|
น.ส. สุธิญา พูนเอียดชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช | ||||||||||
เรื่อง ถ้อยความบางอย่าง...ฝากถึงเพื่อนถึง...เพื่อนคนพิเศษทุกคน ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นใคร อยู่ส่วนใดของแผ่นดินไทย หรือมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันสักเพียงใด ฉันก็ยังคงยินดีที่จะถ่ายทอดบางสิ่งที่จู่ๆ ความรู้สึกอันวิเศษนี้ก็วิ่งเข้ามารุมเร้าหัวใจให้เกิดความอยาก อยากที่จะเล่าสิ่งนี้ให้กับเพื่อนคนมหัศจรรย์สำหรับฉันอย่าง เธอ... เธอคงแปลกใจในการได้อ่านข้อความนี้ ไม่ต้องตกใจหรอก มันจะไม่ทำร้ายเธอ แต่ถ้าหากเธอได้รับและรู้มันแล้ว เธออาจจะเกิดความอยากที่จะทำอย่างที่ฉันกำลังจะบอกเธอบ้าง บางทีสิ่งที่เธอเคยมองข้ามไปในอดีต เมื่อเธอได้อ่านข้อความทั้งหมดเสร็จสิ้น เข้าใจมัน ผนวกกับปล่อยใจให้เพลิดเพลิน และไม่เบื่อเสียก่อน ทุกอย่างที่เธอกำลังจะได้รู้อาจเป็นประโยชน์อย่างมากกับเธอทั้งในปัจจุบันและอนาคตก็เป็นได้ สนใจขึ้นบ้างแล้วหรือเปล่า? ไม่ยากเลยใช่ไหมที่ใจจะจดจ่อกับข้อความนี้ในเวลาไม่กี่นาทีนับจากนี้ ถ้าเธอพร้อมแล้ว เธอจะพบกับสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากให้เธอ ฉันเคยสัมผัสหนังสือมาค่อนข้างเยอะ ทั้งหนังสือแบบเรียน ตำรา นวนิยาย เรื่องสั้น กวีนิพนธ์ ฯลฯ ทุกครั้งที่อ่านหนังสือฉันมักมีความรู้สึกง่วงนอน (เธอเคยเป็นอย่างฉันไหม) ฉันเองก็ไม่ทราบว่าเหตุอะไรกันที่ทำให้การณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับตัวฉัน ฉันเพิ่งรู้จักค้นพบตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่า หนังสือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด แต่ใจที่มันคอยย้ำว่าไม่ชอบหนังสือต่างหากล่ะ ที่ทำให้ความรู้สึกเบื่อถูกพบภายใต้ความคิด หลังจากที่ฉันได้อ่านหนังสือสองเล่ม จากหลากหลายเรื่องราว ฉันสามารถบอกเธอได้คำเดียวว่า โดนใจ นั่นคือ หนังสือเรื่อง LIFE ON THE ROCK และหนังสือเรื่องวุ่นๆ ของวัยจ๊าบ LIFE ON THE ROCK หนึ่งในผลงานของผู้หญิง เจ้าของนามปากกา ว. แหวน โดยสำนักพิมพ์ใยไหม
ครั้งแรกเมื่อเดินเข้าไปใกล้หนังสือเล่มนี้ ฉันต้องหยุดชะงักชั่วครู่ เพื่อพินิจกับความไม่เรียบสนิทที่ปรากฏบนปกหนังสือสีเทาดำ และที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้น คือ รูปเท้าสองข้างที่กำลังเหยียบไปบนพื้นหิน นี่คือหนังสืออะไรกันแน่ ช่างดูน่ากลัวมากกว่าน่าอ่าน รอยเท้านั่นจะมาเหยียบเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ สักพักฉันก็ตัดสินใจลองพลิกไปอ่านเนื้อหาด้านใน เพราะเชื่อแน่ว่าใต้ฝ่าเท้าสองข้างนั้นต้องมีบางสิ่งซ่อนอยู่ เดินอยู่บนหิน...ทำให้เข้าใจว่าเรื่องหินๆ บางเรื่อง...