![]()
|
![]() |
ใบเสมา ใบเสมาคืออะไร (สุจารี ด่านวชิรกุล) |
ใบเสมาคือ เครื่องหมายปักเขตอุโบสถ นิยมปักไว้รอบพระอุโบสถ ๘ ทิศ ถ้าวัดใดมีใบเสมาคู่ ถือว่าเป็นวัดหลวง ใบเสมาใบที่อยู่รอบโบสถ์นั้นมีสำคัญที่สุดอยู่ใบหนึ่ง ติดตั้งอยู่หน้าโบสถ์ เรียกว่า ใบเสมาเอก สำหรับผู้จะเข้าอุปสมบทต้องมาวันทาเสมาใบนี้ก่อนเข้าโบสถ์ ใบเสมาเอกบางวัดสลักลวดลายวิจิตรพิสดารมาก เสมามีหลายชนิด มีทั้งตั้งบนกำแพงแก้ว ตั้งอยู่ในซุ้ม หรือทำติดกับผนังพระอุโบสถด้านนอก บางแห่งก็ใช้แท่งหินจากธรรมชาติ |
|
![]() |
สมาชิกของโลก ในโลกของเรามีประเทศต่าง ๆ อยู่ทั้งหมดกี่ประเทศคะ ? (นลิณี สุธานนท์ / จ. นนทบุรี) |
จากข้อมูลล่าสุดใน
www.About.com หมวดภูมิศาสตร์ซึ่งปรับปรุงในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. ๒๐๐๐ ระบุว่าโลกของเรามีประเทศอยู่ทั้งสิ้น ๑๘๙, ๑๙๑ หรือ ๑๙๒ ประเทศ ขึ้นอยู่กับที่มาของแหล่งข้อมูลแต่ละแหล่ง องค์การสหประชาชาติซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของเกือบทุกประเทศในโลก มีสมาชิก 189 ประเทศ อย่างไรก็ตามประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนครวาติกัน ไม่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ดังนั้นจำนวนประเทศในโลกก็น่าจะเป็น ๑๙๑ ประเทศ ...แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป ไต้หวันซึ่งดูเหมือนมีคุณสมบัติครบถ้วนของประเทศเอกราช แต่ด้วยเหตุผลทางการเมือง ประเทศส่วนใหญ่ในโลก ไม่รับรองสถานภาพความเป็นประเทศของไต้หวัน แม้ไต้หวันถือว่าตนเป็นประเทศเอกราช และพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่องให้ประเทศต่าง ๆ ยอมรับรองสถานภาพของตนในองค์การสหประชาชาติ แต่ประเทศมหาอำนาจใหญ่สองประเทศคือ สหรัฐอเมริกา และจีนยังไม่มีท่าทีจะโอนอ่อนผ่อนตามเลย ถ้านับไต้หวันเป็นประเทศเช่นเดียวกับที่หนังสือ The World Almanac and Book of Facts ทำแล้วละก็ โลกของเราจะมีประเทศทั้งหมด ๑๙๒ ประเทศ นอกจากนี้ยังมีอีกสองประเทศซึ่งมุ่งสู่ความเป็นเอกราช ประเทศหนึ่งคือติมอร์ตะวันออก ซึ่งประชาชนลงคะแนนเสียงท่วมท้น ขอแยกตัวเป็นอิสระจากการปกครองของประเทศอินโดนีเซีย และถ้าการเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง สามารถดำเนินต่อไปได้ ปาเลสไตน์ก็จะได้เป็นประเทศเอกราชในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่วนแหล่งข้อมูลเช่น CIA World Fact Book ระบุจำนวนประเทศในโลก ไว้สูงกว่า ๑๙๒ มาก ทั้งนี้เพราะได้นับรวมเขตปกครองและอาณานิคม เช่น เปอร์โต ริโก เบอร์มิวดา และกรีนแลนด์ ซึ่งปกครองโดยประเทศอื่นเข้าไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้จำนวนประเทศในโลกของเราในปัจจุบันจึงมีตั้งแต่ ๑๘๙ ประเทศไปจนถึงประมาณ ๒๖๖ ประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้หลักเกณฑ์ใด และนิยามความเป็นประเทศอย่างไร |
|
![]() |
วันต้องห้าม ทำไมโบราณจึงมีข้อห้ามที่ว่า "ขึ้นบ้านวันเสาร์ เผาผีวันศุกร์ ตัดจุกวันอังคาร แต่งงานวันพุธ" (ฤทัยทิพย์ สุริยารุ่งเรือง / จ. สมุทรปราการ) |
เรื่องนี้เป็นความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์ "พลูหลวง" หรือประยูร อุลุชาฏะ ได้อธิบายไว้ว่า การห้ามเผาผีวันศุกร์นั้น คนโบราณให้เหตุผลว่า "เผาผีวันศุกร์ ให้ทุกข์คนยัง" เพราะเอาวันดีที่สุดของสัปดาห์ไปเผาผีย่อมไม่เป็นมงคล ท่านถือกันว่า วันศุกร์เป็นวันอันรื่นรมย์แจ่มใสตามลักษณะของดาวศุกร์ เหมาะจะทำงานมงคล มิใช่อวมงคล เมื่อลักษณะงานขัดกับวันก็ย่อมจะเกิดโทษ วันอังคารกับวันเสาร์ ตามคติโหราศาสตร์ถือว่าเป็นวันแข็ง ทั้งสองวันนี้จึงห้ามแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ยกเสาเอก หรือทำงานมงคลทั้งปวง เคยมีผู้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า เห็ดเมาในป่าจะบานพร้อมกัน เฉพาะวันอังคารกับวันเสาร์เท่านั้น แต่ทั้งสองวันนี้ก็มิใช่เสียประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง เพราะโบราณถือว่าเป็นวันแข็ง จึงนิยมใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เรียนอาคมต่าง ๆ ว่าเกิดประสิทธิ์ดีนัก (ขุนแผนก็ตีดาบฟ้าฟื้นในวันเสาร์สิบห้า) ส่วนวันพุธนั้น โบราณถือว่าดาวพุธเป็นดาวแห่งการรวนเร ไม่แน่นอน หากแต่งงานในวันนั้นแล้วจะอยู่ด้วยกันไม่ยืด |
|
![]() |
ทำไม มอ. ไม่ใช้ มส. ทำไมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จึงใช้อักษรย่อว่า มอ. (ธีรนัย) |
ตามปรกติอักษรย่อของมหาวิทยาลัยมักขึ้นต้นด้วย ม. ซึ่งย่อมาจาก "มหาวิทยาลัย"ตามด้วยตัวพยัญชนะตัวแรกของชื่อมหาวิทยาลัย ดังเช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้อักษรย่อว่า มธ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใช้อักษรย่อว่า มก. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้อักษรย่อว่า มช. มหาวิทยาลัยรามคำแหง ใช้อักษรย่อว่า มร. ถ้าพิจารณาตามหลักนี้ อักษรย่อของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ก็น่าจะเป็น มส. แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อครั้งมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยภาคใต้เมื่อปี ๒๕๑๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ว่า "สงขลานครินทร์" อันเป็นพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระมหิตลาธเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อครั้งได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นกรมหลวงสงขลานครินทร์ สมเด็จพระราชบิดามีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลเดช อักษรย่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จึงใช้ว่า มอ. ตามพระนาม มหิดลอดุลเดช นั่นเอง มิได้ใช้หลักการย่อเหมือนมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ขณะตอบคำถามนี้ "ซองคำถาม" เกิดสงสัยว่า แล้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยล่ะ ใช้อักษรย่อว่าอย่างไร เมื่อสอบถามจากศิษย์เก่าจึงรู้ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีอักษรย่อ อย่าถามว่าทำไม...เพราะ "ซองคำถาม" ยังไม่มีคำตอบ |
|
![]() |
ช้างกลัวหนูจริงหรือ ภาพยนตร์การ์ตูนหรือหนังสือการ์ตูน มักจะแสดงให้เห็นว่าช้างกลัวหนู อยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วช้างกลัวหนูหรือไม่ (คุณหนูกลัวช้าง / กรุงเทพฯ) |
เพราะความที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่มหึมา เราจึงอดขบขันไม่ได้เมื่อคิดว่าช้างตื่นกลัวสัตว์เล็กกะจ้อยร่อยอย่างหนู เหตุผลที่คนจำนวนมากเชื่ออย่างสนิทใจว่าเจ้าหนูตัวจ้อยทำให้ช้างกลัวได้
ก็คือจินตนาการที่ว่าหนูสามารถวิ่งเข้าไปในรูตรงปลายงวง
และทำให้ช้างสำลักหายใจไม่ออกตายได้ แต่ในความเป็นจริง ช้างไม่เคยแสดงอาการหวาดกลัวหนูเลยสักนิด บางคนอาจเคยเห็นหนูตัวเล็ก ๆวิ่งไปวิ่งมาในโรงเลี้ยงช้าง ขณะที่เจ้าสัตว์ตัวโตนี้ก็ไม่สนใจไยดีเจ้าหนูพวกนั้นแม้แต่น้อย และเนื่องจากช้างมีประสาทรับกลิ่นที่ไวมาก เราจึงไม่อาจทึกทักเอาว่ามันไม่รู้เลยว่ามีหนูอยู่ใกล้ ถ้าหนูตัวใดกล้าหาญชาญชัยพอที่จะไต่เข้าไปในงวงช้าง ก็เป็นไปได้ว่าช้างคงสูดหายใจจนเต็มปอด แล้วพ่นเจ้าหนูตัวนั้นลอยกระเด็นออกไปตกนอกกรงเป็นแน่ |
|
![]() |
ฝันของคนตาบอดเป็นอย่างไร คนตาบอดจะฝันในสิ่งที่ตนไม่เคยเห็นได้หรือไม่...สงสัยจริง ๆ จ้ะ (ณัฐิยา / กรุงเทพฯ) |
