นายอมฤต เหรียญทอง

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย กรุงเทพฯ

เรื่อง หนังสือ...ภาพชีวิต...ภาพสังคม

เพื่อนๆ ครับ หนังสือมีคุณอเนกอนันต์ สร้างคนให้เปี่ยมล้นด้วยคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติให้มี เพราะหนังสือคือขุมทรัพย์แห่งปัญญา เปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกล ยกระดับจิตใจผู้อ่าน รวมทั้งประเทืองอารมณ์ สร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้อ่าน สำหรับผมคิดว่าหนังสือคือบันทึกทางสังคม สะท้อนภาพชีวิตและค่านิยมของสังคม ในแต่ละยุคสมัย เมื่อหนังสือทรงคุณค่าเช่นนี้... วันนี้คุณอ่านหนังสือแล้วหรือยัง?

สำหรับผมเป็นนักอ่านตัวยง หนังสือที่ผมประทับใจมากที่สุด อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ อ่าน คือ ข้างหลังภาพ และอยู่กับก๋ง ทั้งสองเล่มเป็นวรรณกรรมนวนิยายเพชรน้ำเอก โดดเด่นทั้งภาษา เนื้อเรื่องสร้างสรรค์ รวมทั้งสนุกสนานชวนติดตาม สะท้อนภาพชีวิตของคนในสังคมก่อนพุทธศักราช 2500 ที่แตกต่างกันด้วยชนชั้น คือ ข้างหลังภาพ เป็นเรื่องของชนชั้นสูง ที่ตัวละครเอกมีความงดงามทั้งด้วยกาย วาจา และใจ ส่วนอยู่กับก๋ง งดงามด้วยภาพการต่อสู้ เพื่อความอยู่รอดของชนชั้นรากหญ้า และมากมายด้วยปรัชญาชีวิต เนื้อเรื่องของนวนิยายทั้งสองเล่มอยู่เหนือกาลเวลา คือไม่ล้าสมัย อ่านเมื่อไรก็สนุกเมื่อนั้น ได้ข้อคิดที่นำมาใช้ได้กับทุกยุคสมัย มีศิลปะการแต่งขั้นเยี่ยมยอด มีการใช้ภาษาที่งดงาม ละเมียดละไม คัดสรรมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างประณีต จึงถือเป็นงานฉบับครูให้พวกเราได้ศึกษา เพื่อนๆ จะไม่เสียเวลาที่อ่าน ซึ่งผมขอแนะนำให้รู้จักแต่ละเล่ม

