home
Contact Uscontact@sarakadee.com
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
www.Thaitraveler.com
เที่ยวทั้วไทยกับ "นายรอบรู้" เดือนกรกฎาคม

ล่องแคว เล่นน้ำตก และชมถ้ำที่ อช. ไทรโยค

ระยะฝนชุกแบบนี้ คงไม่มีที่ไหนเหมาะไปเที่ยวเท่าป่าเขา "นายรอบรู้" เลยนำโปรแกรมท่องธรรมชาติอย่างสนุกครื้นเครงหลายรูปแบบ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มาแนะนำกัน เรียกว่าทัวร์แบบครบเครื่องคงเหมาะดี แหล่งท่องเที่ยวที่ว่านี้ก็อยู่แค่ จ. กาญจนบุรีนี่เอง หลายคนคงเดาถูกว่า "นายรอบรู้" กำลังชวนไปเที่ยวที่ อช. ไทรโยคกัน
แผนที่ (คลิกดูภาพใหญ่)
พวกเราน่าจะรู้จัก อช. ไทรโยคกันดี สมัยเด็ก ๆ คงเคยเล่นน้ำตกครั้งแรกที่นี่ เดี๋ยวนี้ อช. ไทรโยคยังน่าเที่ยวเหมือนเดิม ธรรมชาติก็สมบูรณ์ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะได้รับการคุ้มครองโดยกรมป่าไม้ พื้นที่ประมาณ ๙๕๘ ตร.กม. ตามแนวแม่น้ำแควน้อยไปจนจดชายแดนพม่าทางด้าน อ. ไทรโยค และ อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี สภาพป่ามีทั้งป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ มีป่าไผ่ปะปนอยู่ทั้วไป เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก และยังเป็นพื้นที่เดียวที่พบค้างคาวกิตติ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่สุดในโลก 
ก่อนที่จะได้รับประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ผืนป่าแถบนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานมาก เมื่อร้อยกว่าปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาส และสรงน้ำในธารน้ำเย็นฉ่ำของน้ำตกไทรโยค จนเป็นแรงบันดาลใจให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงประพันธ์บทเพลง "เขมรไทรโยค" บอกเล่าความงามของน้ำตกไทรโยค จนเป็นที่เลื่องลือไปทั้ว 
น้ำตกไทรโยคน้อยหรือน้ำตกเขาพัง (คลิกดูภาพใหญ่)น้ำตกไทรโยคช่วงหน้าฝน (คลิกดูภาพใหญ่)
การเดินทางรอนแรมทางเรือในยุคโน้นคงใช้เวลานานนับเดือน แต่วันนี้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเราก็มาถึงริมแม่น้ำแควน้อยแล้ว โดยไปตามถนนเพชรเกษม จนถึง อ. บ้านโป่ง จ. ราชบุรี เลี้ยวขวาขึ้นทางต่างระดับ แล้วขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ หรือ ถ. แสงชูโต ผ่านตัวเมืองกาญจนบุรี และข้ามแม่น้ำแควน้อย จากนั้นก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ ผ่าน อ. ไทรโยค จนถึงบ้านท่าเสา ริมทางด้านขวามือเป็นที่ตั้งของน้ำตกไทรโยคน้อย จุดท่องเที่ยวแห่งแรกของเรา อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ประมาณ ๖๐ กม. 
บางคนอาจรู้จักน้ำตกไทรโยคน้อยในชื่อเดิมว่า น้ำตกเขาพัง ซึ่งมีที่มาจากการพังทลายของหน้าผาหินปูน จนเกิดโขดหินปูนลดหลั่นกันบริเวณเชิงเขา และมีสายน้ำไหลตกลงมาสูงประมาณ ๓๐ ม. แม้น้ำตกเขาพังจะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่น้ำตกริมทางแห่งนี้ก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมานาน ใครผ่านไปมาก็ต้องแวะชม และเล่นน้ำกันบริเวณแอ่งน้ำใหญ่ ในช่วงวันหยุด การรถไฟแห่งประเทศไทยยังได้จัดรถไฟขบวนพิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว บริการนำเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อยและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงใน จ. กาญจนบุรีอีกด้วย 
