น.ส. รวินันท์ พรเกษมประเสริฐ

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเบญจะมะมหาราช จ. อุบลราชธานี

เรื่อง ท่องโลกหนังสือฯ

     ความรู้ดูยิ่งล้ำสินทรัพย์
คิดค่าควรเมืองนับยิ่งไซร้
เพราะเหตุจักอยู่กับกายอาต- มานา
โจรจักเบียนบ่ไดเร่งรู้เรียนเอา

จากโคลงโลกนิติซึ่งประพันธ์โดยสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในคุณค่าของความรู้ได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่จัดได้ว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์ความรู้แหล่งใหญ่ ก็คือสิ่งที่เราต่างเรียกขานกันว่า “หนังสือ”

ในโลกแห่งตัวอักษรที่เสริมสร้างด้วยจินตนาการซึ่งไม่เคยหยุดนิ่ง ได้ถ่ายทอดผ่านความรู้สึกนึกคิดออกมาให้ผู้อ่านได้โลดแล่นไปกับเรื่องราวต่างๆ หลากหลายเนื้อหา ตามความชอบความสนใจของผู้อ่านเอง แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าคุณจะชอบอ่านหนังสือประเภทไหนก็ตาม หนังสือทุกเล่มจะนำประโยชน์มาสู่คุณเป็นแน่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ว่าจะสนใจเพียงความบันเทิงของเนื้อเรื่อง หรือเก็บเกี่ยวเอาเนื้อหาสาระมาด้วย เพราะหนังสือทุกเล่มจะยังประโยชน์มาให้คุณก็ต่อเมื่อเต็มใจที่จะรับประโยชน์จากมันเช่นกัน

โดยส่วนตัวแล้วคิดอยู่เสมอว่า “หนังสือคือเพื่อนที่ดี” เพราะไม่ว่าเวลาไหนก็จะมีหนังสืออยู่ข้างๆ คอยบอกผ่านเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟัง และด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือวิชาการหนักๆ จึงเลี่ยงมาอ่านหนังสือประเภทที่ให้ทั้งสาระและความบันเทิงแทน

หนังสือเล่มแรกที่จะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนี้ เป็นหนังสือประเภทนวนิยาย บ่อยครั้งที่แม่มักจะบ่นเสมอ “อ่านแต่หนังสือนิยาย” แต่แม่ไม่รู้หรอกว่า หลายครั้งที่เราตอบคำถามของรายการเกมเศรษฐีได้ รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองไทยหรือแม้กระทั่งเรื่องราวในต่างแดนก็เป็นเพราะเราได้อ่านหนังสือประเภทนี้นั่นเอง

คนส่วนใหญ่มักจะมองว่านวนิยายเป็นเรื่อง “น้ำเน่า” แต่ไม่จริงเสมอไป ขึ้นอยู่กับการเลือกของผู้อ่านมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงอยากจะขอแนะนำเพื่อนๆ นักอ่าน และขอเปลี่ยนทัศนคติของอีกหลายคนที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ ด้วยหนังสือเล่มแรกมีชื่อว่า เสราดารัล

เสราดารัล เป็นบทประพันธ์ของ “กิ่งฉัตร” ซึ่งชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีบนถนนสายวรรณกรรม ด้วยความสามารถทางด้านงานเขียนบวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาในอาชีพผู้สื่อข่าว ทำให้กิ่งฉัตรสามารถนำเสราดารัล มาสู่ความสมบูรณ์แบบได้

เสราดารัล ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นนวนิยายการเมืองโรแมนติก เสน่ห์ของเรื่องอยู่ที่ความหลากรสหลากอารมณ์ซึ่งผู้อ่านจะสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ตัวละครและเรื่องราวที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาได้ดัดแปลงมาจากเรื่องจริง จากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผสมผสานกันจนเกิดความลงตัวทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกสนาน ได้หัวเราะร้องไห้ และมีอารมณ์ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับตัวละคร กับเรื่องราวความรักที่มีการเมืองและคำว่า “หน้าที่” เข้ามาเกี่ยวข้อง

ปาลี นาคิม ผู้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำขบวนการกู้ชาติ และได้รับสมญานามว่า “อภูตแห่งราตรี” เขามีหน้าที่สำคัญที่จะต้องหาทางช่วยเหลือ ยุลที ว่าที่เจ้ามหาชีวิตแห่งขลาออกจากคุกของประเทศสิคาลซึ่งเป็นประเทศสมมุติ จึงจำเป็นต้องลักพาตัวพันไมล์นักเรียนแพทย์สาวปีสุดท้ายจากเมืองไทยเพื่อทำการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ด้วยความที่เป็นลูกสาวของทูตไทยประจำประเทศสิคาล จึงทำให้พันไมล์มีผลในการต่อรองสูง แต่นั่นก็ไม่มากพอสำหรับเล่ห์เหลี่ยมของ เฒ่าบินยา ผู้นำแห่งประเทศสิคาล ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เสียตัวประกันอย่างยุลทีไป