อมตนิยายเรื่องแรก คือ ข้างหลังภาพ ประพันธ์โดยศรีบูรพา ซึ่งเป็นนามปากกาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านแต่งเรื่องนี้ประมาณ พ.ศ. 2480 พิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาไทยมากกว่า 10 ครั้ง นอกจากนี้ยังแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ตัวละครเอกที่ถ่ายทอดภาพชีวิตของชนชั้นสูงสู่ผู้อ่านคือ ม.ร.ว. กีรติ เป็นสตรีที่มีความงดงามทั้งกิริยามารยาท และรูปโฉม เธอให้เวลากับการดูแลรักษาความงดงามอย่างดีที่สุด ครอบครัวปกป้อง และดูแล ไม่ได้มีโอกาสสมาคม หรือติดต่อกับโลกภายนอก เธอเฝ้ารอคอยชายที่สมควรแก่ความรักมาสู่ขอ ด้วยอาภัพในความรัก จนเมื่ออายุย่างเข้า 35 ปี ชายแก่พ่อม่ายอายุ 50 ปี ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต เธอเห็นว่าคงสิ้นเวลาแห่งการรอคอยชายที่ดีกว่านี้ กอปรกับเธอเป็นคนรักศิลปะ เห็นว่านี่คือโอกาสอันดีที่ออกไปสัมผัสกับโลกกว้าง จึงตอบตกลงแต่งงานกับท่านอธิการบดีและสิ่งที่เธอปรารถนาก็บังเกิดขึ้น เมื่อเจ้าคุณสามีได้พาเธอไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เหตุครั้งนี้ทำให้ ม.ร.ว. กีรติได้พบกับนพพร ชายหนุ่มรูปงามวัย 22 ปี นิสิตมหาวิทยาลัยริคเคียว ซึ่งเป็นบุตรชายเพื่อนของท่านอธิการบดี ท่านได้ขอร้องให้นพพรช่วยจัดหาที่พัก และเป็นผู้นำเที่ยวตลอดระหว่างที่พำนักในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสาวและสาวกว่าวัย กอปรกับกิริยาท่าทางที่แช่มช้อย อ่อนหวาน เป็นเหตุให้นพพรรักอย่างลุ่มหลง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปภายในขอบเขต แต่เมื่อครั้งอยู่บนเขามิตาเกะด้วยกันสองต่อสอง ที่มีธรรมชาติงดงาม นพพรได้แสดงความรักอย่างเปิดเผยรุ่มร้อนตามประสาคนหนุ่ม แต่ ม.ร.ว. กีรติมีสติดีกว่าและผ่านการอบรมขัดเกลาจิตใจมาอย่างดีงาม เธอสามารถเก็บความรู้สึกได้ดีมาก และพูดเตือนสตินพพร จนนพพรไม่อาจทราบความในใจของเธอ เมื่อสิ้นสุดกำหนดการพำนักในญี่ปุ่นของท่านอธิการบดี ทั้งคู่ต้องจากกัน นพพรยังคงลุ่มหลงในความรักจนจิตใจกระสับกระส่ายว้าวุ่น ทั้งคู่ยังคงติดต่อกันทางจดหมาย กาลเวลาผ่านไป 2 ปี ความรู้สึกของนพพรแปรเปลี่ยนไป รำลึกถึง ม.ร.ว. กีรติในฐานะเพื่อนที่ดีเท่านั้น ระหว่างนั้นเจ้าคุณอธิการบดีล้มเจ็บด้วยวัณโรค เธอซื่อสัตย์ ปรนนิบัติดูแลสามีอย่างดี เมื่อสามีจากไป เธอเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน 6 ปี วันที่นพพรเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น เหลือแต่ความรู้สึกต่อเธอในฐานะพี่สาวที่แสนดีเท่านั้น เพราะความสนใจของนพพรอยู่ที่ตำแหน่งหน้าที่การงาน และอนาคต เขายินยอมแต่งงานกับคู่หมั้นที่บิดาจัดหาให้ เมื่อแต่งงานได้ 2 เดือน นพพรได้รับทราบว่า ม.ร.ว. กีรติป่วยหนักด้วยวัณโรค และมีความประสงค์จะพบนพพร ญาติของเธอประสงค์ให้ทั้งคู่พบกัน เพื่อให้คนป่วยสงบจิตในวาระสุดท้าย เธอได้มองภาพสีน้ำมัน “มิตาเกะ” ที่เธอได้วาดขึ้นเป็นของขวัญวันแต่งงาน พร้อมคำพูดที่เป็นอมตะ เปิดเผยความในใจเป็นครั้งแรกว่า “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันอิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก” ต่อจากนั้น 7 วัน เธอเสียชีวิตอย่างสงบ

ความสนุกสนานของเรื่องเกิดจากความงามของเรื่อง ภาษา และคติชีวิต เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตาม เป็นนวนิยายที่แต่งได้สมจริง ตัวละครมีชีวิตชีวา แม้โครงเรื่องจะเป็นเรื่องของความรักระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่มต่างวัย แต่ก็มีเหตุมีผลอย่างเหมาะสมและกลมกลืน การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างมีศิลปะ เปิดเรื่องแบบแยบคาย นำเหตุการณ์ท้ายเรื่องมาขึ้นต้น โดยให้นพพรเป็นผู้เล่าเรื่องย้อนหลังทั้งหมด แล้วดำเนินไปโดยสร้างข้อขัดแย้งระหว่างตัวละครเอกเพื่อทำให้เรื่องสนุกสนานชวนติดตาม คือ ความแตกต่างทางด้านอายุและสถานภาพ การสร้างตัวละคร ใช้ภาษาบรรยายภาพตัวละครเอก คือ ม.ร.ว. กีรติจนสามารถจินตนาการภาพได้ รวมทั้งความเป็นไปในชีวิตของเธอทำให้ผู้อ่านใคร่รู้ด้วยความสงสาร และเอาใจช่วยให้เธอประสบสุขสักครั้งหนึ่งในชีวิต เธอเป็นตัวแทนของชนชั้นสูงที่สามารถควบคุมสติ อารมณ์ได้ ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ ความรักของเธอเป็นไปไม่ได้ เรื่องจึงจบอย่างจารึกอยู่ในใจผู้อ่าน คือ จบลงด้วยความตายของตัวละครเอก

อรรถรสทางภาษาที่สละสลวยงดงามยากจะหาอ่านได้จากบทประพันธ์เล่มใด ทำให้ข้าพเจ้าติดตามอ่านอย่างไม่ลดละ เป็นภาษาชั้นครูที่เราควรศึกษา เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการเขียนที่เป็นปัญหามากสำหรับเยาวชนในปัจจุบัน อาทิ

