ผีสางเทวดา เกร็ดเรื่องราวความเชื่อผีสาง เทวดา ในวัฒนธรรมไทยแต่อดีต


pancha sikha

บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามที่บรรยายไว้ในคัมภีร์โลกศาสตร์มีเรื่องที่ฟังดูแปลกๆ ไม่น้อย หนึ่งในจำนวนนั้นคือเรื่องนี้

ในคัมภีร์ “ไตรภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” เล่าไว้ตอนหนึ่งว่า เมื่อใดที่เทวดาในดาวดึงส์ต้องการจะฟังธรรม ก็จะมีเทวดาชั้นพรหม (ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปกว่าดาวดึงส์อีกมาก) ชื่อ “สนังกุมาร” เหาะลงมาจากพรหมโลก แล้วเนรมิตตนให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือน “ปัญจสิขรคนธรรพ์” ขึ้นนั่งเหนือธรรมาสน์แล้วเทศนาธรรมให้เทวดาสดับรับฟังกัน

เหตุที่สนังกุมารพรหมต้อง “ปลอมตัว” เป็นปัญจสิขร เพราะคนธรรพ์ตนนี้มีรูปร่างหน้าตางดงาม เป็นที่พึงพอใจของเทวดานางฟ้า ปัญจสิขร หรือ ปัญจสิขะ หรือคนไทยรู้จักมักคุ้นในนาม “พระปัญจสิงขร” เป็นเผ่าคนธรรพ์ อันเป็นอมนุษย์ซึ่งมีสถานะด้อยกว่าเทพ มีถิ่นพำนัก ณ สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา ซึ่งอยู่ต่ำลงมาจากดาวดึงส์ ในระดับเดียวกับเทือกเขายุคนธร แนวเขาสัตตบริภัณฑ์ชั้นในสุดที่มีความสูงครึ่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ

คนธรรพ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีฝีมือด้านดนตรีและการขับร้องฟ้อนรำเป็นพิเศษ “ไตรภูมิพระร่วง” กล่าวถึงคนธรรพ์ที่ชื่อปัญจสิขร ว่ามักมาเปิดคอนเสิร์ต ณ เวทีกลางแจ้งด้านทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ โดยท้าวเธอจะสะพายกลองใหญ่ชื่อสัสสสุระ (หรือ สุสสนะเภรี) ไว้กับตัว เวลาตีกลองใบนี้ กลองบริวารอีก ๖๘,๐๐๐ ใบก็จะดังขึ้นเองพร้อมกันเป็นจังหวะ เพื่อให้หมู่คนธรรพ์เทวดานางฟ้าเริงระบำรำเต้นกันเต็มที่

คัมภีร์สาธยายไว้ว่าปัญจสิขรมีร่างกายสูงถึง ๖,๐๐๐ วา (เทียบเท่ากับ ๑๒ กิโลเมตร !) ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์แก้วแหวนเงินทอง “ดูรุ่งเรืองงดงามราวกับภูเขาทอง” ชนิดที่ว่าถ้าถอดเครื่องประดับทั้งหมดออกจากกายปัญจสิขร เอาบรรทุกลงในเกวียนของมนุษย์โลก ต้องใช้ถึง ๑,๐๐๐ เล่มเกวียน และยิ่งไปกว่านั้น

“อันว่ากระแจะแลจวงจันทน์อันเทพยดาทาตัวนั้น ถ้าแลว่าจะขูดออกใส่ตุ่มแลไหได้ ๙ ตุ่มแล”

คือแป้งและน้ำหอมที่ลูบไล้ทาตามร่างกายปัญจสิขรนั้น ถ้าขูดออกมาแล้วเทใส่ตุ่มจะได้เต็มๆ เก้าใบ !

ที่สำคัญ คัมภีร์อธิบายด้วยว่าคนธรรพ์ตนนี้ “เกล้าผมเป็น ๕ เกล้า แลชักมวยออกอันทั้ง ๕ อันนั้นแล ไว้ปลายผมนั้น ห้อยลงไปข้างหลังทุกอัน…เหตุดังนั้นจึงเรียกว่าปัญจสิขรเพื่อดังนั้นแล” หมายถึงว่าที่มาของนาม “ปัญจสิขร” นั้น มาจากการที่เกล้ามวยไว้บนศีรษะถึงห้ามวย (ปัญจะ/เบญจะ แปลว่า ๕) แล้วปล่อยปลายสยายห้อยลงไปข้างหลังทุกมวย

สมกับเป็นทรงผมของศิลปินระดับ “ซูเปอร์สตาร์” แห่งดาวดึงส์จริงๆ !

ตามความที่พรรณนาไว้ในคัมภีร์ดังอ้างมาแต่ต้น นั่นหมายถึงว่าระดับเทวดาชั้นพรหมอย่างสนังกุมาร ยังต้องอาศัยชื่อเสียง และเสื้อผ้าหน้าผมแบบดาราตัวท็อป เพื่อล่อใจเทพบุตรเทพธิดาให้มาฟังธรรมกันมากๆ

ดังนั้นแล้ว ตกลงว่าเทวดาจะต้องการฟังธรรม หรือแค่อยากเป็น “ติ่ง” มากรี๊ดศิลปินคนโปรดกันแน่ ?

ว่าแต่ว่า เมื่อปวงเทพรู้ไต๋ว่าที่เห็นนี้เป็นแค่ “ตัวปลอม” หรือมา “คอสเพลย์” เป็นปัญจสิขรเฉยๆ ทุกรอบ แล้วจะยังยอมมาฟังธรรมกันอีกหรือไม่ ??

ในทางดนตรีไทยนับถือพระปัญจสิขรเป็นบรมครูด้วยองค์หนึ่ง กล่าวกันว่ามีความสามารถในเชิงขับร้องและดีดพิณ จึงตั้งเศียรไว้ในพิธีไหว้ครูครอบครูด้วย แต่ในบทไหว้ครูมโหรีพรรณนาต่างจากที่เรื่องเล่ามาแล้วเล็กน้อย คือกล่าวว่าพระปัญจสิงขรเป็นคนธรรพ์ ซึ่งมาจากสวรรค์ชั้นยามา ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปกว่าดาวดึงส์อีกชั้นหนึ่ง

“๏ ยอกรกึ่งเกล้าบงกชเกษ     ไหว้ไทเทเวศเปนใหญ่
อันเรืองรู้ครูครอบพิณไชย     สถิตย์ในฉ้อชั้นยามา
ทรงนามชื่อปัญจสิงขร    ได้สั่งสอนสานุศิษย์ในแหล่งหล้า
เปนตำรับขับร้องสืบมา    ปรากฏในแผ่นฟ้าดินดร
ข้าขอชุลีทำคำนับ      พระคนธรรพด้วยใจสโมสร
จะดีดสีขับร้องทำนองกลอน    จงศรีสถาพรทุกประการ ฯ”