ในระหว่างที่รอการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ความรักของนาคิมและพันไมล์ได้ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ความรักที่หวานจนเลี่ยน แต่เป็นความรักที่เมื่อคุณได้อ่านแล้วจะรู้สึกถึงความอิ่มใจและตื้นตันไปกับตัวละครนั้นๆ รักที่เกิดจากความเข้าใจ ความเสียสละ การถ่ายเทความสุขและแบ่งเบาความทุกข์ซึ่งกัน จะช่วยเป็นเกราะป้องกันและประคับประคองให้รักนั้นคงอยู่ตลอดไปได้ ไม่เพียงแต่ความรักของนาคิมและพันไมล์เท่านั้น ยังมีความรักหลากหลายรูปแบบของตัวละครอื่นๆ อีกมาก ที่อาจจะทำให้ผู้อ่านหลายคนเข้าใจในคำว่า “รัก” ได้อย่างแท้จริง

นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว เสราดารัล ยังให้ “สาระ” ซึ่งผู้อ่านน่าจะลองหันมาทบทวนและนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ข้อมูลทางวิชาการต่างๆ ที่ได้รับจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย หรือปัญหาใดก็ตาม ไม่ได้ถูกส่งผ่านมาในลักษณะของการยัดเยียดข้อมูล แต่ผู้อ่านจะสามารถซึมซับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นได้โดยผ่านตัวละคร ผ่านเรื่องราวที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถือว่าเป็นสาระที่ผู้อ่านจะได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้

ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้รับหลังจากอ่านเสราดารัล คือ จากที่เมื่อก่อนไม่ค่อยจะให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองเท่าที่ควรทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัว และข่าวสารก็มีออกมาตามสื่อต่างๆ ทุกวัน เพราะคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนดูยุ่งยาก เราไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดหรอกว่า “ใครดีหรือใครไม่ดี”อย่างไร นักการเมืองส่วนใหญ่ต่างก็ต้องอยู่ภายใต้ “หน้ากากการเมือง” ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและถกเถียงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ ณ ตอนนี้ จาก “หน้ากากการเมือง” กลับกลายเป็น “เกมการเมือง” ที่น่าติดตาม ใครเหนือกว่าก็เล่นต่อได้แต่ถ้าใครสู้ไม่ไหวก็เป็นอัน “สิ้นสุดเกม” เบื้องลึกเบื้องหลังทางการเมืองบางครั้งประชาชนทั่วไปก็ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ผลที่ออกมาทั้งดีและร้ายก็จะตกอยู่ที่ประชาชน และนี่คือ “เกมการเมือง”

นอกจากการเมืองแล้ว ปัญหาชนกลุ่มน้อยที่ต้องต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงปัญหานี้ ขึ้นชื่อว่า “สงคราม” ไม่ว่าจะเป็นสงครามใหญ่หรือสงครามย่อย ต่างก็นำมาซึ่งความสูญเสียด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าฝ่ายหนึ่งถูกอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องผิด “ชีวิตแลกด้วยชีวิต” แม้ว่าบางครั้งสิ่งที่ได้มาอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับสิ่งที่สูญเสีย ความโศกเศร้าของคนที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดความคิดที่ว่า “ชีวิตนี้...อยากจะทำอะไรที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อคนที่แย่กว่าเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” แม้สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่เล็กน้อย ยังไม่ได้เริ่มกระทำอย่างจริงจัง แต่ก็ภูมิใจที่เมื่อมีอะไรมาสะกิดใจแล้วยัง “คิดได้” ดีกว่า “ไม่...แม้แต่จะคิด” เพราะความคิดย่อมเป็นพื้นฐานของการกระทำเสมอ

นับว่า ”กิ่งฉัตร” สร้าง เสราดารัล ออกมาได้อย่างงดงาม เป็นที่น่าเสียดายหากเพื่อนนักอ่านจะไม่มีโอกาสได้เปิดหนังสือเล่มนี้ หวังว่าทุกคนจะได้รับทั้งความสนุกสนาน ความอิ่มเอมใจ รวมทั้งแง่คิดต่างๆ จากหนังสือเรื่องนี้กลับไปเช่นกัน ขอฝาก เสราดารัล ไว้ในใจของนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ…

ถ้าพูดถึงสังคมสมัยนี้ ความเข้าใจถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยในการสื่อสารความรู้สึกนึกคิด และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดี คำกล่าวว่า “บางครั้ง...เหตุผลของเรามีร้อยแปด แต่ก็ไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ หรืออาจเป็นเพราะว่าเหตุผลของเรายากที่จะเข้าใจนั่นเอง” ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นจริงในความรู้สึกของหลายๆ คน ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจอะไรๆ ได้ทั้งหมด แต่เราก็สามารถเข้าใจในส่วนหนึ่งได้ ดีกว่าที่จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้กระทั่งตัวเอง

