![]() |
น.ส. สิรินทร์นา กวางประเสริฐชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านกาศประชานุเคราะห์ อ. สูงเม่น จ. แพร่ | ||||||||
เรื่อง เล่มนี้ที่ฉันชอบ
คำว่า ยิ่งอ่านมาก ยิ่งรู้มาก คำคำนี้ยังใช้ได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกสถาน และใช้ได้ผลอยู่เสมอเมื่อต้องการเสาะแสวงหาความรู้ ซึ่งในยุคปัจจุบันการอ่านถือว่ามีอิทธิพลต่อสังคมไทยมาก ไม่ว่าจะอ่านเล่มไหน เรื่องไหน ก็ล้วนแต่เกิดประโยชน์ทั้งนั้น เพราะการอ่านทำให้เกิดความคิดและทัศนคติใหม่ๆ ที่กว้างไกล ซึ่งจากเดิมที่เราไม่ทราบอะไรเลยหรือทราบไม่ค่อยแน่ชัด หนังสือก็ทำให้เราเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ลึกซึ้ง ชัดเจน ซึ่งในทางกลับกัน เราก็ต้องรู้จักเลือกสรรอ่านในเรื่องที่มีประโยชน์และให้คติเตือนใจแก่เราด้วย เพื่อจะเป็นแนวทางที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไป หนังสือเปรียบประดุจดังอาวุธ ถ้าหากขาดซึ่งความรู้ที่ได้มาจากการอ่านเป็นอันดับแรกก่อนเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาต่างๆ จากนั้นก็คิดตามและเขียนบันทึกไว้ ถ้าหากว่าขาดซึ่งความรู้แล้วก็เหมือนดังขาดอาวุธประจำตัวที่จะใช้ต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราในอนาคต ในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์เราต่างก็พบเจอกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ ซึ่งต่างก็หาที่ยึดเหนี่ยวพึ่งพา หาความรู้มาประดับในสมองของเราให้ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และหนังสือยังเป็นเพื่อนคอยปลอบใจเวลาเหงา ช่วยผ่อนคลายความเครียด หนังสือมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น หนังสือพิมพ์, หนังสือเรียน, หนังสือนิยาย, นิทาน, ธรรมะ, การ์ตูน, หนังสือบันเทิง เป็นต้น แต่เล่มที่ข้าพเจ้าโปรดและอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ทราบเนื้อหา คติสอนใจ และวิจารณ์พิจารณาไตร่ตรองของบุคคลที่ผู้เขียนได้ประพันธ์ขึ้น เล่มแรกมีชื่อเรื่องว่า เรื่องของน้ำพุ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยเรา กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆ เรียกเขาว่า น้ำพุ น้ำพุมีชีวิตอยู่ได้เพียง 18 ปี 2 เดือน กับอีก 15 วันเท่านั้น เขาจากแม่และน้องไปเพราะเรื่องยาเสพติด เมื่อเขาจากไปก็ทำให้ครอบครัวและเพื่อนๆ เสียใจมาก เพราะอายุยังน้อยนัก ทำให้ผู้เป็นแม่ หรือ สุวรรณี สุคนธา ต้องนำเรื่องของน้ำพุมาเขียนเป็นหนังสือเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และยังรักและอาลัยน้ำพุอยู่เสมอ ดังตอนหนึ่งในคำนำเรื่องนี้สุวรรณีเขียนไว้ว่า เหตุไรที่ลูกชายสิ้นชีวิตไป เพราะยาเสพติด จึงนำเอามาเปิดเผย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ดีน่าจะปิดเป็นความลับไว้มากกว่า และตอนที่สำคัญอีกตอนหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะหยิบยกมาเป็นอุทาหรณ์ มีใจความว่า เพราะไม่อยากให้ลูกของคนอื่นๆ ต้องเสียชีวิตไปเพราะยาเสพติดอีก ถ้าเรื่องของน้ำพุจะเป็นประโยชน์ต่อลูกของใครอื่นได้ ข้าพเจ้าก็ยินดีอย่างยิ่ง ในปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังคงแพร่ระบาดอยู่ แต่ก็ลดน้อยลงเพราะรัฐบาลได้เอาจริงเอาจังในการปราบปรามอย่างจริงจังในปัญหานี้ ซึ่งก็ตรงกับหนังสือเล่มนี้ จึงใคร่ขอเชิญให้เพื่อนๆ ทุกคนลองหยิบมาอ่านดูสักนิดแล้วจะรู้ว่าประโยชน์และทัศนคติต่างๆ ที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้มีหลากหลาย แล้วในเรื่องนี้ยังมีเรื่องที่น้ำพุได้บันทึกถึงแม่ของเขาตลอดเวลาขณะที่เขาไปพักฟื้นอยู่ที่บ้านเมตตาและถ้ำกระบอก ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกว่าทำไมน้ำพุถึงต้องมาติดยาเสพติดทั้งๆ ที่ครอบครัวของน้ำพุก็อบอุ่นดี แต่น้ำพุไม่มีพ่อ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำพุติดยา รวมทั้งน้ำพุเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในบ้าน มีพี่สาวน้องสาวต่างก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น และน้ำพุยังไม่ชอบให้แม่มีสามีใหม่ ด้วยเหตุนี้เองอาจทำให้น้ำพุดูเหงาๆ ว้าเหว่ เมื่อเห็นพวกผู้หญิงเขาเย็บปักถักร้อยกัน น้ำพุก็ได้แต่เข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ดูเขาเลือกเสื้อผ้าผู้หญิงแล้วก็ถูกไล่ออกไป และน้ำพุยังอยากรู้ อยากลอง