละเล่นของเด็กไทยทั้งหมด 100 ชนิด หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วให้ความรู้สึกสนุกกับกิจกรรมการเล่นที่มีมากมายหลายรูปแบบ การละเล่นบางชนิดฉันและเพื่อนๆ ก็ต้องเคยเล่นมาแล้ว แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่เราไม่เคยเล่นเลย หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่ไร้สาระที่จะมีแต่การเล่นอย่างเดียว หรือเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าไม่เหมาะกับเด็กระดับมัธยมศึกษา เพราะเด็กมัธยมไม่ควรเล่นแบบนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้เด็กมัธยมมักจะเล่นแต่เกมคอมพิวเตอร์กัน ซึ่งบางคนอาจจะเล่นไปในทางที่ผิด หรือใช้เวลาไม่เป็นประโยชน์ ทำให้เสียการเรียน อีกทั้งในปัจจุบันวัฒนธรรมของต่างประเทศได้เข้ามามีอิทธิพลต่อเยาวชนไทยอย่างมาก เพื่อนๆ คงไม่อยากให้สิ่งดีๆ ของไทยสูญหายไปนะ หนังสือ 100 การละเล่นของเด็กไทยเล่มนี้ ฉันขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านหรือได้ศึกษาไว้เป็นความรู้ บางทีอาจจะได้ใช้แนะนำการเล่นที่ถูกต้อง และมีประโยชน์แก่น้องของเราก็ได้ เพราะเด็กในปัจจุบันส่วนมากจะมีวิธีการเล่นที่รุนแรง บางครั้งจะเลียนแบบเหมือนในโฆษณา หรือในละครแนวแอกชั่นที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด หรือโลดโผน ถ้าเด็กเอามาใช้ในการเล่นบางครั้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ และส่วนมากจะเป็นการเล่นที่ไม่ได้ทำให้เกิดพัฒนาการด้านสมอง เพื่อนๆ และฉันเคยเป็นเด็กมาก่อนและคงจะชอบการเล่นมากๆ เช่นกันเพราะทำให้เรารู้สึกสนุก คณะอนุกรรมการเผยแพร่เอกลักษณ์ไทยได้กล่าวถึงการเล่นของเด็กไว้ว่า “การเล่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เด็กทุกคนรักการเล่นเป็นชีวิตจิตใจและอยากมีโอกาสเล่น ไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่ม บางคนอาจเล่นได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย การเล่นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็ก” ชื่อการละเล่นแต่ละชนิดบางชื่อให้ความรู้สึกตื่นเต้น เช่น ตำรวจจับขโมย, จูงนางเข้าห้อง แต่บางชื่อก็ดูน่ากลัว เช่น แม่นาคพระโขนง หรือผีตอกตะปู ชื่อการละเล่นบางชนิดก็ดูตลก เช่น ปลาหมอตกกระทะ, แม่ม่าย (พ่อม่าย) ใจถึง, เสือตบตูด,ขาไก่ติดกัน, หมาบ้าวง และมีอีกหลายชนิดมากมาย ถ้าได้อ่านแล้วจะรู้สึกสนุกกับวิธีการเล่น ถึงแม้วัยของเราจะไม่เหมาะกับการเล่นแต่เราก็ควรศึกษาไว้เป็นความรู้ได้ หนังสือที่เกี่ยวกับการละเล่นของเด็กไทยก็มีวางขาย และมีรูปเล่มหลายขนาด บางสำนักพิมพ์ก็ทำเป็นเล่มใหญ่มีรูปภาพสีประกอบชวนอ่าน ฉันเองเคยไปหยิบเปิดดู แต่วิธีการเล่นและเนื้อหาในหนังสือก็เหมือนๆ กันกับเล่มอื่นๆ ฉันขอเชิญชวนเพื่อนๆ ให้ลองอ่านดูนะ ไม่ผิดหวังหรอก เพราะหนังสือเล่มนี้อ่านแล้วให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน สนุกสนาน และได้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเล่นของเด็กไทยซึ่งต่างชาติไม่มีการเล่นแบบนี้แน่ๆ

หนังสือทั้งสองเล่มที่ฉันขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านนี้ เป็นหนังสือที่ให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันมากๆ ฉันอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดู เพราะการอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์ เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตของเราเบิกบานมีความสุขและได้ความรู้ด้วย

เด็กหญิงพรภัสสร จันทพึ่ง
เกิดวันที่ 28 มกราคม พ.ศ 2534 อายุ 13 ปี
โรงเรียนอำนวยพิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ถนนประชาสงเคราะห์ 28 เขตดินแดง แขวงดินแดง กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0-2692-1485
ที่อยู่ปัจจุบัน 139/12 ธารวิณเพลส ซอยทวีเชิดชู
ถนนประชาสงเคราะห์ 33 เขตดินแดง แขวงดินแดง กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0-2692-6469 กด1 มือถือ 0-9987-9645
E-mail : fuseee@thaimail.com
อาจารย์ผู้รับทราบ นายไตรรัตน์ สุวรรณปาล