ความรักของเธอเกิดที่นั่น และก็ตายที่นั่น
แต่ของอีกคนหนึ่งยังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ

แม้จนกระทั่งขนตาอันยาวงอน และจนกระทั่งรูปสามเหลี่ยมสีแดงสดใส 3 รูป
ที่ได้วางไว้บนริมฝีปาก จนทำให้ความบางของริมฝีปากนั้นมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

รถแล่นขนานไปกับลำธารซึ่งมีน้ำใสสะอาดจนสามารถจะแลเห็นก้อนหินตะปุ่มตะป่ำอยู่ภายใต้
พื้นน้ำ อีกด้านหนึ่งของถนนเป็นเนินเขา ลำเนาไม้เขียวชอุ่มด้วยพฤกษาใหญ่น้อยหลากพรรณ

ภาพสังคม…ภาพชีวิตของข้างหลังภาพ นอกจากจะสะท้อนภาพสตรีอันสูงศักดิ์ที่ได้รับการศึกษาจากครูแหม่มที่มาสอนในบ้าน และการอบรมสั่งสอนจากวังเจ้านายแล้ว สตรีแทบจะดำรงตนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้แต่งงาน สตรีถูกกำหนดบทบาทให้สนใจทางด้านความงามเท่านั้น ดังคำพูดของ ม.ร.ว. กีรติที่ว่า “เธอจงเห็นใจฉันเถิด เราเกิดมาโดยเขากำหนดให้เป็นเครื่องประดับโลกประโลมโลก มันเป็นหน้าที่ของเรา ยิ่งกว่านั้น บางทีคุณความดีของสตรีก็ถูกมองข้ามไปเลย ถ้ามิได้มีอยู่ในความงาม” อาจกล่าวได้ว่า “นพพร” คือตัวแทนของชนชั้นกลาง ที่ใฝ่หาความรู้ เพื่อนำมาสร้างฐานะ สร้างอาชีพ และสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ตนเอง การมีสติ สามารถยับยั้งชั่งใจตนเอง ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เช่น ซื่อสัตย์ต่อสามี และความรักต่างวัย ล้วนเป็นคติชีวิตที่ดีสำหรับข้าพเจ้า ศรีบูรพาจึงเป็นสุดยอดนักประพันธ์ที่สามารถทำให้นวนิยายซึ่งเป็นเรื่องประโลมโลกเข้ามามีชีวิตโลดแล่นในใจข้าพเจ้าอย่างเปี่ยมล้นด้วยคุณค่าที่มีต่อผู้อ่านและสังคม

“ภาพชีวิต…ภาพสังคม” จะไม่ชัดเจน ถ้าขาดชีวิตของชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ การถ่ายทอดสู่ตัวละครในรูปแบบของนวนิยาย จะทำให้เนื้อเรื่องสนุกสนาน ชวนติดตาม รวมทั้งได้ปรัชญาชีวิตที่คมคายจากตัวละครนั้น สิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในนวนิยายเรื่องอยู่กับก๋ง ของหยก บูรพา ซึ่งได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นประเภทนวนิยายจากคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์หนังสือปี พ.ศ. 2520 ข้าพเจ้าจึงขอเชิญชวนเพื่อนเยาวชนทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้

“หยก บูรพา” ประพันธ์เรื่องอยู่กับก๋ง เมื่อ พ.ศ. 2519 แต่เล่าเรื่องราวย้อนหลังไปประมาณ 20 ปี นั่นคือเป็นเหตุการณ์ก่อน พ.ศ. 2500 ผู้ประพันธ์เปิดเรื่องโดยการให้ “หยก” เด็กชายตัวน้อย อายุประมาณ 12-13 ปี ได้เล่าเรื่องชีวิตของ “ก๋ง” ซึ่งมีอายุใกล้ 70 ปี ผู้ประพันธ์สร้างตัวละครตัวนี้ได้อย่างมีชีวิตชีวา ชวนติดตามอ่าน โดยกำหนดให้ “ก๋ง” เป็นตัวแทนของชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ การต่อสู้ชีวิตด้วยความมานะอดทน ความคิดที่ลุ่มลึก คำสอนที่ลึกซึ้งประดุจปรัชญาชีวิต บุคลิกที่มั่นคง อบอุ่น ทำให้ผู้อ่านกระหายใคร่จะเรียนรู้เรื่องราวของ “ก๋ง” ให้ตลอดเพื่อนำสาระมาเป็นแนวทางในการต่อสู้ชีวิต เพื่อให้เรื่องมีสีสันยิ่งขึ้น ผู้ประพันธ์ได้สร้างตัวละครอื่นๆ ให้มีเรื่องราวชีวิต หรือบุคลิกที่น่าสนใจทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องราวของ “หยก” ผู้เล่าเอง ที่เป็นหลานของ “ก๋ง” มีความน่ารัก น่าเอ็นดูมาก เป็นเด็กดีมีคุณธรรมเช่นเดียวกับ “ก๋ง” ขยันขันแข็ง ทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือ “ก๋ง” ข้าพเจ้าอ่านด้วยความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เอาใจช่วย “หยก” ให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ตัวละครเหล่านี้คือภาพชีวิต ภาพสังคม ของชนชั้นรากหญ้าที่ค้ำจุนสังคมไทย พวกเขาอาศัยอยู่ในห้องแถวแคบๆ ของตลาดอันมืดๆ ทึมๆ ในชนบทแห่งหนึ่ง ปากกัดตีนถีบ เพื่อหาเงินประทังชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกัน เช่น ครูบรรยงก์ เป็นครูที่เสียสละ ยืนหยัดบนความถูกต้อง รัก และเมตตาหยก จนในที่สุดรับอุปการะหยก ให้ได้เล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น

ภาษาที่สละสลวย บรรจงร้อยเรียงอย่างงดงาม และปรัชญาชีวิตที่แฝงอยู่ตามตัวอักษรคือเสน่ห์ที่ชวนอ่าน ยากจะหาได้จากหนังสือเล่มอื่น ข้าพเจ้าขอยกมาดังนี้

ไม่ต้องอายที่เป็นคนจน แต่ควรอายที่เป็นคนเลว เพราะความจน ความรวย เราเลือกไม่ได้
แต่ความดี ความเลวเราเลือกทำ เลือกเว้นได้

เทพเจ้าแห่งโชคดีไม่เคยเอื้อมมือมาแตะหน้าผากอวยชัยคนเกียจคร้านเลย

คนที่ไม่เป็นระเบียบ ชีวิตจะยุ่งเหยิง คนที่ไม่รักความสะอาดจะหาความสดชื่นแจ่มใสไม่ได้
และคนที่ไม่รักความสุจริต ชีวิตจะเป็นมลทิน

สำหรับข้อคิดเตือนใจที่มีคุณค่าต่อผู้อ่านอย่างมาก อาทิ การเป็นคนกตัญญูอ่อนน้อมถ่อมตน จะทำให้เป็นที่รักใคร่ เอ็นดูของผู้ใหญ่ และผู้ที่พบเห็น ความขยัน และความอดทน นำมาซึ่งความสำเร็จในชีวิต การเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีน้ำใจต่อคนอื่น จะทำให้เราอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพที่ดี และสามารถยกระดับชีวิตได้ ข้อคิดเหล่านี้ส่งผลให้สังคมสงบสุข

ภาพชีวิตที่สะท้อนจากหนังสือทั้งเล่ม ทำให้มองเห็นภาพสังคมไทยอย่างชัดเจน สังคมไทยมีความสงบสุขมาเนิ่นนาน ชนทุกชั้นอยู่อย่างร่มเย็น เป็นเพราะการดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเหมาะพอควร มีคำสอนจากบรรพชนเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจให้มีค่านิยม และพฤติกรรมที่อยู่ในกรอบแห่งจารีตประเพณีอันงดงาม ประวัติศาสตร์อาจถูกบิดเบือน หรือข้อมูลอาจผิดพลาดตามกาลเวลาที่ผันแปร แต่นวนิยายคือบันทึกชีวิตคนในสังคมที่แฝงความนัยให้ขบคิดประดุจนวนิยายทั้งสองเล่มที่ข้าพเจ้ายกมาวิเคราะห์ รอเยาวชนทุกคนได้อ่าน และพิสูจน์คุณค่า คุณจะรู้สึกสนุกจนวางไม่ลง ข้างหลังภาพ อยู่กับก๋ง ภาพชีวิต...ภาพสังคม

ผู้เขียน นายอมฤต เหรียญทอง
วัน เดือน ปีเกิด 2 มิถุนายน 2530 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทรฯ
โรงเรียน 0-2311-5185, 0-2311-1786 ต่อ 133 (หมวดวิชาภาษาไทย)
ที่อยู่ 68 ซ. ปุณณวิถี 21 ถ. สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260
โทรศัพท์ 0-2311-5211