ความวุ่นวายทางการเมืองที่กรุงเทพฯ ส่งผลโดยตรงต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ
ทุกวันนี้ข่าวสถานการณ์การเมืองที่กรุงเทพฯ กลบสถานการณ์ภาคใต้ รวมถึงข่าวอื่นทั้งหมด ทำให้คนนอกพื้นที่ซึ่งแทบไม่สนใจอยู่แล้ว รู้น้อยลงอีก นี่เป็นพัฒนาการที่ไม่น่ายินดี ผมคิดว่าสื่อไทยแม้เป็นองค์กรทางธุรกิจก็ควรมีวิจารณญาณในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ไม่เอาแต่ขายข่าวอย่างเดียว สื่อในต่างประเทศก็ขายข่าว แต่ผมมองว่าสื่อระดับชาติของไทยขายข่าวเกินไปจนไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย ผมยังเป็นห่วงว่าหากรัฐบาลไทยชุดใหม่ตั้งโดยผู้มีแนวคิดดูถูกคนต่างจังหวัด ปฏิเสธเสียงข้างมาก คิดว่าคะแนนเสียงคนไม่เท่ากัน เพราะการศึกษา อาชีพ ฯลฯ เขาจะฟังเสียงคนมลายูที่เป็นเสียงข้างน้อยได้อย่างไร สภาประชาชนที่พวกเขาตั้งจะมีกลุ่ม BRN เข้าไปร่วมหรือไม่ ที่ผ่านมาคุณสุเทพแทบไม่พูดถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้เลย ผมอยากฟังมากว่าท่านจะแก้อย่างไร ถึงตอนนี้ (ปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๖) ก็ยังไม่ได้ยิน รัฐบาลที่ กปปส. จะตั้ง ถ้าอยากปกครองทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย กรณีที่เป็นรัฐบาลจากการรัฐประหาร รัฐบาลนั้นจะให้ความสำคัญกับกระบวนการเจรจาสันติภาพได้อย่างไร รัฐบาลที่จะทำงานนี้ได้ดีต้องเป็นรัฐบาลที่ฟังเสียงข้างน้อยและชนกลุ่มน้อย ดังนั้นหากกลุ่ม กปปส. ชนะหรือเกิดรัฐประหาร ผมมองว่ากระบวนการเจรจาสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่คืบหน้า ส่วนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งย่อมดีกว่าแน่ แต่ขึ้นอยู่กับผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่จะต้องกดดันให้มีการแก้ปัญหาในภาคใต้อย่างจริงใจกว่านี้ ถ้าไม่หลอกตัวเอง เรื่องการเมืองที่กรุงเทพฯ ย่อมมีผลต่อการแก้ปัญหาในภาคใต้แน่นอน ความจริงปัญหาภาคใต้ใหญ่มาก ถึงตอนนี้คนตายเท่ากับเหตุการณ์ ๙/๑๑ แล้ว ต่างกันแค่กรณี ๙/๑๑ เสียชีวิตพร้อมกันในวันเดียว แต่ภาคใต้ของไทยตายวันละคนสองคนสะสมมาเรื่อย ๆ ปัญหาเลยดูว่าเล็ก
การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ให้ได้
สังคมไทยมีความท้าทายสามเรื่อง หนึ่ง การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ถ้าใช้กระแสให้ดีจะช่วยเรื่องภาคใต้ได้ โดยเฉพาะภาษามลายู ในอาเซียนมีคนใช้ ๓๐๐ ล้านคน นี่คือภาษาหลักของภูมิภาค ถ้าคนไทยเรียนก็จะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น อย่างไรก็ตามอนาคตของอาเซียนก็ยังไม่ชัด ตอนนี้มีข่าวลือว่าจะเลื่อนเปิด AEC ไปอีก โครงการจำนวนมากที่ทำในนามอาเซียนมักเป็นโครงการด้านเศรษฐกิจ ยังน่าเป็นห่วงว่าอาเซียนจะมีศักยภาพไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระดับพื้นที่แบบกรณีปาตานีหรือไม่ เพราะเรื่องนี้จะกระทบกับการพัฒนาเศรษฐกิจโดยตรง
สอง การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ตายกันต่อไป อาจเพราะปัญหาภาคใต้ไม่ใหญ่พอที่จะส่งผลกับโครงสร้างของสังคมไทยทั้งหมด แต่ต้องไม่ลืมว่าไทยมีระเบิดหลายลูกที่ยังไม่ถูกปลดชนวน สิ่งที่น่ากลัวคือถ้าลูกหนึ่งระเบิดจะกระตุ้นอีกลูกให้ระเบิดตาม ผมเกรงว่าปัญหาภาคใต้จะแรงขึ้นเมื่อระเบิดลูกที่สาม คือการแก้ปัญหาการเมืองภายในไม่สามารถปลดชนวนได้สำเร็จ