ก็แค่เรื่อง...? นั่นสินะ บางเรื่องก็เป็นเพียงเรื่อง...? ตามที่ใจของแต่ละคนจะมอง หนังสือเล่มนี้เป็นดังเส้นทางสามสายที่ได้บรรจบกันในสายเดียว คือ ว. แหวน (ผู้แต่ง) ความคิดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านการเป็นวัยรุ่นอันเปี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์ และสายสุดท้ายคือ ผู้อ่าน วัยรุ่นที่ชอบแสวงหา คิดดูสิว่าเมื่อสามสายนี้โคจรมาทักทายกัน จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นหลังจากนี้ ว. แหวน ได้ให้ความหมายของคำว่า On the rock สองความหมายด้วยกัน คือความหมายแรก แปลว่า บนหิน เปรียบกับทุกลมหายใจเดินอยู่บนหิน ยิ่งเดินเท้าก็ยิ่งแข็ง หนา อาจทน อาจลื่น อาจโดนบาดบ้าง แต่มันก็จะทำให้รู้ตัวเองว่าจะเดินอย่างไรเพื่อไม่ให้ต้องเจ็บอีกครั้ง ประการที่ 2 คำนั้นมาจากวงสุรา คือเครื่องดื่มมึนเมา มิได้ผ่านการปรุงแต่งใดๆ เฉกเช่นชีวิตที่ต้องเป็นไปอย่างไร ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น ท้ายสุด ว. แหวน ได้กล่าวว่า อยากให้ใครก็ตามที่อ่านแล้ว รู้จักรักตัวเองมากขึ้น มองเรื่องหินเป็นเรื่องขี้หมา มองเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากบ้าง เรื่องที่ไม่ค่อยคิดก็คิดให้มากขึ้น คิดให้มากกับชีวิต...แต่อย่าคิดมาก มนต์ที่แฝงอยู่ในประโยคเหล่านี้ได้สะกดให้ฉันต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความอยากอ่านเสียแล้ว มันคือเหตุผลที่น่าจะอธิบายได้ดีที่สุดสำหรับการขยับปลายนิ้ว แล้วเปิดอ่านหนังสือหน้าถัดไป ดูสิ! หนังสือเล่มนี้ว่าฉันด้วย ทำไม เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย ทำไมผู้แต่งต้องว่ากันด้วย ประโยคแรกที่ฉันต้องเจอะ คือ ตื่นสาย โรคร้ายที่แฝงกายไปจนโต ทำไมต้องเป็นโรคร้ายด้วย ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่ได้ไปติดเชื้อโรคนี้จากที่ไหนนี่ ตัวหนังสือมันกระโดดขึ้นมาบอกฉันว่า คนนอนตื่นสายเป็นคนใช้ชีวิตไม่คุ้มค่า และไม่กล้าที่จะเอาชนะตัวเอง ไม่ ฉันต้องรีบตื่นแล้ว เพราะฉันเห็นด้วยที่จะขจัดโรคร้ายแห่งการตื่นสายนี้ออกไปจากชีวิต และฉันต้องพยายามตื่นตัวให้ไปสู่โลกกว้างที่ฉันยังไม่กล้าก้าวไปให้จงได้ หลังจากที่ลองสัมผัสหนังสือเล่มนี้ผ่านตัวอักษรตัวแล้วตัวเล่า ฉันจึงได้รู้ว่า ประสบการณ์ความเป็นวัยรุ่นเราคล้ายกัน ว. แหวน เป็นเธอผ่านประสบการณ์ความเป็นวัยรุ่นมาก่อน ในขณะที่เรายังต้องฝ่าวัยนี้ไป แม้ระยะทางและเวลายังอีกยาวไกล ฉันอยากให้เธอรู้ว่าหนังสือ LIFE ON THE ROCK บอกอะไรแก่ฉันบ้าง มันอาจจะไม่ทั้งหมด แต่ฉันก็คิดว่า มันน่าจะมีค่าอย่างมากสำหรับเธอ ทั้งเรื่องของการยอมรับความจริง และความเป็นตัวของตัวเอง ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเรา ความสวยต้องมองกันที่ข้างใน คนไม่สวยสวรรค์มักประทานพรเรื่องความปลอดภัยมาให้โดยเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง ไม่จำเป็นต้องลดความอ้วน ทั้งๆ ที่หัวใจต้องฝืนและทรมาน หรือจะเป็นการปฏิบัติตนต่างๆ การเชื่อฟังบุพการี จะทำให้ไม่พลาดในสิ่งที่เลือก อย่าเพิ่งคิดว่าตนเป็นผู้ใหญ่ในขณะที่ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ หรือให้เก่งจริงในเรื่องเดียวและมีความรับผิดชอบก่อนคิดว่าตัวเองแน่ และที่ต้องพยายามทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ การสะดุดหกล้มเป็นการเจ็บกาย แต่ได้สติ ซึ่งหลายๆ บทความสั้นๆ ของหนังสือเล่มนี้ได้เตือนให้จิตใจของฉันที่มันอาจจะเตลิดไปวกกลับมาสู่จุดศูนย์กลางความคิด หรือในทางพุทธเราเรียกว่า สติ ฉันรู้สึกดีที่ได้หยุดมองตัวเองระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ ก็ตาม ส่วนท้ายของหนังสือจะมีเส้นประว่างๆ ที่วางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบหลายบรรทัด ซึ่งพอที่ฉันหรือใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะสื่อผ่านเรื่องราวหินๆ ของชีวิตตนลงใน บันทึกเรื่องหินๆ ในชีวิต คงเป็นไปได้ที่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างรอบตัวสอนให้เราโตขึ้น แกร่งขึ้น เรื่องหินเรื่องนั้นอาจกลายเป็นเพียงเรื่องขี้หมาอย่างที่หนังสือได้เขียนบอกเราไว้ก็เป็นได้ ตอนนี้ฉันได้ลิ้มลองรสชาติของเรื่องหินของผู้แต่งที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในชีวิตวัยรุ่นปัจจุบันแล้ว ฉันอยากให้เธอได้ลองอ่านสิ่งที่เขาเรียกกันว่า หิน ของวัยรุ่นบ้าง เผื่อบางทีความรู้สึกใต้สำนึกที่อยากทุบก้อนหิน แต่ยังไม่เคยทำ อาจจะมีพลังมากกว่าที่คาดคิดไว้ก็ได้...จริงไหม รอยเท้าที่เดินย่ำไปบนหิน.. ไม่เดิน ก็ไม่รู้จักแกร่ง... ไม่ลื่น...ก็ไม่รู้จักกล้าเปิดใจของเธอ แล้วจงเปิดตา ก้มลงมองที่หนังสือ LIFE ON THE ROCK แล้วเธอคงได้พบว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เธอได้กระทำมันผิด หรือถูกต้องแล้ว อย่างน้อยเธอก็จะสามารถผ่านเรื่องหินๆ มาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ สำหรับหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ฉันอยากให้เป็นบทเรียน เพื่อรู้แด่เธอทุกคน เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงบทความธรรมดาที่หาความอะไรไม่ได้ แต่มันเป็นการรวมเอาเรื่องสั้น ที่เมื่อเจาะลึก และมองไปจนถึงหน้าสุดท้าย เราจะทราบถึงราก หรือต้นเหตุที่ได้มีการจัดทำหนังสือเล่มนี้ ด้วยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงฝีมือทางความคิด และยิ่งไปกว่านั้นคือถ่ายทอดประสบการณ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ไม่ซ้ำกันของแต่ละคน ซึ่งล้วนแต่เป็นการสะท้อนถึงสภาพปัจจุบัน ของชีวิตวัยรุ่น ที่วุ่นวายอย่างเธอและฉัน เรื่องวุ่นๆ ของวัยจ๊าบ เล่ม 1 หนังสือรวมเรื่องชนะการประกวดจากโครงการ เปิดใจ วัยรุ่น เรื่องวุ่นๆ... ของ วัยจ๊าบ ที่มีนักเขียนรุ่นเยาว์มากมายส่งผลงานเข้าประกวด จนได้ผู้ชนะการประกวดทั้งสิ้น 18 คน โดยหนังสือเรื่องวุ่นๆ ของวัยจ๊าบ เล่ม 1 นี้ มีทั้งสิ้นเก้าเรื่อง จากเยาวชนไทยเก้าคน แต่ละเรื่องได้ยกพลแห่งความสุข สนุก ตื่นเต้น ปีติยินดี โหดร้าย ความผูกพัน และจุดแตกหักระหว่างเพื่อน หรือแม้กระทั่งโศกนาฏกรรม การฆ่าตัวตาย การถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายเพื่อน ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย ความมุ่งมั่น บากบั่นของชีวิต ความรักและอกหัก รวมไปถึงการเขียนบันทึกธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ด้วยการโต้ตอบกัน ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ฉันรู้ว่าคงมีบางเรื่องราวที่เธอเคยประสบมาแล้ว รวมเรื่องสั้นเล่มนี้สื่อให้เห็นถึงความเป็นจริง และแนวโน้มที่เหตุการณ์นั้นๆ จะเกิดขึ้น อารมณ์ของตัวหนังสือที่ถูกนำมาแต่งแต้มสีสันให้เป็นตัวละคร ที่มีชีวิต ชี้ชัดว่า เรื่องทุกเรื่องย่อมมีจุดจบ จุดจบนั้นไม่ได้หมายถึงการเสียชีวิตของตัวละครเสมอไป แต่จุดจบนั้นเป็นดั่งเรื่องร้ายที่เข้ามาก่อตัวในความเป็นชีวิต ซึ่งย่อมจบโดยการผ่านไปได้เสียทุกครั้ง เพราะเรื่องร้ายจะยังคงหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกับเรื่องดี เป็นวัฏจักรอย่างนี้เรื่อยไป ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะเผชิญกับสิ่งที่ต้องเผชิญ หนังสือเล่มนี้จะบอกกับเธอทุกคนที่กำลังจะอ่านว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเหตุ อย่ามองแต่ผล จงหาสาเหตุให้พบ แล้วเธอจะพบกับจุดจบของรวมเรื่องสั้นเล่มนี้อย่างสมบูรณ์...เยาวชนไทยพวกนั้น อยากสื่ออะไร? แล้วเธอหาได้ไหม? สิ่งที่ฉันเห็นมากกว่านั้นจากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือ กำลังใจ ซึ่งมันจะไม่สามารถถูกขุดเจอเลยถ้าเธอยังไม่ได้อ่าน หากเธอหรือใครที่กำลังสิ้นหวัง อยากให้เธอลองอ่านหนังสือเล่มนี้ บางทีเธออาจจะเห็นว่ายังมีคนที่ยืนอยู่คนละจุดของผืนโลกนี้กำลังทุกข์ใจกว่าเราก็ได้ และถ้าเมื่อใดที่เราสามารถสร้างกำลังใจ ตั้งใจ และคิดจะฝ่าฟันอะไร ไม่ว่าเป็นเรื่องยักษ์ๆ ร้อยพันที่จู่โจมเข้ามาในชีวิตเพียงใด จะเป็นไปอย่างที่วาดหวังไว้หรือไม่ ยังไงก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพราะชีวิตไม่ได้ตั้งอยู่บนเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว หนังสือเล่มนี้ได้สอนให้ฉันคิดทบทวนว่า ตัวของฉันมีชีวิตที่ต้องเจอะกับทุกสิ่งทุกอย่างต่างหาก ฉันจึงจะได้ชื่อว่าเป็น คนแกร่ง และเป็นวัยรุ่นที่รู้จัก ใช้ชีวิตให้เป็น ฉันสำรวจตัวเองว่า ฉันได้อะไรบ้างจากหนังสือเล่มนี้ เธอจะรู้ไหมว่าฉันเจออะไร... ฉันเจอเสี้ยวหนึ่งของชีวิตฉัน และเพื่อนที่ฉันรู้จัก แล้วเธอล่ะ...เธออยากเดินเข้าไปหาเสี้ยวชีวิตของเธอที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของผู้อื่นเหมือนกับฉันไหม ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อมจะยื่นหนังสือเรื่องวุ่นๆ ของวัยจ๊าบ เล่ม 1 ให้เธอ และหวังว่าเธอคงจะได้อะไรดีๆ กลับไปเช่นกัน ฉันหวังนะ...ฉันหวังว่าเธอคงเข้าใจวัยของเธอมากขึ้น และรู้จักใช้บทเรียนจากการอ่านสอนชีวิต มิใช่ จบชีวิตอย่างบางเรื่องราวในหนังสือ เอาละ! สิ่งที่ฉันอยากจะบอก จะเล่า ฉันก็ได้ทำหน้าที่เสร็จแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ครบสมบูรณ์เสียทีเดียว ถ้าเธอยังไม่ลองเปิดอ่านหนังสือที่ฉันแนะนำ หรือที่ใจเธอได้เลือกไว้แล้ว เธอจะรู้ไหม หนังสือทั้งสองเล่มที่ฉันหยิบมาบอกเธอเป็นเพียงหนึ่งในหนังสือล้านๆ เล่มจากชั้นวางหนังสือทั่วทั้งโลกเท่านั้น โลกนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน ฉันอยากให้เธอได้สร้างชั้นวางหนังสือสักเพียงหนึ่ง แล้วจงหาหนังสือเล่มใดก็ได้ เรื่องใดก็ได้ที่ชอบ ที่เธออยากเก็บมันไว้ หรืออาจจะเป็นเรื่องที่ฉันแนะนำเธอ มาวางไว้ในชั้นหนังสือของหัวใจที่เธอได้สร้างขึ้นมา เพราะชั้นหนังสือนั้นไม่ว่าจะสร้าง จะซื้อด้วยวัสดุ หรือลงทุนลงแรงไปมากเพียงใด แต่ถ้าเธอไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักเลือกหาหนังสือมาเก็บไว้ มันก็คงจะไร้ความหมายและประโยชน์ใดๆ ในมุมความคิด พยายามเข้านะ ชอบในสิ่งที่เลือก...เลือกในสิ่งที่อ่าน...อ่านในสิ่งที่ไม่ฝืน...และวันหนึ่งเธอคงได้พบกับหนังสือที่ โดนใจ เธออย่างฉันบ้างสักเล่ม ให้หนังสือเล่มที่ฉันยื่นให้เธอเป็นแรงบันดาลใจ แล้วเธอจงก้าวไป หยิบหนังสือเล่มที่เธอรัก แล้วคำว่า รักการอ่าน ก็คงไม่ยากอีกต่อไป สำหรับหัวใจของเธอทุกคน เพราะก่อนรัก เธอจะได้เปิดใจ และที่สำคัญที่สุดคือเธอจะได้รับความรู้...และรู้จักตัวตน แล้วเราคงได้พบกันอีกครั้ง...ในมุมใดมุมหนึ่งในโลกแห่งหนังสือ
| |||||||||||
|
นางสาวสุธิญา พูนเอียด เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2530 กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/7 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช อ. เมือง จ. นครศรีธรรมราช 80000 บ้านเลขที่ 196 หมู่ 6 ต. ท่าดี อ. ลานสกา จ. นครศรีธรรมราช 80230 โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ 0-7537-4378, 0-6685-6989 | |||||||||||