ด.ญ. รจรินทร์ ศรีวงษา

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านวังม่วง อ. เกษตรสมบูรณ์ จ. ชัยภูมิ

เรื่อง ตามรอยพระบาท สมเด็จพระเทพฯ

ทุกวันฉันจะต้องดูโทรทัศน์และข่าวที่ฉันชอบที่ไม่เคยพลาดคืออข่าวในพระราชสำนัก เวลาที่ฉันดูข่าวพระกรณียกิจในการเสด็จเยือนประเทศต่างๆ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาพที่ฉันได้เห็นเป็นประจำก็คือภาพที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงกำลังจดบันทึกข้อความลงในสมุดบันทึกของพระองค์ ฉันเคยสงสัยว่าพระองค์ทรงจดบันทึกอะไรลงไปในสมุดเล่มนั้น

แล้ววันหนึ่งฉันก็เข้าใจ เมื่อฉันได้อ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ ฉันเกิดความประทับใจในหนังสือที่ฉันได้อ่าน เพราะพระองค์ทรงจดบันทึกได้อย่างละเอียด ทำให้ฉันได้รับความรู้มากมาย ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การอ่านบันทึกธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ฉันเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวของฉันเองกำลังไปยืนอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นด้วย ฉันมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างแจ่มชัด ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะพระอัจฉริยภาพในการเป็นนักเขียนของพระองค์ การใช้สำนวนภาษาที่ดี เข้าใจง่าย การเขียนบรรยายโวหารได้อย่างชัดเจน หนังสือทุกเล่มที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชนิพนธ์จึงเป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่าต่อการอ่านและการดำรงชีวิต เป็นหนังสือที่ฉันชอบ และในวันนี้ฉันขอแนะนำหนังสือสองเล่ม เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉันคิดว่าเมื่อทุกคนได้อ่านก็คงเกิดความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากฉัน

หนังสือเล่มแรกที่ฉันจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่าน คือหนังสือเรื่องลุยป่าผ่าฝน ภาพหน้าปกเป็นภาพสมเด็จพระเทพฯ ทรงยืน ในพระหัตถ์ถือสมุดบันทึก และมีกล้องถ่ายรูปคล้องพระศอไว้ ฉันว่าภาพนี้เป็นภาพที่เราทุกคนเคยเห็นเสมอ เวลาที่ดูข่าวในพระราชสำนัก เนื้อเรื่องในหนังสือเป็นการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีรูปภาพประกอบตลอดเล่ม ทำให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย ฉันจึงรู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้ และฉันก็อยากจะชักชวนให้เพื่อนๆ ได้อ่านเหมือนกับฉัน เพราะจะทำให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชาวมาเลเซีย ครั้งแรกที่ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ฉันบอกตัวเองว่า วันนี้แหละที่ฉันจะได้ไปเที่ยวมาเลเซีย

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินออกจากกรุงเทพมหานคร ไปยังประเทศมาเลเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2537 ฉันอ่านหนังสือในหน้าแรก ฉันก็ได้รู้ถึงกฎหมายอันเข้มงวดเรื่องยาเสพติดของมาเลเซีย ที่ประเทศนี้ผู้ที่มียาเสพติดติดตัวเข้าไปจะต้องโทษหนักถึงประหารชีวิต กฎนี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเขาจะประกาศให้ผู้โดยสารทุกคนทราบ ซึ่งนับว่าเป็นการดี ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นแล้วไม่มีผู้ใดอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย ฉันอยากให้ประเทศไทยใช้กฎหมายข้อนี้เหมือนที่ประเทศมาเลเซียบ้าง ปัญหายาเสพติดจะได้หมดไปเสียที

เมื่อเดินทางถึงประเทศมาเลเซียพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้า ฯ สมเด็จพระราชธิบดีและพระราชินี จากนั้นเสด็จไปยังร้านหนังสือของมหาวิทยาลัยมลายา ฉันถามตัวเองว่าคนอื่นๆ ที่นิยมเที่ยวต่างประเทศ จะมีสักคนไหมที่จะไปดูร้านหนังสือ แต่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จไป แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักอ่าน ฉันก็เลยได้รู้ถึงการจัดขายหนังสือในต่างประเทศไปด้วย

วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระเทพฯ เสด็จไปยัง Agriculture Park ซึ่งเป็นสวนป่าเกษตรแห่งเดียวในโลก ฉันว่าน่าสนใจมาก เพราะเจ้าหน้าที่ของประเทศมาเลเซียเขาจะเดินทางไปดูเกี่ยวกับเรื่องต้นไม้ต่างๆ เกือบทั่วโลก รวมทั้งจากดอยตุงของไทยด้วย แล้วนำมาจำลองไว้ในสวนแห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนชาวมาเลเซียได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศของสวนต่างๆ ในโลกนี้ ทั้งสวนในทะเลทราย สวนสี่ฤดู ซึ่งมีการทำหิมะให้ตกลงมาเหมือนในประเทศญี่ปุ่นด้วย ฉันสงสัยว่าในเมืองไทยมีสวนอย่างนี้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีฉันจะได้ไปดูหิมะบ้าง เพราะเด็กจากต่างจังหวัดอย่างฉัน ชาตินี้คงไม่มีโอกาสไปต่างประเทศเป็นแน่ นอกจากสมเด็จพระเทพฯ จะทรงเขียนบรรยายสิ่งที่ได้ทอดพระเนตรแล้วพระองค์ยังทรงแสดงความคิดเห็นด้วยว่า ในสวนแห่งนี้ควรจะเพิ่มอะไรเข้าไปตรงไหน ฉันอ่านแล้วก็เห็นด้วยกับพระองค์ท่านเพราะถ้าปรับปรุงตามที่สมเด็จพระเทพฯ ดำริไว้ สวนแห่งนี้คงจะงดงามและใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่ากว่าที่เป็นอยู่

วันที่ 3 ของการเสด็จฯ เยือนประเทศมาเลเซีย ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเวลาที่ประเทศมาเลเซียนั้นไม่ตรงกับเวลาในบ้านเรา เพราะเขาเปลี่ยนเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เช่น ถ้าในบ้านเรานาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเช้า เวลาก็คือ 6 โมงเช้าจริงๆ แต่ถ้าในมาเลเซีย เวลา 6 โมงเช้านั้น แท้จริงคือตี 5 เท่านั้น ในวันนี้สมเด็จพระเทพฯ เสด็จไปที่บรรษัทพัฒนาอุตสาหกรรมไม้รัฐซาราวัก ดูพิพิธภัณฑ์ไม้ พระองค์ทรงเขียนบรรยายสิ่งที่ได้ทอดพระเนตรอย่างละเอียดซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้อ่าน ใครอยากรู้เรื่องประวัติการทำไม้ กฎหมาย และนโยบายเกี่ยวกับการทำไม้ ในมาเลเซียก็ไม่ต้องไปค้นคว้าที่ไหนอีก แค่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านคุณก็จะได้รับความรู้ทุกอย่าง ฉันว่าถ้าเราเดินทางไปดูด้วยตนเองก็คงไม่ได้ความรู้มากเท่ากับการอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะถ้าเราไปเขาคงไม่พาไปดู คงไม่มีใครอธิบายให้เราฟัง ฉันโชคดีจริงๆ ที่เกิดมาในแผ่นดิน ที่มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเป็นนักอ่าน นักเขียน บันทึกของพระองค์เป็นการเปิดโลกทางปัญญาของฉัน

จากพิพิธภัณฑ์ป่าไม้ พระองค์เสด็จฯ ต่อไปยัง Sarawak Culture Village ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหุบเขาใกล้ทะเล เป็นที่จำลองเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย ใครอยากจะเห็นที่อยู่ของนักรบที่ชอบล่าศีรษะคนก็สามารถมาเยี่ยมชมได้ แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็อ่านในหนังสือเล่มนี้ แล้วท่านจะรู้ว่าทำไมเขาต้องล่าหัวคนด้วย นอกจากพวกนักรบแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ยังได้ทรงบันทึกเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของชนชาวเขาเผ่าต่างๆ ในมาเลเซียไว้อย่างละเอียด จากนั้นเสด็จไปยัง Sarawak Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาและมานุษยวิทยา ซึ่งเป็นที่เก็บสะสมสัตว์ต่างๆ ที่มีอยู่ในมาเลเซีย ดังนั้นใครที่อยากรู้ว่าประเทศมาเลเซียมีสัตว์อะไรบ้าง เหมือนหรือแตกต่างจากบ้านของเรา หรืออยากเห็นวิวัฒนาการของมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยก่อน ของชาวมาเลเซีย ก็ไปเที่ยวชมได้ หนังสือเล่มนี้จะเป็นประตูพาท่านไปสู่พิพิธภัณฑ์