เรื่องที่ ๓ เป็นบททดสอบใหญ่ คือการแก้ปัญหาการเมืองซึ่งผมห่วงมาก ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือสังคมไทยไม่เคยคุยจริงจังว่าหลังรัชกาลปัจจุบันผ่านไปจะรับมืออย่างไร ถึงเวลานั้นความแตกแยกอาจเพิ่มขึ้น วิกฤตใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์รออยู่ข้างหน้า แต่สังคมไทยไม่ยอมถกกันเรื่องนี้ ถ้าไม่เตรียมตัว ผมเกรงว่าจะรับสถานการณ์ไม่ทัน ถึงตอนนั้นปัญหาภาคใต้อาจเป็นตัวซ้ำเติม อาจมีการขอแยกเป็นเอกราช คำถามคือคนไทยพร้อมหรือยัง นี่เป็นคำถามของผมในฐานะคนต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นวิกฤตใหญ่เกิดขึ้น ถ้ารักและห่วงประเทศถึงเวลาต้องแลกเปลี่ยนเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาแล้ว ถ้าคุณคิดอยากรักษาประเทศไว้แต่ไม่ยอมพูดเรื่องนี้ ผมคิดว่าคุณไม่ได้รักประเทศนี้จริง และในสามเรื่องนี้ ถ้าสังคมไทยล้มเหลวในการแก้ปัญหาเพียงเรื่องเดียวก็จะไปต่อได้ยากมาก
เฉพาะหน้า ถ้าให้อาจารย์แนะนำ รัฐไทยควรทำอะไรก่อน
ผมเสนอให้เลิกใช้กฎหมายพิเศษทั้งหมดแล้วพิจารณาข้อเรียกร้องของ BRN อย่างจริงจัง สิ่งที่ทำได้ขอให้ทำก่อน เช่นที่เขาขอให้กระบวนการสันติภาพเป็นวาระแห่งชาติ ในเมืองไทยเหตุการณ์นี้ยังไม่เป็นวาระแห่งชาติทั้งที่มีคนตายเป็นพันคน ถ้าเรื่องนี้เกิดในญี่ปุ่น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นวาระแห่งชาติ และยังมีตัวเปรียบเทียบด้วย คือในกรุงเทพฯ มีคนเสียชีวิตไม่กี่คนจากความวุ่นวายทางการเมืองก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว คำถามคือทำไมคุณค่าชีวิตคนในสองพื้นที่ไม่เท่ากัน ผมไม่อยากให้รัฐบาลใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่าเจรจาเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รัฐบาลเพื่อไทยที่ผ่านมาก็ยังไม่ใช่เพื่อไทยจริง ๆ แต่เป็นเพื่อคุณทักษิณ ถ้าอยากเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศต้องไม่ทำแบบนี้ ตรงนี้เองที่ทำให้ผมเห็นใจคนที่ออกไปประท้วงกับคุณสุเทพ แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับคุณสุเทพก็ตาม ในกรณีปัญหาภาคใต้ ถ้าท่านไม่อยากแก้ไขปัญหา ทำไมจึงไม่ยอมให้เอกราชกับเขาไปเสียเลย
สมมุติว่าให้เอกราชเขา อาจารย์คิดว่าสถานการณ์ในภาคใต้จบหรือไม่
ถ้าจะทำก็ทำได้ แต่เป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่ ต้องพิจารณาหลายเรื่อง สังคมโลกจะยอมรับ “ประเทศปาตานี” หรือไม่ การให้เอกราชทันทีทำไม่ได้หรอกครับ ต้องหาแนวทางที่ทำได้จริง อย่างน้อยเขาต้องมีอำนาจปกครองตัวเองระดับหนึ่ง ดูตัวอย่างที่อาเจะห์ของอินโดนีเซีย หรือกรณีมินดาเนาของฟิลิปปินส์ รัฐต้องยอมรับเขาระดับหนึ่ง
กระบวนการเจรจาสันติภาพของรัฐบาลไทยเปรียบเทียบกับที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ทำกับกลุ่มมุสลิมในบ้านเขา
รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์มีเจตนาดีในการเจรจา มีความจริงจัง แต่ผมไม่อยากใช้คำว่า “จริงใจ” เรื่องนี้พิสูจน์ลำบาก เทียบง่าย ๆ คุณสุเทพนำประท้วงอยู่บนเวที เราไม่รู้ว่าจริงใจหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ จริงจังในการประท้วง กรณีของฟิลิปปินส์เป็นความขัดแย้งที่ยาวนานตั้งแต่สมัยเป็นอาณานิคมสเปนและสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นระหว่างชาวคริสต์กับมุสลิมบนเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ ประธานาธิบดีเบนิกโน อากีโน ที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตผู้นำฝ่ายค้าน เบนิกโน อากีโน กับนางคอราซอน อากีโน อดีตประธานาธิบดี บอกว่าพ่อแม่ของเขาเคยพบผู้นำชาวมุสลิมเพื่อเจรจากัน เขาก็จะสานต่อ มีการเจรจากับผู้นำกบฏที่กรุงโตเกียว อากีโนจูเนียร์ถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระครอบครัว และในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่ง ๖ ปีจะแก้ไขปัญหาเรื่องเขตปกครองพิเศษที่มินดาเนาให้ได้ การแสดงความจริงใจและตั้งใจมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมั่นใจ แต่คุณยิ่งลักษณ์ไม่เคยแสดงสิ่งนี้ ยกเว้นความต้องการช่วยพี่ชาย