หนังสืออีกเล่มที่จะได้แนะนำต่อไปนี้ จึงเป็นหนังสือที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและความรู้สึกดีๆ ของเพื่อนนักอ่าน หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า good words good feeling…หลังไมค์มีไออุ่น

ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งหมายถึงหน้าปกแล้วไม่ค่อยมีอะไรที่ดูสะดุดตาเท่าที่ควร หน้าปกสีเหลืองประกอบกับภาพการ์ตูนช่องเล็กๆ สี่ช่อง ได้ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่จะว่าไปแล้วก็เหมาะสมกับชื่อเรื่องและเนื้อหาดีเหมือนกัน เป็นอะไรที่เรียบๆ ทว่า...แฝงไว้ด้วยข้อคิด สิ่งที่จะทำให้สะดุดตาจากหนังสือเล่มนี้คือชื่อผู้แต่ง “ดีเจนภาพร” จากประสบการณ์ทางด้านการจัดรายการวิทยุ ทำให้สามารถรับประกันคุณภาพของเนื้อหาในเล่มได้ ภาษาที่ใช้ถึงแม้ว่าไม่ได้สละสลวยมากนัก แต่ก็เป็นภาษาที่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย ผสมผสานกับวิธีคิดที่งดงามของเธอ ซึ่งความจริงหลายคนมองข้ามไป ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่เพื่อนนักอ่านน่าจะลองอ่านดู ไม่แน่นะ...ตอนใดตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้อาจจะโดนใจคุณเข้าอย่างจังก็เป็นได้

สำหรับหนังสือเล่มนี้คงจะแนะนำอะไรมากนักไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเป็นหนังสือที่ต้องอ่านเองคิดเอง และรู้สึกเอง เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถรู้สึกได้เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา ทว่าในบางเรื่องไม่เพียงแต่เราจะรู้สึกได้หรอกค่ะ เรายังสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะ...เราเคยสัมผัสกับมันมาแล้วนั่นเอง

คุณเคยคิดกันบ้างหรือเปล่าคะว่า “ทำไมบางครั้งเราสามารถเข้าใจคนอื่นได้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่เข้าใจคนที่อยู่ใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งตัวเราเอง” เคยถามตัวเองเหมือนกันค่ะว่า “ไม่เข้าใจจริงๆ หรือไม่เคยคิดที่จะเข้าใจกันแน่” และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะเคยรู้สึกแบบนี้เช่นกัน ทั้งกับคนในครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทก็ตาม คุณอาจจะไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้ค่ะ แค่คุณลองพยายามสื่อสารกับคนใกล้ตัวเหมือนที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ว่า “เอาไหล่ให้เขาพิง เอามือให้เขาจับ...ร้อยคำพูดดีๆ ก็ไม่เท่ากับหนึ่งสัมผัสที่มีค่า...” เพียงเท่านี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีของการสร้างความเข้าใจระหว่างกันได้แล้วค่ะ แต่ถ้าคุณยังปล่อยให้เวลาผ่านไป คงเป็นที่น่าเสียดาย หากเมื่อถึงวันที่คุณพร้อมจะเข้าใจ...วันนั้นอาจไม่มีเวลาเหลือสำหรับคุณและคนที่คุณรักแล้วก็ได้

ตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า “ก่อนที่วันนี้คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ อย่าลืมสำรวจตัวเองนะคะว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา...คุณทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า”

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้เพื่อนนักอ่านได้มาสัมผัสกับความ “อุ่น” ของหนังสือเล่มนี้ด้วยตนเอง รับรองค่ะว่าหลังจากที่คุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณสามารถเข้าใจอะไรๆ ได้ดีขึ้นเท่านั้น คุณยังจะมีพลังในการดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าหนังสือทั้งสองเล่มที่แนะนำให้อ่านกันนี้ คงจะสร้างความสนุกสนานและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย รวมทั้งขอฝากเพื่อนนักอ่านทุกคนไว้ด้วยค่ะว่า ในเมื่อหนังสือได้เอื้อประโยชน์แก่เราแล้ว...ก็อย่าลืมแบ่งเวลาสักนิดมาดูแลรักษามันบ้างนะคะ เพื่อที่ว่า “เพื่อน” จะได้อยู่กับเราไปนานๆ...ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการท่องโลกหนังสือค่ะ

รวินันท์ พรเกษมประเสริฐ
โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม
เกิดวันที่ 29 สิงหาคม 2528
มัธยมศึกษาปีที่ 6
ที่อยู่ (บ้าน) 17/3 ซ. วัดดุสิตาราม ถ. สมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700
โทร. 0-5120-1863, 0-2433-9780
ที่อยู่ (โรงเรียน) โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม จรัญสนิทวงศ์ 32 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700
โทร. 0-2424-1671, 0-2424-6873