วันที่ 14 เมษายน 2537 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเสด็จฯ เยือนประเทศมาเลเซีย ในวันนี้ถือได้ว่าเป็นวันแห่งการลุยป่าผ่าฝน เพราะเป็นวันที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงพระดำเนินเข้าป่าเพื่อทอดพระเนตรถ้ำลาง ถ้ำกวาง และฉันดูภาพอิริยาบถต่างๆของสมเด็จพระเทพฯ ขณะที่พระราชดำเนินอยู่ในอุทยานแห่งชาติ พระองค์สมกับเป็นรัตนของแผ่นดินโดยแท้ พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์อยู่เกือบตลอดเวลา ไม่มีทีท่าว่าจะทรงเหนื่อยพระวรกาย ฉันอ่านหนังสือและดูภาพถ่ายภายในถ้ำประกอบไปด้วย ทำให้สามารถจินตนาการถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงจดบันทึกไว้ได้อย่างละเอียด ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ฉันไม่รู้สึกตัวเลย เพราะมัวแต่เพลิดเพลินใจ เหมือนกับว่าฉันได้ตามเสด็จไปในขบวนเสด็จด้วย

สำหรับหนังสือเรื่องที่ 2 คือเรื่องลาวเหนือเมื่อปลายหนาว หนังสือกะทัดรัดเหมาะที่จะพกพา พิมพ์ด้วยกระดาษอาบมันอย่างดี ข้างในเล่มนอกจากตัวหนังสือแล้วยังมีรูปภาพ ซึ่งเป็นภาพถ่ายชีวิตความเป็นอยู่ของชาวลาว และภาพอิริยาบถต่างๆ ของสมเด็จพระเทพฯ ขณะที่ประทับอยู่ที่ประเทศลาว ประกอบอยู่ตลอดเล่ม ทำให้น่าสนใจ อ่านแล้วเข้าใจง่าย หนังสือเล่มนี้เป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้เสด็จมาเยือนประเทศลาวหลายครั้งแล้ว สาเหตุที่ฉันชอบเพราะทำให้ฉันได้รู้เรื่องเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับไทย ฉันว่าประเทศลาวนั้นน่าสนใจ เหมาะที่จะเดินทางไปเที่ยวชมเพราะลาวเป็นมิตรที่ดีกับไทยเสมอมา ลาวไม่เคยรุกราน ไม่เคยที่จะคิดมาทำลายล้างแผ่นดินไทย เมื่อฉันได้เห็นชื่อหนังสือลาวเหนือเมื่อปลายหนาว ฉันจึงไม่รีรอที่จะหยิบขึ้นมาอ่าน สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นผู้เปิดบานประตูให้ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

วันอังคารที่ 21 มกราคม 2540 คือวันที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พระองค์เสด็จไปยังทำการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตรห้วยซอน-ห้วยซั้ว ตามพระราชดำริ เมื่ออ่านแล้วเราจะได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกษตรทุกๆ ด้านของประเทศลาว ซึ่งก็คล้ายๆ กับเมืองไทยเรา แต่เครื่องมือต่างๆ ของบ้านเราจะดูทันสมัยกว่ากันมาก

จากนั้นพระองค์เสด็จไปเยี่ยมชมโรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้า 67 ซึ่งในส่วนนี้มีภาพประกอบอย่างละเอียด ฉันดูรูปภาพแล้วก็อดที่จะชื่นชมการแต่งกายของคุณครูที่ประเทศลาวไม่ได้ การแต่งกายของเขาเป็นการอนุรักษ์ประเพณีการแต่งกายไว้ โดยไม่วิ่งตามแฟชั่นของประเทศอื่นๆ ผู้หญิงในประเทศลาวนั้นเขาจะใส่ผ้าถุงตลอด ฉันคิดในใจว่าปัญหาการข่มขืนในเมืองเขาคงจะน้อยกว่าในบ้านเรา เพราะผู้หญิงเขาแต่งกายมิดชิด ไม่ได้โชว์ขาวๆ ให้คนอื่นเห็นเหมือนวัยรุ่นบ้านเรา นอกจากคุณภาพคุณครูแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ยังทรงเขียนบันทึกถึงการเรียนการสอนและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงเรียน ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ก็ต้องอ่านในหนังสือเล่มนี้ แล้วลองคิดดูว่าเหมือนในบ้านเราหรือเปล่า

ในหนังสือเล่มนี้นอกจากเราจะได้เห็นบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของชาวลาวแล้ว เรายังได้รับความรู้เกี่ยวภาษาลาวอีกด้วย ความจริงภาษาลาวกับภาษาถิ่นภาคอีสานของฉัน มีอยู่หลายคำที่เหมือนกัน แต่มีคำบางคำที่ต่างกัน ฉันอ่านแล้วก็ว่าแปลก แต่น่ารักดี ฟังแล้วรู้สึกตรงไปตรงมา เช่น คำว่า แคบหมู ของภาษาไทย ภาษาลาวใช้ว่า หนังพอง ฉันคิดว่าก็จริงของเขานะ ก็หนังหมูมันพองขึ้นมาจริงๆ นี่นา

สำหรับด้านศิลปวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตของชาวลาวนั้น สมเด็จพระเทพฯ ทรงบันทึกไว้ทุกอย่างที่ทรงพบเห็น และยังเขียนเล่าถึงประวัติ ตำนานแต่ละที่อีกด้วย เช่น ประวัติของพระแซกคำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเกี่ยวกับเกลือ วิธีการต้มเกลือสินเธาว์ของชาวลาว ฉันว่าวิธีการของเขาแปลกดี เช่น เอาขาใส่ลงไปในหม้อเกลือ เพื่อทดสอบว่าเกลือที่ต้มไปนั้นใช้ได้หรือไม่ เกลือสินเธาว์นับว่ามีความสำคัญในการประกอบอาหาร เพราะลาวไม่มีทะเล เกลือสมุทรจึงไม่มีเช่นเดียวกัน สำหรับขั้นตอนการผลิตเกลือถ้าเพื่อนๆ อยากเห็นก็ไม่ต้องเดินทางไปดูถึงประเทศลาว เพราะในหนังสือเล่มนี้มีภาพขั้นตอนการทำอย่างละเอียด เรียกว่าเมื่อดูแล้วเราสามารถนำมาทำได้เลย

ฉันอ่านหนังสือแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าในประเทศลาวมีชาวเขาเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่มาก ชื่อแต่ละเผ่านั้นบางเผ่าก็เหมือนกับที่อยู่ในเมืองไทย แต่ดูเหมือนว่าในเมืองลาวจะมีมากกว่า ผู้หญิงบางเผ่านั้นน่าสงสารจริงๆ ถูกกดขี่ กินอยู่หลับนอนไม่ดี ไม่ให้จับเงิน แขกไปใครมาก็มองหน้าแขกไม่ได้ ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่าอยู่เผ่าไหน ก็หาอ่านได้ในหนังสือเล่มนี้ เพราะนอกจากจะรู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่แล้วยังได้รับความรู้เรื่องวัฒนธรรม ศิลปการแสดงของแต่ละเผ่าอีกด้วย

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จทอดพระเนตรตลาดเช้า ฉันว่าตลาดในเมืองลาวคล้ายตลาดที่บ้านของฉัน จากนั้นก็เสด็จทอดพระเนตรโรงเรียนและโรงพยาบาล เรื่องโรงพยาบาลนั้นดูจะต่างจากเมืองไทยเป็นอย่างมาก เครื่องมือต่างๆ ก็ยังล้าสมัย โชคดีที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลและองค์การต่างๆ ในต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฯลฯ ทำให้คลายความเดือดร้อนไปได้มาก ซึ่งทางลาวนั้นก็ได้ส่งแพทย์มาฝึกงานในเมืองไทยเช่นกัน ฉันว่าหมอในเมืองไทยก็เก่งมากเหมือนกันนะ ไม่เช่นนั้นประเทศลาวคงไม่ส่งหมอเดินทางมาฝึกงานที่บ้านเรา

หนังสือทั้งสองเล่มที่ฉันแนะนำมานี้ ขณะที่ฉันนั่งอ่านฉันสังเกตเห็นว่าทุกวันสมเด็จพระเทพฯ จะทรงตื่นบรรทมแต่เช้ามืด ประมาณตี ห้า แล้วจะทรงพระอักษร (เขียนหนังสือ) ทุกวัน เห็นทีว่าต่อไปนี้ฉันจะต้องตื่นนอนแต่เช้าแล้วมานั่งอ่านนั่งเขียนหนังสือบ้างแล้ว เพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน เวลาไปเที่ยวไหนเคยจดบันทึกการเดินทางไว้บ้างหรือเปล่า ถ้ายังไม่เคยก็ลองฝึกเขียนบันทึกดู ส่วนหลักและวิธีการเขียนนั้น เพื่อนๆ สามารถศึกษาได้จากหนังสือพระราชนิพนธ์ทั้งสองเรื่องที่ฉันแนะนำไว้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องเป็นนักเขียนที่ดีแน่ แต่ก่อนที่จะเป็นนักเขียนนั้นจะต้องฝึกให้เป็นนักอ่านเสียก่อน แล้วอย่าลืมซื้อหนังสือลุยป่าผ่าฝน และลาวเหนือเมื่อปลายหนาว มาอ่าน ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้กุศลอีกด้วย เพราะเงินรายได้จากการจำหน่ายนั้นจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับช่วยเหลือเยาวชนไทยต่อไป

ด.ญ. รินทร์ ศรีวงษา
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนบ้านวังม่วง หมู่ 5 ต. หนองโพนงาม อ. เกษตรสมบูรณ์ จ. ชัยภูมิ 36120 สังกัด สพท. ชัยภูมิ เขต 2
โทร.0-7870-7031
อาจารย์ผู้แนะนำ นางมนัญญา ลาหาญ ตำแหน่ง อาจารย์ 1 ระดับ 5