ลักษณะเรื่องราวในฝันของคนตาบอดจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลผู้นั้นตาบอดในช่วงอายุใด ถ้าตาบอดภายหลังจากอายุ ๗ ปีขึ้นไป ฝันของเขาจะเหมือนกับคนตาปรกติ-อย่างน้อยในช่วงต้น แต่สำหรับคนที่ตาพิการแต่กำเนิดหรือเริ่มตาบอดเมื่ออายุยังน้อยมาก ฝันของเขาจะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะคนตาบอดกลุ่มนี้ไม่มีความรับรู้เลยว่าการมองเห็นเป็นอย่างไร หรือไม่เขาก็ลืมไปหมดแล้ว คนตาบอดแต่กำเนิดจึงไม่เห็นอะไรเลยในฝันของเขา เขาต้องอาศัยประสาทสัมผัสส่วนที่เหลืออยู่ ฝันของเขาจึงประกอบด้วยเสียง ความรู้สึกในรูปของกลิ่น สัมผัส และรส "โครงเรื่อง" ของฝันของคนตาบอดมักไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับคนตาปรกติ โดยทั่วไปคนตาบอดจะฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน มากกว่าจะฝันถึงการขับรถไล่ล่าหรือการต่อสู้กับผู้ร้าย แต่ไม่ต้องเสียใจกับคนตาบอดหรอกนะ เพราะมีคนตาดีมากมาย ที่จำความฝันของตัวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อตื่นขึ้นจากหลับ |
|
![]() |
กาแฟ vs คอกาแฟ ผมชอบดื่มกาแฟ...คือแค่ "ชอบ" น่ะครับ ยังไม่ถึงกับติด วันไหนไม่ได้ดื่มก็ไม่รู้สึกทุรนทุรายอะไร แต่ถ้าเดินผ่านร้านกาแฟชั้นดีตามห้างสรรพสินค้า ก็ไม่อาจห้ามเท้าตัวเองไม่ให้เดินตามกลิ่นกาแฟเข้าไปในร้านได้ ทำไมกาแฟจึงจูงใจเราได้ขนาดนั้น ? (หนุ่ม / กรุงเทพฯ) |
เมื่อแรกเริ่มที่กาแฟถูกนำเข้าสู่ทวีปยุโรปในครึ่งหลังของศตวรรษที่ ๑๗ นั้น ผู้คนต่างมีความเห็นขัดแย้งกันต่อการบริโภคกาแฟ "แพทย์ผู้รู้" หลายคนฟันธงว่ากาแฟเป็นยาพิษร้ายแรงและควรห้ามดื่มเด็ดขาด แต่คนอีกส่วนหนึ่งกลับเห็นต่างและยืนยันว่า การดื่มกาแฟมีคุณประโยชน์ และโรงกาแฟ (Coffee-houses) ก็ผุดขึ้นทุกหนทุกแห่ง อันที่จริงกาแฟอาจเป็นยาพิษเมื่อให้ในปริมาณมากกับสัตว์ในห้องทดลอง และอาจก่อพิษในเด็กเล็ก แต่สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งดื่มกาแฟในปริมาณพอสมควร กาแฟย่อมไม่ใช่ยาพิษอย่างแน่นอน เม็ดกาแฟมีสารที่รู้จักกันในชื่อว่า "คาเฟอีน" ซึ่งมักรวมอยู่กับกรดในปริมาณเพียง ๑ เปอร์เซ็นต์ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าสารคาเฟอีนนี่แหละที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ต่อร่างกายของเรา แต่สารตัวอื่นในเม็ดกาแฟก็มีส่วนเช่นกัน ต่อไปนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราดื่มกาแฟ กลิ่นกาแฟสามารถกระตุ้นส่วนต่างของร่างกาย เส้นเลือดในสมองขยายตัวทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ช่วยพาความอิดโรยออกไปจากสมอง กาแฟยังเพิ่มอัตราการเต้นของชีพจร นั่นหมายถึงว่ามันช่วยกระตุ้นหัวใจ กาแฟยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลำไส้ก็ตื่นตัวจากผลของกาแฟซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ กาแฟส่งผลให้ต่อมที่เยื่อบุกระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยและกรดออกมามากขึ้น สำหรับคนสุขภาพดี ผลกระทบนี้ย่อมเป็นคุณโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก แต่สำหรับบางคน อาจเป็นโทษทำให้จุกเสียดแน่นเฟ้อ กาแฟยังช่วยร่างกายขับเกลือออกจากเลือดด้วย นอกจากนี้กาแฟยังส่งผลกระทบต่อร่างกายแตกต่างกันไป ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน ตัวอย่างเช่น กาแฟช่วงเช้าส่งผลต่อไต โดยช่วยขจัดของเสีย ซึ่งสะสมมาตลอดช่วงกลางคืนออกจากร่างกาย กาแฟหลังอาหารกลางวัน ส่งผลต่อต่อมที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร ช่วยในขบวนการย่อยอาหาร กาแฟในช่วงบ่าย ส่งผลต่อกล้ามเนื้อช่วยคลายความเมื่อยล้า ส่วนกาแฟซึ่งดื่มในช่วงเย็น ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และจินตนาการ |