ในกระบวนการสันติภาพ คนที่จะเป็น “มิสเตอร์สันติภาพ” อย่างกรณีมินดาเนาของฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีอากีโนทำได้ กรณีอาเจะห์ของอินโดนีเซียก็มี ยูซุฟ กัลลา รองประธานาธิบดีคอยขับเคลื่อน แต่ที่ปาตานีไม่มีใคร ผมมองว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือ “ตัวกลาง” ที่เป็นมาเลเซีย ทั้งนักวิชาการไทยและต่างประเทศ คนไทยในพื้นที่ คนมินดาเนาที่เฝ้ามองเรื่องนี้ ล้วนเห็นด้วยว่ามาเลเซียไม่ใช่ “ผู้อำนวยความสะดวก” (facilitator) แต่เป็น “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” (stakeholder) การมีมาเลเซียประเทศเดียวเสี่ยงต่อการทำให้กระบวนการเจรจาล้มอีก จำเป็นต้องกระจายอำนาจจากมาเลเซีย หาประเทศที่เป็นกลางจริง ๆ อาจต่อยอดจากของเดิมด้วยการทาบทามกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ สแกนดิเนเวีย (ยุโรปเหนือ) หรืออินโดนีเซีย หาผู้สังเกตการณ์โดยเสนอฝ่ายละสองประเทศก็ได้ แล้วให้องค์กรระดับภูมิภาคมาสังเกตการณ์ ตอนนี้ถ้าเปรียบกระบวนการเจรจาเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ก็เป็น Windows 95 มันทำงานได้ไม่ดี เราต้องอัปเกรดเป็น Windows 8 ให้คนพื้นที่มีส่วนร่วมมากขึ้น ที่ผ่านมาผมได้ข้อมูลว่า BRN ไม่พอใจเท่าไรที่มาเลเซียกดดันเขาให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกระบวนการเจรจาเป็นเรื่องปรกติของการเจรจาทั่วโลก ต้องปรับไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์
อาจารย์อยากให้การแก้ปัญหาจบลงแบบไหน
ผมอยากเห็นสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่อยากเห็นคนบาดเจ็บและเสียชีวิตอีก อยากเห็นการเจรจากัน อยากบอกคนไทยว่าการเจรจาสันติภาพไม่อาจคาดเดาเวลาได้ อยู่ที่ความตั้งใจของคู่เจรจา อาจนานปีเดียว ๑๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี หรือมากกว่าชั่วชีวิตของผม และเพื่อนสนิทของกระบวนการเจรจาสันติภาพ คือความล้มเหลว ซึ่งเราจะยอมแพ้ไม่ได้ แทนที่จะตั้งคำถาม มาช่วยกันหาทางทำให้กระบวนการสันติภาพก้าวหน้าเร็วขึ้นจะดีกว่า มาช่วยสร้างความกดดันกับรัฐเรื่องความจริงจังและจริงใจในการเจรจา การแปลแถลงการณ์และสิ่งที่ผมทำมา ผมถือเป็นภารกิจหนึ่งที่ตัวเองพอทำได้
อยากสื่อสารอะไรถึงคนไทยทั้งประเทศ
สันติภาพที่คาดหวังยังอยู่ห่างไกล ถามว่าเห็นไหม เห็นครับ แต่ไม่ต่างกับเห็นอยู่อีกฝั่งแม่น้ำ เราจะสร้างสะพานไปหาอย่างไร เราไม่รู้ว่าแม่น้ำลึกแค่ไหน สิ่งที่ต้องทำคือทดลองสร้างสะพาน สะพานอาจพังหลายครั้ง แต่ก็ต้องพยายาม
หลายคนมองว่าผมเป็นกระบอกเสียงของ BRN บ้างบอกเป็นเสื้อแดง ก็เป็นมุมมองของคนอื่น อยากให้ดูต่อไปและผมตอบตัวเองได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จริง ๆ ผมรับคุณทักษิณไม่ได้เลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อำเภอตากใบ ตราบใดที่คุณทักษิณยังไม่ขอโทษและคนในพื้นที่ให้อภัย อยากฝากถึงทุกท่านในส่วนกลางว่า ให้ใส่ใจเหตุการณ์ในพื้นที่ห่างไกลอย่างปาตานี ถ้าท่านคิดว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่ถ้าท่านไม่ใส่ใจเขา เขาก็คงมีสิทธิที่จะแยกตัว มีสิทธิไม่สนใจประวัติศาสตร์ไทย มีสิทธิไม่สนใจคนไทยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ผมเคยเขียนไว้แล้วว่าขบวนการปลดปล่อยปาตานีที่เห็นทุกวันนี้ ความจริงก็คือผลผลิตของรัฐไทยนั่นเอง
เชิงอรรถ
*สะกดชื่อภาษาไทยตามความประสงค์ของเจ้าของนาม หากทับศัพท์ตามหลักราชบัณฑิตยสถานเป็น ฮะระ ชินทะโระ