แบบเรียน ๑๔ ตุลา ๑๖ (ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ)
สืบทอดหรือทำลายจิตวิญญาณเดือนตุลา 
แบบเรียน ๑๔ ตุลา ๑๖ (ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ) สืบทอดหรือทำลายจิตวิญญาณเดือนตุลา
(ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่)
กุลธิดา สามะพุทธิ : เรื่อง 
ฝ่ายภาพสารคดี : ภาพ 

    ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น และทุกคน (โดยเฉพาะ "คนเดือนตุลา") ก็น่าจะมีแต่ความชื่นชมยินดี เมื่อ อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการในช่วงปี ๒๕๓๖ มีนโยบายให้จัดทำแบบเรียน หรือหนังสืออ่านประกอบ สำหรับนักเรียนมัธยมต้น และมัธยมปลายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เช่น เรื่องเสรีไทย, เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖, เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และพฤษภาคม ๒๕๓๕
    แต่ภายใต้ความเห็นร่วม ที่ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ โดยให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงเรื่องราวในครั้งนั้น กลับมีความเห็นต่างดำรงอยู่
    ขณะที่หลายคนเห็นว่าการบรรจุประวัติศาสตร์เดือนตุลา ไว้ในหนังสือประกอบการเรียน ของกระทรวงศึกษาฯ จะทำให้เด็ก ๆ มีความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ เป็นเครื่องมือที่ดีในการสืบทอดเจตนารมณ์ / กระตุ้นความสนใจของคนรุ่นใหม่ต่อเหตุการณ์เดือนตุลา ทั้งยังแสดงให้เห็นว่ารัฐ เริ่มเปิดใจกว้างต่อการพูดถึงกรณีความขัดแย้ง ที่รัฐมีส่วนร่วมอยู่ด้วย แต่อีกหลายคนกลับหวั่นใจถึง "อันตราย" ของเหตุการณ์เดือนตุลาฉบับกระทรวงศึกษาฯ เนื่องจากกระบวนการผลิตหนังสือ ต้องผ่านการตรวจทาน / กลั่นกรองเนื้อหา จากคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งมีอำนาจที่จะให้เด็ก ๆ จำเหตุการณ์นี้อย่างที่รัฐอยากให้จำ โดยการเลือกเสนอ และไม่เสนอข้อมูลบางอย่าง และข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ย่อมมี "อำนาจ" เหนือกว่าหนังสือเล่มอื่น ๆ เพราะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ 
    ความวิตกกังวลและมุมมองที่แตกต่างว่าด้วยการทำเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาให้เป็นหนังสือเรียนเริ่มเผยตัวออกมาเรื่อย ๆ นับจากวันที่คณะกรรมการอำนวยการพัฒนาหลักสูตรของกระทรวงศึกษาฯ มีมติออกมาชัดเจนว่า "ให้จัดทำเป็นหนังสือเสริมประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย" (พฤศจิกายน ๒๕๓๖) จนกระทั่งถึงวันที่กรมวิชาการจัดระดมความคิดเห็นครั้งใหญ่เกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหา และโครงสร้างของหนังสือเรื่องเสรีไทยและเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ที่จังหวัดขอนแก่น (กรกฎาคม ๒๕๓๗) ซึ่งนักประวัติศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ได้ตกลงร่วมกันในครั้งนั้นว่าให้กวี เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นผู้เขียนหนังสืออ่านประกอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมต้น 
    ความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้เห็นได้จากการที่ ธรรมเกียรติ กันอริ หนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์เดือนตุลา รับจะเป็นผู้เขียนหนังสือเรียนสำหรับชั้นมัธยมปลาย แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจเพราะ "ไม่ประสงค์จะยอมจำนนกับวัฒนธรรมประนีประนอมอย่างราชการ ระแวดระวังไม่กล้า 'ขัดแย้ง' จนเกินไป อีกทั้งยังยากที่จะเขียนเรื่องราวว่าด้วยความขัดแย้งใหญ่ในประเทศอย่างกรณี ๑๔ ตุลาคมโดยไม่ให้ขัดแย้ง อีกทั้งข้อมูล ความเห็นที่จะนำมาให้ผู้เรียนได้ไตร่ตรองเองให้ครบถ้วน รอบด้านทุกฝ่ายก็กระทำได้ยากยิ่ง" (อ้างจาก อภัยวิถี ของ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์) 
    และเมื่อต้นฉบับร่างของหนังสือเสริมประสบการณ์เรื่อง เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่เขียนโดยเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ถูกนำเข้าสู่การตรวจพิจารณาของคณะกรรมการฯ สามท่านที่กระทรวงศึกษาฯ แต่งตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๒ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ หนึ่งในกรรมการ (อีกสองท่านคือ ศรีศักร วัลลิโภดม และ สุวิทย์ ยอดมณี) ก็วิจารณ์ว่าแม้สิ่งที่เนาวรัตน์เขียนจะมีความโดดเด่นด้านวรรณศิลป์ แต่ก็มีข้อด้อย ในแง่ของความเป็นหนังสือเรียน ด้านประวัติศาสตร์ เนื่องจากใช้หลักฐานและข้อมูลทางประวัติศาสตร์น้อยมาก, เรียงลำดับเหตุการณ์สับสน และมีปัญหาเรื่องความถูกต้องของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ซึ่งต่อมาเนาวรัตน์ได้ปรับปรุงแก้ไข ตามข้อเสนอแนะ ของกรรมการเรียบร้อยแล้ว 
    มุมมองที่แตกต่างเหล่านี้คงไม่มีผลต่อการ "มี" หรือ "ไม่มี" หนังสือเล่มดังกล่าวอีกแล้ว เพราะขณะนี้กรมวิชาการกำลังจะตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจหนังสือ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ระดับมัธยมศึกษาอีกรอบหนึ่ง โดยคาดว่าเด็ก ๆ น่าจะได้ใช้หนังสือเล่มนี้ในปีการศึกษาหน้า 
    แต่อย่างน้อยความเห็นต่าง ๆ ที่มีก็ช่วยให้เรารู้ว่าควร "ใช้" หนังสือเล่มนี้อย่างไร 

ร่วมแสดงความคิดเห็น สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
คลิกที่นี่


อ่านสนับสนุนต่อ คลิกที่นี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ผู้เขียนหนังสือ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ (ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ) 
อ่านคัดค้านต่อ คลิกที่นี่ ดร. เกษียร เตชะพีระ์
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ส นั บ ส นุ น    คั ด ค้ า น  
  • แม้จะได้รับการรับรอง ว่าเป็นหนังสือ ของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ก็ถูกใช้เป็นเพียง หนังสืออ่านประกอบ ที่ให้ข้อมูลเบื้องต้น และ กระตุ้นความสนใจของเด็กเท่านั้น จึงไม่น่าจะมีอำนาจ เหนือกว่าหนังสือเกี่ยวกับ ๑๔ ตุลาเล่มอื่น ๆ แต่อย่างใด 
  • หนังสือของกระทรวงศึกษาฯ เล่มนี้ไม่ใช่แบบเรียนประวัติศาสตร์ เนื้อหาจึงเบา และไม่กระทบกระเทือนฝ่ายไหน
  • เป็นเรื่องน่ายินดี ที่กระทรวงศึกษาฯ เปิดโอกาสให้มีการเขียนหนังสือ เกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา การทำหนังสือเล่มนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ ดีกว่าไม่ทำเลย 
  • ตำราเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๑๖ ของกระทรวงศึกษาฯ จะมีความเป็นทางการ และอำนาจเหนือกว่าเวอร์ชั่น / ฉบับอื่น ๆ 
  • กระทรวงศึกษาฯ อาจทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะต้องการให้เด็ก ๆ จดจำเหตุการณ์นี้ อย่างที่รัฐอยากให้จำ 
  • การเขียนขึ้นเป็นหนังสือเรียน โดยผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง ของกระทรวงศึกษาฯ ทำให้มีการชำระประวัติศาสตร์บางส่วน ซึ่งมีความสำคัญ และน่าสนใจทิ้งไป 
อ่านฝ่ายสนับสนุน คลิกที่นี่
click here
อ่านฝ่ายคัดค้าน คลิกที่นี่ 
click here
กลับไปหน้า สารบัญ

แล้วคุณล่ะ สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
.ต้องการ แสดงความคิดเห็นเพิ่ม คลิกที่นี่


แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เ พิ่ ม เ ติ ม

ชื่อ-สกุล: *
E-Mail:
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม: *
*

 

พบเห็น ข้อความไม่เหมาะสม กรุณาช่วยกันแจ้ง ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster) ขอบคุณครับ

Let's start! I glad that we'll have a book about October events in the curriculum.
It's tai
- Sunday, January 26, 2003 at 02:50:26 (EST)

คำถามตอบการคำตอบด่วน "อยากทราบว่านักศึกษาต้องเข้าไปในป่าเพราะเหตุ ตอบละเอียดหน่อยนะคะ" ขอบคุณคะ
ประธาน <outlook@hunsa.com.>
- Tuesday, May 07, 2002 at 22:31:47 (EDT)

สนุบสนุนเพราะเป็นเรื่องที่ควรรู้
บรัตม์ <warat1988@thaimail>
- Tuesday, October 09, 2001 at 07:11:33 (EDT)

"บรรพบุรุษของไทยแต่โบราญ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเย้า เสีนเลือดเสีนเนื้อไม่ใช่เบาหน้าที่เรารักษาสืบไป" คิดว่าทุกคนคงรู้จักเพลงนี้ดีนะครับ ผมในฐานะพที่ไม่ได้อย฿่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมัยที่ผ่านมาแต่ก็ได้รู้เรื่องราวเหล่านั้นมาพอสมควร...แต่ไม่ได้มากนัก แล้วเมื่อมีหนังสือแบบเรียนที่จะบอกให้ชนรุ่นหลังได้ทราบถึงวีรกรรมที่เกิดขึ้นในเวลานั้นทำไมต้องมีการคัดค้านกัน ทำไม....หรือกลัวว่าชนรุ่นหลังจะรู้มากเกินไป
panya <panya.pyk@thaimail.com>
- Wednesday, September 19, 2001 at 00:25:28 (EDT)

it"s time for our next gennerration to know all about this,why our young people know so little about their past,i feel so sad when i ask to-day youngster about this and they do not know about it at all,we must learn our past , and know our roots.
chaodee thowaiyakul <tui12panna@hotmail.com>
- Tuesday, June 19, 2001 at 08:15:20 (EDT)

อยากให้มีแต่ให้ถูกต้องตามความจริงอย่าบิดเบือน
สุพจน์ แก้วมาก < supot1973@yaho.com>
- Friday, June 15, 2001 at 05:59:39 (EDT)

ผมต้องการถามว่าคณะกรรมการกระทรวงศึกษาธิการที่จะทำเอกสารนี้ขึ้นมา มีความรู้เรื่องปูมหลังของเหตุการณ์นี้หรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับ ประชาชนชาวไทย ถ้าหากใตรอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นจะทราบดีว่า พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการอะไร ถ้าหากพรรคฯ ได้รับชัยชนะล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับคนไทยทั้งประเทศ ก็ขอให้เอกสารนี้เป็นเพียงแนวทางประดับความรู้ให้ชนรุ่นหลังทรราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะบรรจุเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย แล้วมีใครบ้างล่ะที่จะคิดถึงผู้ที่ต่อสู้เพื่อปกป้อง ประเทศไทยในยามนั้น ทั้งพลเรือน,ตำรวจทหารที่พลีชีพในการปกป้องประเทศชาติไม่เคยมีใตรคิดเลยบ้างว่าจะทำเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยบ้างครับ ,
อริสรา ดำรงไทย <ssoces.usa.net>
- Saturday, June 09, 2001 at 22:53:02 (EDT)

ไม่เห็นด้วยกับที่จะทำเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ เพราะมีเหตุผลทางด้านการเมืองเข้ามาประกอบ เป็นการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ถ้าหาก เดือน ต.ค.16 พลิกผันพรรคคอมมิวนิสต์สามารถยึดครองตามแผนยุทธศาสตร์สาที่วางไว้ มีหรือประเทศไทยจะดำรงค์คงอยู่จนถึงทุกวันนี้ แล้วเหล่าทหาร,ตำรวจ,พลเรือน องค์กรขอ'รัฐบาลที่คอยปกป้องล่ะ ทำไม่เขียนลงเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ด้วย อย่าพยายามบิดเบือนความจริงที่ปรากฎว่าอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังของ 14 ต.ค.16 ควรยุติเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ควรเขียนเป็นบทเรียนที่ได้รับในอดีตของคนไทยทั้งประเทศ
arisara dumrongtai <sccoes@usa.net>
- Saturday, June 09, 2001 at 22:37:54 (EDT)

คณะกรรมการตรวจข้อเขียนมีดรสุวิทย์ ยอดมณีลูกเขยทรราชถนอม กิติขจรอยู่ด้วยเป็นการถูกต้องแล้วหรือ
นที
- Saturday, May 12, 2001 at 10:41:54 (EDT)

I agree with the opponent. I don't think we can expect our children to understand all the events of Oct 2519 from only one book. Only tell the children that the important of such revolution is enough. If the children want to know more, he will do. Let think about the time when you are in Highschool, what do you feel when you have to read the book such as LiLit TaLangPAi. or Ra Den Run Dai... I believe that only small part love that book. But let compare with the book like LongPai-Noi Inttanon...how you feel?
MonoaT
- Friday, May 04, 2001 at 20:01:14 (EDT)

นิตยสารสารคดีเป็นนิตยสาร"สารคดี"ที่ดีที่สุดในเมืองไทย และรูปแบบรูปเล่มไหม่ สวยมากค่ะและดูมีระเบียบและสร้างสรรค์กว่าเดิมมาก ขอให้หนังสือดียิ่งๆ ขึ้นไปน่ะค่ะ
อตินุช แท่นปาน <zeyahio@hotmail.com>
- Thursday, May 03, 2001 at 07:45:08 (EDT)

ตามความคิดเห็นผมสนับสนุนให้มีการบรรจุลงในแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการครับแต่เป็นในลักษณะของการเล่าเนื้อหาแบบคร่าวๆอ่อนๆเท่านั้นก็พอ สาเหตุก็อย่างที่ ดร.เกษร ลงความเห็นล่ะครับว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งกันสูง แต่ถ้าเราไม่ลงในหลักสูตร เด็กรุ่นหลังก็จะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นการเสียหายมากกว่า อย่างน้อยการลงหลักสูตรนี้ขอให้คิดซะว่าเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากรู้แล้วก็ศึกษากันเอาเองมากกว่าที่จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องครบถ้วยสำหรับนำไปอ้างอิงครับ ซึ่งเราน่าจะมีการชี้แจงลงในหนังสือแบบเรียนให้นักเรียนเข้าใจ
นายวสุ โกยศิริพงศ์ <ัyokkui@thailand.com>
- Tuesday, May 01, 2001 at 13:32:24 (EDT)

ถ้าเป็นการเสนอความจริงโดยไม่มีการบิดเบือนให้กับเด็กรุ่นหลังได้รับรู้ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ
kalumpok <hana_12@thailand.com>
- Sunday, April 22, 2001 at 13:15:30 (EDT)

สนับสนุนครับ เพียงแต่ขอให้เขียนโดยไม่มีอคติ
hk
- Monday, April 16, 2001 at 14:00:16 (EDT)

It would be good to have 14 October event in school curriculum but it should be based on the real situation, not the government version. On the other hand, it may encourage people who were in the situation write books about it. This may lead people to find out what really happened. I just wonder, why people let Thanom, Prapart and Narong got back to country without put on trial?
Pricha Petlueng <petlueng@loxinfo.co.th>
- Tuesday, April 10, 2001 at 12:05:14 (EDT)

รัฐอยากทำอะไรก็ควรตามใจรัฐมั่ง เด็กไทยไม่ได้โง่ มีวิจารณญาณทุกคน วิชาการสั่งสอนกันได้ด้วยปากของพ่อแม่ ตรากระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มีอิทธิพลเหนือเด็กเสมอไป
michael leahai <446786>
- Sunday, April 01, 2001 at 10:23:28 (EDT)

I am not sure if anyone REALLY know and understand what happened on October 14. The same can be said about the May 1992 events. One thing is sure: those events resulted from wrong-doings on ALL parties involved. It was just a matter of bad situation getting out-of-control; nothing more. So, whatever we do, please STOP idolizing on either the protestors or the military !!!
Poompat Sivara <poompat@7eleven.co.th>
- Sunday, March 18, 2001 at 23:45:16 (EST)

คนที่เขียนหนังสือเหตุการณ์ 14 ตุลา ย่อมใช้ความเป็นกวีในการบิดเบีอนความจริงเพราะนักเขียนต้องเขียนตามความต้องการของผู้อ่าน บังเอินผู้อ่านคือ กลุ่ม ที่ใช้สัตว์มีเขาแทนชื่อกลุ่ม หาความชอบธรรมเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันด้วยเพลงปลุกใจ ที่เขียนบิดเบือน
thong <nog@se-ed.net>
- Thursday, March 15, 2001 at 01:07:53 (EST)

เห็นด้วย เพราะเด็กรุ่นหลังๆ (รวมทั้งตัวเองด้วย) ไม่ค่อยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลายๆอย่างในอดิต ไม่เคยรู้สึกว่าก่อนจะมาประชาธิปไตยอย่างทุกวันนี้ เราต้องแลกกับอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ก็ถูกให้เรียนแบบท่องจำ ไม่เคยเข้าใจ รู้อะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น หรือที่มาที่ไป บางสิ่งก็บอกว่ามันเป็นประวัติศาตร์ ก็ถูกบันทึกลงสมองไปแบบนั้น (แต่อาจจะถูกบิดเบือนก็ได้) เพราะคนไทยไม่ค่อยยอมให้วิพากวิจารณ์ ประวัติศาสตร์ เหมือนว่าเขาเขียนมาอย่างไร ก็ให้ท่องจำไปแบบนั้น
พัชรินทร์ <poohlovely@hotmail.com>
- Saturday, March 03, 2001 at 13:44:28 (EST)

การนำเหตุการณ์การที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์14ตุลา พฤษภาทมิฬนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพราะเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนและนักศึกษาได้มีความรักประชาธิปไตยและการที่คนรุ่นหลังได้ช่วยกันรักษาประชาธิปไตยด้วยเลือดและความรักชาติ
สันติ
- Saturday, February 24, 2001 at 01:30:58 (EST)

I agree. I think Thai students are interested in history and general knowledge less than other countries'students. It's very important to know what happened in our country.
Student <eejas@hotmail.com>
- Friday, February 16, 2001 at 17:42:56 (EST)

เป็นเรื่องที่ดีในการที่จะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาให้คนรุ่นหลังแต่ต้องเสนอข้อเท็จริงทั้งหมดไม่ใช่เพื่อให้เกิดความโกรธแค้นผู้มีอำนาจในขณะนั้นแต่เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่เป็นอย่างที่อดีตเคยผิดพลาดมา
สัจจวัฒน์ กิจชัยสกุลฤทธิ์ <waro@thaimail.com>
- Tuesday, February 06, 2001 at 11:40:27 (EST)

It's been a long time to make someone to realize that history is important, espacially from government people. Since I was a child from Ayutthaya, I always wondered why I couln't find any kind of information about my kings in deeper details. There were no books about that to read. No records to identify. Later, when I was in high scool in Bangkok, fifteen years ago, Ihad another question again. This time it was about the mystery of October of 1973. Again, there was nothing to read until my father handed me a very very old book. I couldn't believe what I saw in that book. It was thousands of pictures from that day in the city of angel. It was so violent, so cruel, and unbelievable. I realized that this might be the reason that why nobody in my generation wanted to talk about that event, because there was nobody had seen those picture like I did. Nobody knows anything about it and will never know. However, today, I am studying in the U.S. I am amazed about what this country teaches its students. Everything!! And because of that, they grow up loving their country. They know what has happened or will not happen again. They learned from their mistakes but we don't. They know every detail, but we don't. They remember every detail, but we forget. The question is when if not now. Start today. You might just open the eyes of death peoplefor just telling the truth or having tears in your eyes while you live a lie. I am absolutely supportive to what the next generation will be learning. I still believe that we do have many smart people who are smart enough to write one true thing for us, for Thai people. We don't want to lie, do we?
itthi metanee <imetanee@hotmail.com>
- Monday, February 05, 2001 at 03:13:06 (EST)

โดยส่วนตัวเป็นอดึนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หากมีการนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้เด็กอนุชนรุ่นหลังรู้เรื่องอย่างแท้จริง จะดีมาก แต่ปัจจุบัน ผู้มีอำนาจไม่อาจฝืนกระแสพลังประชาชนได้ จึงอนุญาตให้นำบางส่วนมาเผยแพร่ โดยตัวดร สุวิทย์ ยอดมณี เป็นผู้มีความเกี่ยวข้อง ไม่น่าจะได้เป็นกรรมการ เพราะเป็นคู่สมรสของตระกูลกิตติขจร การนำข้อเท็จจริงอย่างแท้จริงมาตรวจสอบโดยบุคคลผู้เสียประโยชน์ย่อมไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ดี ก๊ยังดีเสียกว่าไม่มีการเผยแพร่ ประชาชนชาวไทยให้อภัยความผิดใหญ่หลวงได้ง่ายเกินไป จนคนเหล่านั้นไม่สำนึกในความไม่ถูกต้องเสียแล้ว ลอยนวลในงานสังคม เป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างยิ่ง มีการทำหนังสือบิดเบือนประวัติศาสตร์จากฝ่ายที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆที่ตัวเป็นผู้ก่อ อธิบายเรื่องราวอย่างไม่ถูกต้อง ผู้อ่านอาจจะเข้าใจผิดได้ ปัจจุบันนี้มีหลายคนอ่านและเข้าใจผิดเช่นนั้นไปมากแล้วเช่นกัน สมควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
นักเรียนกฎหมายอังกฤษ
- Saturday, January 27, 2001 at 19:49:16 (EST)

เรื่องนี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง ไม่น่าให้อภัย เป็นความเสียหายระดับแผ่นดินที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เกิดจากคนไม่กี่ตระกูลที่ต้องการสืบสานอำนาจ เพื่อมิให้ตระกูลเหล่านี้ได้บิดเบือนประวัติศาสตร์ ควรมีการบันทึกเพื่อเตือนจิตใจอนุชนรุ่นหลังว่าพวกนี้มีหนี้เลือดยังมิได้ชดใช้ เป็น "ทรราชย์" ที่ยังลอยนวลอยู่
ย ยักษ์
- Wednesday, January 24, 2001 at 05:20:41 (EST)

เห็นด้วย เนื่องจาก เราอาจประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ต่างๆทั้งภายในและต่างประเทศ ตามแบบเรียน มากี่เรื่อง โดยที่เราไม่ได้เกิด และ ใช้ชีวิตอยู่ในยุคดังกล่าว แสดงว่าทั้งหมด มันใช้ไม่ได้ หรือไม่ และถ้าเราสนใจ 14 ตุลา จริง ย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็กของคุณ ซิว่า คุณจะหาหนังสือนอกตำรา มาอ่านประกอบบ้างไม่ได้เชียวหรือ
แมคกี้ มหาชน
- Tuesday, January 23, 2001 at 13:37:18 (EST)

เห็นด้วยว่าควรจะมีนะครับ โดยให้ผู้ทรงคุณวุฒิท่านใดก็ได้เขียนออกมาเป็น version 1 แล้วถ้าไผู้ใดไม่เห็นด้วยในส่วนไหนก็ออกมาแถลง ทีนี้เราก็จะได้ version 2 ที่สมบูรณ์กว่า version 1 ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เราก็จะได้ version สุดท้ายที่เป็นประวัติศาสตร์ชนิดที่เรียกได้ว่าถูกต้องและสมบูรณ์จากบุคคลทุกกลุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์
ชลธิศ เดียวประเสริฐ
- Thursday, January 18, 2001 at 07:27:06 (EST)

ถ้าหากว่า ข้อมูลที่จะจัดทำเป็นแบบเรียนนั้นไม่สามารถเปิดเผยถึง "ข้อขัดแย้งที่แท้จริง" จนทำให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ฯลฯ ก็ไม่ควรนำมาเป็นบทเรียน ท่องจำ สำหรับนักเรียน นักศึกษา เพราะว่ามันไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงไม่ควรเรียนให้เปลืองสมอง
yimm
- Monday, January 15, 2001 at 02:18:10 (EST)

เห็นด้วย
รัตติกาล พรสิริภร <rattiganp@hotmail.com>
- Saturday, January 13, 2001 at 03:04:13 (EST)

ไม่เห็นด้วย ถ้าให้ผ่านการตรวจสอบ ตัด เติม หรือเสริมแต่งโดยรัฐหรือกระทรวงศึกษาธิการ
จันทกานต์ เพชรเครือ
- Tuesday, January 09, 2001 at 05:02:53 (EST)

ตุลาคมคือหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยเยาวชนรุ่นหลังมีสิทธิที่จะได้รับความรู้การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในยุคนั้น กระทรวงฯน่าจะมองเห็นคุณค่าให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนมีสิทธิ ที่จะคิดและหวงแหนประชาธิปไตย น่าจะส่งเสริมมากกว่าขัดแย้ง
จุรีรัตน์ ลิ้มโชคพานิช <indyart@hotmail.com>
- Monday, January 08, 2001 at 13:39:35 (EST)

สมควรที่จะทำเป็นแบบเรียน แต่เนื้อหาที่นำเสนอควรที่จะเป็นกลาง ไม่ควรมีเนือ้หาที่สนุบสนุน หรือ ส่งเสริมให้มีพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม เช่นให้มีการต่อต้านครับ
ศักดิ์ชัย พนมศักดิ์ <sakchai_27@thailand.com>
- Sunday, January 07, 2001 at 21:28:01 (EST)

เรื่องเหตุการณ์ 14 ตุลานี้ดิฉันเห็นว่าควรนำมาเผยแพร่ให้นักเรียนนักศึกษาได้มีความเข้าใจมากขึ้น อาจเป็นเอกสารหรือหนังสือนอกเวลาที่เป็นเพียงตัวชี้นำหรือจุดความสนใจเท่านั้น ไม่ควรให้เป็นวิชาที่ต้องเรียน ต้องท่องจำ เพราะการที่เป็นการบังคับให้นักเรียนอ่าน หรือให้คาวมสนใจ อาจทำให้นักเรียนท่องจำเรื่องราวในหนังสือซึ่งจริงๆแล้วเราสรุปไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันถูกหรือผิดสำหรับฝ่ายไหน และในความเป็นจริงแล้ว กระทรวงฯก็ย่อมไม่สามารถเปิดเผยความจริงทั้งหมดได้ ดังนั้น จึงควรเรียบเรียงเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในลักษณะเป็นโครงร่างให้นักเรียนได้มีความสนใจมากขึ้น ไม่ทิ้งไปจากความทรงจำในปัจจุบัน เพราะมันเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก นอกจากนั้น ควรมีสื่อและเรื่องราวต่างๆของเอกชนที่นำเสนอในแง่มุมต่างๆอย่างอิสระเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเสริมที่เป็นความจริงในดุลยพินิจของผู้เขียนแต่ละคน ส่วนความเข้าใจและความคิดเห็นนั้นย่อมเป็นอิสระของผู้อ่านที่จะใช้วิจารณญาณอยู่แล้ว เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปลูกฝังให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจและสามารถนำไปคิดพิจารณาได้โดยมีข้อมูลที่ไม่ถูกจำกัดในความควบคุมของหน่วยงานใด
นางสาวณัฐภรณ์ เพ็งกุล <ka_polo@yahoo.com>
- Saturday, January 06, 2001 at 01:55:24 (EST)

เห็นด้วยกับกระทรวงศึกษา ที่จะนำเหตุการณ์14 ตุลา 16 มาเป็นแบบเรียน เพราะเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์ เป็นวิชาประวัติศาสตร์นักประวัติศาตร์หรือนักวิชาการทีจะมาเขียนต้องมีความเป็นกลางในทางวิชาการเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ถูกต้อง นักประวัติศาสตร์เป็นผุทำหน้าที่ เสนอเรื่องราวทางประวัตฺศาสตร์แก่สาธารณชน ถ้าหากมีการบันทึกเป็นแบบเรียนให้นักเรียนเรียนกันจริงๆ จะทำให้ทัศนคติของผู้เรียน ที่มีต่อวิชาประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างมาก
สุทธิวราราม <taia@i-kool.com>
- Thursday, January 04, 2001 at 23:02:11 (EST)

Sorry, I don't have a Thai editor program installed in my machine and I'm oversea, left Thailand longer than 10 years. I heard about this story and a bit concern because I believe there are a lot of things that more interesting to do than just learning about something so violence and it is so useless. Why??? In Thailand, there is enought roughly things, ust for now all the children at high school or just primary school they all gone out of track, they lose control, they don't have a good life platform to learn. They went to drug, movies and all of them just about killing, non-sense... VDO games... I think if people for especially the kids, if they absorb more about art, they will have a very good character development. if the reasone to have this book just only for memory, I think please forget it. because I believe onething, the beautiful world, beautiful surrounding that would help people's mind calm and peace, then they will develop all the good thing for their life. since someone read this book, and if they have a very strong opinion in a wrong way that you cannot predict, they will causing themself with unbalance in their mind and may have an imagination full of hatefull. why do you want to give a people hateful for? why don't you give them a nice word a nice wish.... something that you should forget, I means not to forget but should leave it with the natural, ou can make a film or any article and placed it in the library or anywhere, when somebody interesting in it, they will pick it up and learn it. because I believe no one likes non-present things. I know about 14 of october, I know about a black of May, I left it behind, I will share it to my kids in the future, but I won't tell them if they are not interest in it. I don't want you created thing and think like, the children should should know, this is a history.... it is not, but yes, it is a history but history is just like I went to a bathroom and I brething there, means nothing!!! you should make a history resource, where everybody can search for information, make it inteesting by put it in the righ place is better than attemping to give away, because I think people who learn the history without a good spiritual, they may use that knowledge to extending by their experiences and mixed them up to build their character in a wrong way. I said that because I remember when I was young, just an easy sample, when a boy from RAMKAMHAENG Uni I forgot the name but his surname is Klingsheur, the first name sould be Tarakorn, who burn himself just for protest General Chatichai Shunahawana... I feel like I want to get up anf fight, but... because I's oversea and I thought that boy is not smart, that not the right way to do, he just like a stuborn infant or kid who when cannot have the thing they want, they just protesting... and I think he just build up his own emotion, that's not the give for the nation but that just protest. I wouldn't say and I'm not say he just want to turn popular... but he just build up his emotion. the one row the boat across a strong river, one sit on the shore and not happy with the one rowing and shouting to him, be quickly, you stupid!!! I gonna go, you are too slow. that was the one on the shore said... he didn't and couldn't touch the one on the river's heart... how's he feel... how panicky he is... how sad he face... yes everybody want to achieve, but we learnt in the different experiences. don't try to teach the children the bad thing or the sad thing, let them only see the flower is better than let them know how they prepared a chicken for your dinner, believe me... you've hidden everything from people, no cigarette ads allowance, no smoking on the films... that just non-sense but you did, and why could you think you should hide them from the people... but you gonna show them the story abot Thai killed Thai and they gonna hate something that they never ever know the thruth, but imagine from your book. good luck Thai children!!!!!!!! I'll back my home one day, because I love Thailand
lloyd <l_re@hotmail.com>
- Thursday, January 04, 2001 at 07:23:26 (EST)

เห็นด้วยที่เราน่าจะจัดเนื้อหาเกี่ยวกับ 14 ตุลาคม ให้กับเด็กร่นหลังได้รับร็ โดยส่วนตัวแล้วดิฉันก็เป็นคนรุ่นหนึ่งที่ไม้ร็เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณรื่องนี้ เลย หรื่อร้น้อยมาก อย่างไรก็ตามอยากให้การนำเสนอควรเป็นแบบตรงไปตรงมามากกว่า คือไม่ใชเป็นแบบนิยาย ซิ่งอาจทำให้คนอ่านสับสน และก็อยากขอบคุณทุกๆคนที่มีโอกาส เห้นความสำคัญ ริเริ่ม ความคิดดี ให้กับคนรุ่นหลัง แม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ขอบคุณคะ
อมรรัตน์ <ngawyth@yahoo.com>
- Sunday, December 31, 2000 at 10:45:00 (EST)

ถ้าการทำแบบเรียนนี้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรง ไปตรงมาคงเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ในความเป็นจริงยากที่จะหาคนที่เขียน ออกมาแล้วไม่เอนเอียงเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่าย ใดได้อยาก ต้องให้เด็กได้เห็นความจริงจากทั้ง สองฝ่าย อย่างถูกต้องที่สุด อย่าได้ทำการล้างสมองเด็กเหมือนกับที่กรม พระยาดำรงราชานุภาพ ทำกับคนรุ่นของผม เลย สร้างประวัติศาสตร์เท็จขึ้นมาเพื่อให้คน หลงผิด ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติ และชนชาติ ตอนนี้หากเขียนตำราออกมาบิดเบือนอีก คงเกิดความฝังใจ โกรธเคืองขัดแย้งกันเองในประเทศ ขอให้พิจารณาให้ดี ขอให้ถูกต้อง ตรงไป ตรงมา ตามที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ อย่าได้พยายามใส่ความเห็นชี้นำมาให้ มากนัก ขอบคุณครับ
จักรกฤษณ์ ใจมั่น <chakkritj@yahoo.com>
- Friday, December 29, 2000 at 14:59:02 (EST)

ผมว่ามันก็ดีนะครับ เพราะเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เนี่ย เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ มันก็เหมือนกับให้เรียนประวัติศาสตร์ไทญนั่นแหละครับ เพียงแต่ว่ามันจะมีประโยชน์มากน้อย ดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ต้องอยู่ที่ทางกระทรวงฯ และผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วย ถ้าไม่ได้ใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงหรือมีการบิดเบือนข้อมูลไป ผมว่าก็อย่าทำจะดีกว่าครับ มันจะเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ แถมอาจยังเป็นการใช้อำนาจจากคนในรัฐ เพื่อที่จะให้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกอย่างนะครับ ผมว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ตอนนี้เนี่ยมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เด็กแม้แต่น้อย ลองทำโพลดูก็ได้นะครับ ว่า สมมติว่ามีสงครามขึ้นมาเนี่ย แล้วต้องการอาสาสมัครไปรบ จะมีคนไปสักเท่าไร เรื่องนี้นะครับผมเห็นว่าไทยเราไม่มีความเป็นชาตินิยมแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะ สิ่งที่ได้ให้กับเด็กนั้นมันไกลตัวเกินไป มันจึงทำให้ไม่เห็นภาพ ถ้าใช้หนงสือเล่มนี้แล้วถ้าทำออกมาตามความจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์จริงๆ ก็จะดีมากครับเพราะมันค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่ใกล้ มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนพอสมควร มีสื่อพร้อมแทบทุกด้าน สิ่งนี้แหละครับก็อาจจะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงให้เรามีความเป็นชาตินิยมมากขึ้นก็เป็นได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้สอน ผู้จัดทำหนังสือ และกระทรวงฯ ด้วยนะครับ
ปปsdfdfdg
- Friday, December 29, 2000 at 11:22:59 (EST)

เมื่อเรากำลังปฏิรูปการศึกษาให้เด็กไทย รู้จักการค้นคว้าด้วยตนเอง เลิกระบบการสอนแบบท่องจำ การพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งก็ไม่น่าจะเป็นการชักจูง ถ้ากลัวคุณก็พิมพ์ชื่อหนังสือที่เกี่ยวข้องให้พวกเขาสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากหลายๆด้าน และตัดสินใจได้ด้วยสติปัญญาของตนเอง ว่าจะเชื่อในสื่อใด !
ชล <cholchang@chaiyo.com>
- Thursday, December 28, 2000 at 11:46:38 (EST)

i agree
tam <touch@hotmail.com>
- Wednesday, December 27, 2000 at 11:02:25 (EST)

ถ้ารายละเอียดและเนื้อหาของหนังสือที่ทำขึ้นมาเป็นเนื้อหาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในกรณี๑๔ตุลาคม๒๕๑๖, ๖ตุลาคม๒๕๑๙ และพฤษภาทมิฬ ก็สมควรนำมาเป็นหนังสือประกอบการเรียน
ปริญญา มามณี <sahmhok@ksc.th.com>
- Wednesday, December 27, 2000 at 04:01:07 (EST)

ถ้าหากว่าจะทำจริงก็น่าจะทำตั้งนานแล้วสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อทำแล้วถ้ามีคนท้วงติงข้อมูลว่าไม่ถูกต้องโดยมีเอกสารหรือข้อมูลที่พิสูจน์ได้ว่าอันไหนถูกต้องกว่าก็ต้องใจกว้างพอที่จะรับคำท้วงติงนั้นๆและแก้ไขให้ถูกต้องด้วย
ลาวัลย์ ต้นธงชัย <tonthongchai@hotmail.com>
- Tuesday, December 26, 2000 at 03:15:18 (EST)

ยังไงก็อยากให้คนรุ่นหลังรู้เรื่องบ้าง จะได้มีความคิดว่าคนเหมือนทำอะไรคนรุ่นนี้ ควรจะทำอะไรต่อ
แทนไท พลอยสุวรรณ์ <thanthai65@hotmail.com>
- Monday, December 25, 2000 at 00:52:55 (EST)

สนับสนุนl
สุเมธ เสรีรัตนชัยพร <kooko15@hotmail.com>
- Sunday, December 24, 2000 at 00:03:29 (EST)

ผมว่า มีบันทึกไว้ ดีกว่าไม่มีนะครับ ถ้าไม่มีเลย ก็จะหายไป หนังสือของกระทรวงก็จะเป็นเล่มหนึ่งในอีกหลายเล่มที่คนรุ่นหลังใช้ค้นคว้า เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ขัดแย้งมาก หนังสือหลายเล่มเห็นตรงกันก็คงแปลก คงไม่มีใครเชื่อมั่นว่า ตราราชการทำให้เหตุการณ์นี้ชัดเจน 100% หรอกครับ ตอนผมเรียนอยู่ หนังสือประวัติศาสตร์บอกชัดเจนว่า คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต แต่เดี๋ยวนี้ หาคนเชื่อยากเต็มทน หนั่งสือถูกหรือผิด คนอ่านน่าจะตัดสินได้ระดับหนึ่ง (หากไม่ใช่มีหนังสือที่พูดเรื่องนั้นอยู่เล่มเดียว) เพราะฉะนั้น หากหนังสือกระทรวงออกมาแล้วไม่ถูกต้อง ผู้ทราบเหตุการณ์กรุณาเขียนหนังสือออกมาค้านด้วย ผมสนับสนุนครับ
เหล็งฮู้ชง <suparurk@earthling.net>
- Friday, December 22, 2000 at 12:56:52 (EST)

ผมไม่สามารถออกความเห็นในเชิงเห็นด้วยหรือไม่ในกรณีนี้ ด้วยความด้อยทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิกว่าทั้งสอวท่าน ผมจึงได้แต่เห็นด้วยกับทั้งสอวความคิดเห็น ผมเองได้รัยรู้เรื่องราว ๑๔ ตุลาจากอาจารย์ท่านหนึ่งสมัยยังเรียนมัธยมปลาย ท่านเล่าได้น่าสนใจจนทำให้ผมได้มีโอกาสหาหนังสือมาอ่านต่อ จนถึงที่สุดก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้เพียงรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ภาพชัดเจนขึ้น ผมได้พบเห็นผู้ใหญ่(ที่ไม่ใช่เด็ก)หลายท่านเรียกขานถึงเหตุการณ์นี้ว่า เหตุการณ์ ๑๖ ตุลา ทำให้ผมเศร้าใจ แต่ถ้าตำราที่เขียนขึ้นครั้งนี้สามารถกระตุ้นต่อมสนใจของเด็กได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะสามารถหาข้อเท็จจริงได้จากที่ไหน อย่างไรก็ดีน้ำหนักของผมค่อนข้างเอียงไปทางเห็นด้วย ด้วยเป็นการจุดประกายให้มีการแก้ไข หรือต่อสู้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อนุรักษ์ <ิanuraktravel@hotmail.com>
- Wednesday, December 20, 2000 at 22:51:49 (EST)

เห็นด้วยที่กระทรวงศึกษาฯ อนุญาตให้ทำตำราเกี่ยวกับเหตุการณ์14ตุลา เพราะทำให้เด็กๆรุ่นหลังได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ถ้ากระทรวงศึกษาเป็นผู้ทำแล้ว ปัญหาจะอยู่ที่ว่า อาจมีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองอาจเลือกเสนอหรือไม่เสนอข้อมูลบางข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นผลประโยชน์แก่ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
Zpoil <n_sornsamran@hotmail.com>
- Tuesday, December 19, 2000 at 21:53:26 (EST)

กระทรวงฯ อณุญาตให้เรียน แต่มีข้อแม้ก็ยังดีกว่าไม่ให้นักเรียนรับรู้เรื่องราวเลย เพราะหากไม่ให้เรียนรู้ (อาจผิดบางถูกบ้าง) ประวัติศาสตร์บทนี้ ก็อาจหายไปจากความทรงจำ และผู้มีอำนาจหลายท่าน ก็ต้องการให้มันหายไปจากประวัติศาสตร์อยู่แล้ว
pong <pong@design.in.th>
- Sunday, December 17, 2000 at 21:37:56 (EST)