เลยจากน้ำตกไทรโยคน้อยไปประมาณ ๔๐ กม. ก็มาถึง อช. ไทรโยค มีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีกเพียง ๓ กม. ก็ถึงที่ทำการฯ รอบบริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีร้านอาหารตามสั่งบริการ รับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ก่อนก็ได้ จากนั้นค่อยเดินไปตามทางเดินเลียบลำห้วยไทรโยคจนถึงริมแม่น้ำแควน้อย แล้วก็เดินข้ามสะพานแขวนที่ทาง อช. ไทรโยคจัดทำไว้ไปก่อนจึงจะเห็นน้ำตกไทรโยค เพราะสายน้ำที่ไหลมาตามห้วยไทรโยคจะตกลงสู่แม่น้ำแควน้อย กลายเป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพไม่เหมือนใคร บริเวณใกล้เคียงยังมีน้ำตกไทรโยคเล็ก เกิดจากลำน้ำสาขาของห้วยไทรโยค ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยในลักษณะเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า เดินเลียบชายฝั่งด้านตรงข้ามไปชมได้ 
น้ำตกไทรโยคเล็ก (คลิกดูภาพใหญ่)ความงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำละว้า (คลิกดูภาพใหญ่)
เที่ยวชมน้ำตกกันจนฉ่ำใจ ช่วงบ่ายยังมีเวลาเหลือเฟือ ก็ไปเที่ยวกันต่อที่ถ้ำดาวดึงส์ เลยที่ทำการฯ ไปตามทางหลวง ๓๒๓ สักพัก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางเดียวกับวัดดาวดึงส์สุขารามอีกประมาณ ๒ กม. จนถึงหมู่บ้านก็ติดต่อคนนำทางพร้อมตะเกียง จากนั้นก็เดินขึ้นเขาไปอีก ๑ กม. จะถึงถ้ำดาวดึงส์ เป็นถ้ำไม่ใหญ่นัก ลึกเพียง ๑๐๐ ม. แต่ภายในแบ่งเป็นห้อง ๘ ห้อง แต่ละห้องเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงวิจิตรพิสดาร  ห้องที่สวยที่สุดคือห้องฉัตรแก้ว มีหินย้อยเป็นม่านระย้าขนาดใหญ่ และห้องม่านฟ้าเป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดมีเสาหินรูปนกอินทรีอยู่กลางห้อง
กลับจากถ้ำดาวดึงส์ก็ย้อนไปหารีสอร์ตพักค้างคืนที่บ้านท่าเสา มีให้เลือกหลายแห่ง ถ้าได้แถวริมแม่น้ำยิ่งเหมาะ นอนฟังเสียงสายน้ำไหลกล่อมรื่นหูไปเลย สำหรับมื้อเย็นก็อยากแนะนำร้านเรณู ที่อยู่ตรงข้ามน้ำตกไทรโยคน้อย รสเยี่ยมมาก ใครชอบกินปลาจากแม่น้ำแควน้อยรับรองไม่ผิดหวัง
ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย (คลิกดูภาพใหญ่)ล่องเรือผ่านน้ำตกไทรโยค (คลิกดูภาพใหญ่)
วันรุ่งขึ้นรีบตื่นมาชมสายหมอกลอยผ่านเทือกเขา พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ดีกว่า หลังอาหารมื้อเช้า ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปล่องเรือแพ เที่ยวแม่น้ำแควน้อยกัน จุดลงเรืออยู่ที่ท่าเรือปากแซง แยกจากบ้านท่าเสาเข้าไปริมแม่น้ำแควน้อยจะพบเรือหางยาวจอดบริการ มีโปรแกรมนำเที่ยวย้อนสายน้ำขึ้นไปถึงถ้ำดาวดึงส์ ใกล้สุดก็ที่ถ้ำละว้าซึ่งเป็นจุดหมายของเรา สนนราคาไปกลับก็ในราว ๗๐๐ บาท ใช้เวลาประมาณ ๑ ชม. ๓๐ นาที ถ้าใครอยากไปทางรถยนต์ ก็ต้องขับรถไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ ๑๘ กม. เส้นทางนี้ลำบากหน่อยสำหรับรถเก๋ง ถ้ามาเป็นหมู่คณะล่องเรือเที่ยวดีที่สุด ได้ชมทัศนียภาพของแม่น้ำแควน้อย สบายกว่านั่งกระโดกกระเดกไปตลอดทาง
แม่น้ำแควน้อยช่วงที่เรือแล่นผ่าน ไหลเชี่ยวคดเคี้ยวไปตามร่องน้ำ กลางเทือกเขาหินปูนขนาบอยู่สองฝั่ง สลับกับหาดกรวด หาดทราย และหมู่ไม้ริมน้ำ จนมาถึงถ้ำละว้า เดินจากริมน้ำไปไม่ไกลก็ถึงทางขึ้นปากถ้ำ อยู่สูงจากจากพื้นดินราว ๕๐ ม. เดินขึ้นไปตามบันไดปูนได้สะดวก ตัวถ้ำลึก ๔๕๘ ม. แบ่งเป็นห้องต่างๆ และมีการตั้งชื่อห้องตามลักษณะของหินงอกหินย้อย เช่น ห้องท้องพระโรง ห้องดนตรี ห้องม่าน ห้องพระปรางค์ ฯลฯ แต่ละห้องมีหินงอกหินย้อยตามผนังและเพดานงดงามมาก บางห้องมีลักษณะบางใสทอดโค้งเป็นกลีบจากเพดานถ้ำลงมาถึงพื้น โถงถ้ำสุดท้ายตามผนังถ้ำและเสาถ้ำประกอบด้วยผลึกแคลไซต์ ซึ่งจะส่องประกายงดงามยามกระทบแสงไฟ
ใช้เวลาเที่ยวถ้ำละว้าประมาณ ๑ ชม. จึงนั่งเรือกลับมาบ้านท่าเสา จากนั้นก็ขับรถไปรับประทานอาหารกลางวันบนเรือนแพ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว แล้วเดินเลือกซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน
แค่นี้ก็ได้สัมผัสธรรมชาติกันทุกรสชาติอย่างเต็มอิ่ม ในเวลาเพียงแค่สองวัน เมื่อไปเยือนถิ่นเก่าที่ อช. ไทรโยค
Home