และมีความเข้าใจผิดในเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ควรจะได้รับ ดังเช่นตอนหนึ่งในหนังสือที่น้ำพุพูดว่า ผมอยากรู้และผมก็จะขอถามที่บันทึกตรงบรรทัดนี้ใครจะตอบผมได้บ้าง นักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาจะตอบไหม เรื่องโกงกินก็เหมือนกัน เมื่อผมโตขึ้นมีอำนาจที่จะคดโกงได้ ผมก็จะไม่รอช้าที่จะทำก็คนโตในเมืองเราก็ล้วนแต่มีเบื้องหลังตุๆ กันทั้งนั้น เขาก็ยังอยู่ในสังคมได้อย่างเชิดหน้าชูตา มีเกียรติยศ มีชื่อเสียงและร่ำรวยเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะทำแน่เมื่อโตขึ้น จากคำพูดของน้ำพุแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกเช่นไร เมื่อน้ำพุจบชีวิตลงด้วยยาเสพติดผู้เป็นแม่ของเขาเสียใจมาก อยากให้ผู้อ่านลองพิจารณาวิเคราะห์ดูและลองอ่านดูจะได้ข้อคิดและคติเตือนใจว่าการใช้ยาเสพติดนั้นไม่เคยให้ผลดีกับใครและยังทำให้พ่อแม่พี่น้องเสียใจ สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและคนอื่น และยังน่าคิดนะคะว่าหลังจากที่น้ำพุไปพักฟื้นที่บ้านเมตตาแล้ว ทำไมน้ำพุถึงต้องกลับมาใช้ยาอีกจนถึงแก่ชีวิต ถ้าอยากจะรู้มากกว่านี้ขอให้เพื่อนๆ ลองอ่านดูจะรู้ว่าดีแค่ไหน อีกทั้งเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นภาพของความรักความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูกและแม่รู้สึกอย่างไรเมื่อลูกต้องมาจากไปทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ ความรักความผูกพันระหว่างมิตรภาพของเพื่อนและพี่น้องที่มีให้กัน ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์แค่ไหนก็ช่วยกันฟันฝ่า ต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาต่างๆ มากมาย และมาถึงเรื่องที่ 2 ที่ข้าพเจ้าอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองอ่านดู คือเรื่องเงียบสะท้อน เป็นบทกวีนิพนธ์หรือร้อยกรอง ซึ่งประพันธ์โดย โกศล กลมกล่อม ซึ่งได้รับรางวัลจากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยและยังได้รับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถือได้ว่ากวีนิพนธ์ที่ข้าพเจ้าแนะนำอยู่นี้คือ ความสุดยอดของผลงานด้านการประพันธ์ที่อยากให้หันมาให้ความสนใจมากขึ้น โดยผู้แต่งหรือกวีที่ประพันธ์เรื่องนี้จากผลงานที่ข้าพเจ้าได้อ่าน แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความลุ่มลึกในแง่คิดและเนื้อหาคารมต่างๆ อันไพเราะ ซึ่งการประพันธ์นี้ได้ถูกเรียบเรียงและกลั่นกรองตัวอักษรออกมาจากจิตใจอันสุขุม สงบ และเต็มไปด้วยคติเตือนใจเกินพรรณนา ทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสลิ้มรสถึงงานกวีที่คมคายนุ่มนวล ซึ่งก็หาอ่านได้ยากเต็มทีสำหรับงานประพันธ์ประเภทร้อยกรอง เพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้อ่านงานประพันธ์ประเภทนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็อ่านแต่ร้อยแก้ว เพราะเป็นการอ่านที่ง่าย ไม่ต้องมีเสียงต่ำ สูง และเห็นได้ชัดคือหนังสือทั่วไปที่จะเน้นการเขียนร้อยแก้วเป็นส่วนมาก ก็อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ ลองอ่านงานประพันธ์ประเภทร้อยกรองของ โกศล กลมกล่อมดู นอกจากนี้ยังได้ฝึกการออกเสียง การอ่านไปด้วยในตัว มันอาจจะทำให้เราเก่งภาษาไทยมากขึ้น เพราะภาษาไทยเป็นภาษาของไทย ภาษาของเราทุกคน นอกจากนี้ โกศล กลมกล่อม ยังมีงานประพันธ์อีกมากมาย น่าอ่านเกือบทุกเล่ม ใครสนใจเรื่องไหนเล่มไหนก็หามาอ่านกันได้ ซึ่งในเล่มนี้ก็มีอยู่หลายบทด้วยกัน แต่บทที่ข้าพเจ้าชอบคือเรื่อง ใบไม้สอนให้ฉันคิด ตรงวรรคสุดท้ายที่ว่า
แปลความได้ว่า จากเดิมต้นไม้หรือต้นกล้าที่แตกหน่อเกิดใบอ่อนก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น มีเปลือกหนาขึ้น เหมือนกับชีวิตของเราที่โตขึ้น จากเด็กเล็กๆ ก็เริ่มเป็นผู้ใหญ่ มากด้วยประสบการณ์ต่างๆ ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมามากมาย ทำให้มีสีสันมากขึ้น และยังคงยืนอยู่ได้ด้วยความอดทนท่ามกลางอุปสรรคที่เข้ามาสามารถแก้ไขได้ สอนให้เราคิด ฝึกการถอดความ จับใจความเรื่องที่อ่านได้ เมื่ออ่านมากๆ และบ่อยๆ จะรู้สึกคล้อยไปตามงานที่ผู้ประพันธ์ได้ประพันธ์ขึ้นและจินตนาการตามไปด้วย การอ่านหนังสือเล่มใดหรือการอ่านสิ่งใดก็ตาม เรื่องไหน เล่มไหน ก็ล้วนแล้วแต่ดีทั้ง และเมื่ออ่านแล้วควรศึกษาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ และนำเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด |