เรื่องและภาพ : ทีมบุหงาแดนใต้ ค่ายนักเล่าความสุข

สุขในสุขสันต์วันเด็ก ณ บ้านตะโละใส

วันเด็กได้สร้างเวทีแจ้งเกิด สำหรับเด็กๆ วันนี้พวกเขาได้แสดงความสามารถ และความกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”

เสียงท่องคำขวัญวันเด็กประจำปี 2563 ดังขึ้นขณะที่มีเด็กชายผิวสีแทนคนหนึ่งในชุดบอลสีขาวลายดำแดง กางเกงสีดำ สวมรองเท้าแตะ เดินผ่านหน้าฉันไป

ทุกสายตาต่างตั้งจดจ่อกับชุดการแสดง แค่การมองก็รู้ การแสดงชุดนี้ได้รับสามผ่านแน่นอน !

ทุกสายตาต่างตั้งจดจ่อกับชุดการแสดง แค่การมองก็รู้ การแสดงชุดนี้ได้รับสามผ่านแน่นอน !

ความสนุกสนานของกิจกรรมบนเวที เมื่อนักเรียนรับบทเป็นคุณครู เจอกับนักเรียนตัวป่วน “หนูเข้าใจความรู้สึกของครูเลยค่ะ”

ความสนุกสนานของกิจกรรมบนเวที เมื่อนักเรียนรับบทเป็นคุณครู เจอกับนักเรียนตัวป่วน “หนูเข้าใจความรู้สึกของครูเลยค่ะ”

เสาร์ที่ ๒ ของเดือนแรกของปี

เช้าวันที่อากาศค่อนข้างสดใส แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมาบนผิวถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมุ่งตรงมาตามเส้นทางเล็กๆ แคบๆ ทอดเหยียดไปจนสุดถนน เข้ามา ณ ที่ที่ฉันยืนอยู่

งานวันเด็กโรงเรียนบ้านตะโละใส อำเภอละงู จังหวัดสตูล วันเด็กของโรงเรียนเล็กๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้

เชื่อว่าเด็กๆ ที่นี่มีความสุข สนุกสนานได้ไม่ต่างจากเพื่อนเด็กวัยเดียวกันในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทย

ภายในงานมีกิจกรรมมากมายหลายรูปแบบให้เด็กๆ ได้รับชมและร่วมสนุก ทั้งการแสดงความสามารถของเหล่านักเรียน การมอบเกียรติบัตรเด็กจิตอาสา มอบทุนแก่นักเรียนยากจน และกิจกรรมฐานต่างๆ มีเครื่องเล่นให้เด็กได้เล่นตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น สไลเดอร์ แทรมโพลีน หรือเครื่องเล่นเด้งดึ๋ง และรถไฟ ให้เล่นกันฟรีๆ รวมถึงมีอาหาร เครื่องดื่ม และไอศกรีม ที่โรงเรียนนำมาแจกเด็กๆ ทุกคนได้กินกันให้จุใจไปเลย

แววตา ปฏิกิริยาของพวกเขาดูมีความสุขเกินบรรยาย ได้ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ได้เล่นอะไรที่ไม่ค่อยมีโอกาส ได้นั่งอะไรที่ไม่เคยได้นั่ง ได้ข้ามไปสัมผัสความฝันก่อนจะไปถึงฝัน

เห็นแล้วก็คิดถึงตัวเองตอนที่เคยเป็นเด็กมาร่วมงาน เคยเป็นแต่ผู้รับที่มีความสุขที่สุด ไม่น่าเชื่อเลยว่าวันนี้ฉันจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ ณ จุดนี้ จุดที่เป็นผู้จัด จุดที่เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ให้

รอยยิ้มเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่ปรากฏให้ชื่นใจ แสดงว่าพวกเขามีความสุขกันแค่ไหน

ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกว่า การเป็นผู้ให้นั้นมีความสุขมากกว่าตอนที่เป็นผู้รับเสียอีก…

…………………..

กิจกรรมการแสดงละครบนเวที สร้างเสียงหัวเราะ และความสุขให้แก่ผู้ชม เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากเสียงหัวเราะที่ดังอย่างไม่ขาดสาย

กิจกรรมการแสดงละครบนเวที สร้างเสียงหัวเราะ และความสุขให้แก่ผู้ชม เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากเสียงหัวเราะที่ดังอย่างไม่ขาดสาย

คำขวัญวันเด็กปีนี้คืออะไร เด็กชายผิวสีแทนในชุดบอลสีขาวลายดำแดง กางเกงสีดำ สวมรองเท้าแตะ ไม่ได้ตอบคำถาม เพราะไม่ทันยกมือก็มีคนกระโดดขึ้นเวทีไปก่อนแล้ว

ฉันเห็นเด็กชายผิวสีแทนคนนั้นดูหงอยๆ เมื่อไม่มีโอกาสตอบคำถามที่ได้เตรียมไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ และพูดกับเขาว่า “สุขสันต์วันเด็กนะครับลูก”

เด็กน้อยเงยหน้าและยิ้มให้ พลางลุกจากกิจกรรมด้านหน้าเวทีหลังจากนั่งชมการแสดงต่างๆ มาจนถึงช่วงคั่นตอบคำถาม

เขาคือ เด็กชายฟาเดว กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจน เขาลุกออกไปเล่นกิจกรรมตามซุ้มต่างๆ และเครื่องเล่นสุดสนุกที่เขาแทบจะไม่เคยได้เล่นเลยมาตลอดชีวิตวัยเก้าขวบ

ฉันเชื่อว่าคำขวัญนั้นเขาคงจำขึ้นใจแล้ว และถ้าเขานำไปปฏิบัติด้วยก็จะถือเป็นความสำเร็จสูงสุด เพราะเป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เด็กไทยยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และความสามัคคี อันเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ควรมีในใจ ซึ่งจะนำไปสู่การรู้จักหน้าที่ ความเป็นพลเมืองไทยที่มีความรับผิดชอบอนาคตประเทศชาติร่วมกัน

 

………….

“ผมได้รถจักรยานแล้วครับ” รางวัลพิเศษที่รอคอย จากนี้นักเรียนจะมีรถจักรยานต์ปั่นมาโรงเรียนแล้ว ผู้สนับสนุนคงสุขใจที่เห็นผู้รับมีความสุข

“ผมได้รถจักรยานแล้วครับ” รางวัลพิเศษที่รอคอย จากนี้นักเรียนจะมีรถจักรยานต์ปั่นมาโรงเรียนแล้ว ผู้สนับสนุนคงสุขใจที่เห็นผู้รับมีความสุข

สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยของงานวันเด็กคือ การจับรางวัลพิเศษ เป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอและคอยแอบลุ้นรางวัลใหญ่

เด็กบางคนก็มีพ่อแม่ยายมานั่งลุ้นอยู่ด้วยกัน เด็กบางคนมากับพี่ บางคนมากับญาติ แต่ไม่ว่าจะมากับใคร จุดรวมพลของทุกคนล้วนแล้วเป็นงานวันเด็กทั้งสิ้น

งานวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดการสนับสนุนจากเหล่าผู้ให้ ผู้ใหญ่ใจดีทุกๆ ท่าน ร่วมกันสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มอบความสุขให้กับเด็กๆ

ครูนุสรา มอบจักรยาน 3 คัน ครูสุรีย์ มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน ครูทุกคนในโรงเรียนต่างสนับสนุนของรางวัลคนละชิ้นสองชิ้นเพื่อเด็ก มีพัดลม ผ้านวม และเบาะปิกนิกเป็นส่วนใหญ่

ส่วนฉันมอบพัดลมและหม้อหุงข้าวเป็นของขวัญ หากนักเรียนผู้ที่ได้ครอบครองมัน เป็นครอบครัวที่ด้อยโอกาสและยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ด้วยแล้วก็จะเป็นประโยชน์สูงสุดเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีผู้สนับสนุนของขวัญอีกมากมาย ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน จากผู้ปกครองนักเรียน ศิษย์เก่า ร้านค้า ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ช่วยกันสนับสนุนของรางวัล จนพื้นที่บนเวทีที่ดูกว้างและโล่งนั้น ดูเล็กลงไปเลย เพราะของขวัญมีจำนวนเยอะมาก

“มอบรถถีบให้เป็นของขวัญ เพราะรถถีบเป็นรางวัลที่เด็กอยากได้มากที่สุด เหมือนเราเมื่อก่อนที่อยากได้แล้วไม่ได้ ซึ่งอาจจะไม่สมหวัง เมื่อมีโอกาสให้เลยอยากจะให้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ อยากให้เด็กๆ ได้สมหวัง” คำพูดจากใจครูนุสรา ครูโรงเรียนบ้านตะโละใส

“มือบนย่อมดีกว่ามือล่าง” คำสอนของพระเจ้าที่แม่พูดติดหูฉันมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งฉันได้มาเป็นครู ได้รู้ซึ้ง และรู้สึกสัมผัสกับคำนี้จริงๆ ว่าการให้ ไม่ใช่การสูญเสีย แต่เป็นการได้รับมากยิ่งกว่า

หากลองสังเกตหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งเราให้ เราก็ยิ่งได้รับ แม้การให้ของเราอาจดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ก็สามารถต่อลมหายใจอีกคนได้อีกหลายวัน

ของขวัญของฉันตกเป็นของเด็กชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แม้ว่าเราไม่ทันได้พูดคุยกัน แต่เท่าที่เห็นรอยยิ้มและกิริยาการเดินที่รีบเร่งนำรางวัลไปให้แม่ซึ่งนั่งอยู่ในเต็นท์ พร้อมท่าทางดีใจนั้น ฉันคิดว่าของขวัญชิ้นนี้ก็คงเป็นสิ่งที่เขาอยากได้อยู่แน่ๆ

……………………………

กิจกรรมตามฐานต่างๆ เช่น นาวาพาโชค ยิ้มแย้มแต้มสี โยนบอล ปากระป๋อง เตะบอลเข้าประตู ฯลฯ สร้างความประทับใจและความสุขใจแก่ครูผู้จัด “เห็นพวกหนูตั้งใจ สนุก ครูก็สุขไปด้วย” สำหรับเด็กดีเลือกของรางวัลได้เลยค่ะ

กิจกรรมตามฐานต่างๆ เช่น นาวาพาโชค ยิ้มแย้มแต้มสี โยนบอล ปากระป๋อง เตะบอลเข้าประตู ฯลฯ สร้างความประทับใจและความสุขใจแก่ครูผู้จัด “เห็นพวกหนูตั้งใจ สนุก ครูก็สุขไปด้วย” สำหรับเด็กดีเลือกของรางวัลได้เลยค่ะ

ช่วงการจับรางวัลพิเศษ เด็กๆ ทุกคนที่อยู่บนเครื่องเล่นรีบลงจากเครื่องเล่น กิจกรรมที่อยู่ในซุ้มต่างๆ ต้องหยุดไป เพราะไม่มีเด็กเดินเข้ามาในซุ้มอีกแล้ว ทุกสิ่งหยุดไปชั่วขณะ ทุกคนมาปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าเวที ผู้คนในงานไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ รวมถึงผู้ปกครองต่างพาตัวเองมายังจุดศูนย์กลางของงาน

บริเวณหน้าเวที ทุกคนต่างรอคอยช่วงเวลานี้ รางวัลค่อยๆ ออกไปทีละชิ้นๆ แต่ทุกคนก็ยังจดจ่อรอดูและรอฟังการประกาศชื่อจากพิธีกรบนเวที เด็กบางคนก็ต้องหมดลุ้นรางวัลพิเศษ เพราะได้รับของรางวัลไปแล้ว บ้างก็ยังลุ้นต่อ เพราะตนยังไม่ได้รับรางวัล

กระทั่ง…พิธีกรประกาศรางวัลพิเศษ

หนูน้อยผิวสีแทนในชุดบอลสีขาวลายดำแดง กางเกงสีดำ สวมรองเท้าแตะ เผยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันสุดแสนจะมีความสุข กระโดดโล้นเต้นด้วยความดีใจ

วินาทีที่ได้ยินการประกาศชื่อตนเองจากบนเวที เขาหันซ้ายหันขวาราวกับจะบอกผู้คนรอบข้างว่า

“ผมได้ของขวัญ ผมได้ของรางวัล ผมได้จักรยานแล้วนะ”

ก่อนจะรีบขึ้นไปบนเวทีด้วยใบหน้าที่ยังไม่หุบยิ้ม เห็นฟันเกือบทุกซี่

“อัลฮัมดุลิลลาฮ” ครูสุพินดาหนึ่งในครูผู้จัดงานวันเด็ก กล่าวขอบคุณพระเจ้าขอบคุณอัลลอฮ

“ตื้นตันใจนะ น้ำตาซึมเลย ที่ฟาเดวได้รถจักรยาน เพราะเขาขาดแคลนจริงๆ ได้รถไป เขาจะได้ปั่นมาโรงเรียน ได้ใช้ประโยชน์”

“สำหรับเด็กบางคนแล้ว ต้องรอให้มีงานวันเด็ก เขาถึงจะได้กินได้ทำอย่างที่เขาอยากจะทำ”

ฉันมีโอกาสพูดกับเด็กชายฟาเดวและเด็กหญิงอนุธิดา หลังจากรับรางวัลพิเศษแล้ว

“ผมดีใจมากครับ หลังจากนี้ผมมีจักรยานเป็นของตัวเองแล้วครับ”
“หนูดีใจมากค่ะครู จักรยานหนูจะเก็บไว้ในบ้านเลย เดี๋ยวจักรยานหนูเก่า หนูหวงค่ะ”

ฉันยิ้มทันทีเมื่อพวกเขาทั้งสองพูดจบ

และแน่นอนพวกเขายังคงยิ้มไม่หุบ เป็นรอยยิ้มที่แสนจะบริสุทธิ์และแววตาที่จริงใจ ไร้เดียงสา เปรียบเสมือนแบตเตอรีชาร์จกำลังใจอย่างดี ที่ทำให้ครูในฐานะผู้จัดกิจกรรมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

…………………….

เด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า และรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์และแววตาที่จริงใจ เปรียบเสมือนแบตเตอรีชาร์จกำลังใจอย่างดี ที่ทำให้ครูในฐานะผู้จัดกิจกรรมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย

เด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า และรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์และแววตาที่จริงใจ เปรียบเสมือนแบตเตอรีชาร์จกำลังใจอย่างดี ที่ทำให้ครูในฐานะผู้จัดกิจกรรมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย

เมื่อของขวัญชิ้นสุดท้ายประกาศชื่อแล้ว ทุกคนต่างทยอยเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างแยกย้าย ภาพสุดประทับใจก็ฉายออกมากลางสนาม

นอกจากรอยยิ้มของเด็กแล้ว นี่เป็นอีกภาพที่ฉันเห็นแล้วชื่นใจที่สุด

ทุกคนต่างช่วยกันเก็บขยะ หยิบคนละชิ้นสองชิ้นจนหมด หลายคนเดินทางกลับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ หลายคนกลับไปพร้อมกับให้กำลังใจบุตรหลาน

“วันนี้ยังไม่ได้รางวัลชิ้นใหญ่ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ 11 มกรา วันเด็กจริงๆ เดี๋ยวแม่พาไปเที่ยวงานวันเด็กกันต่อ”

บางคนก็แซวลูก ” บ่าว ดวงไม่ดีเลยน้อ หยิบได้รางวัลชิ้นเล็ก”

ทั้งคู่มองหน้ากันและหัวเราะ แล้วเดินทางต่อ…

ในฐานะของคนเป็นครู ต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าความสุขของคนเป็นครูคืออะไร

ความสุขของครูก็คือ “เด็ก”

ครูมีความสุขเมื่อเห็นเด็กมีความสุข และฉันก็มีความสุขเมื่อพวกเขามีความสุข

วันเด็กอยู่ในเดือนแรกของปี เป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นของทุกศักราชใหม่ ครั้งเดียวในหนึ่งปีที่งานวันเด็กแห่งชาติจะมีขึ้น แววตา ความสดใส ความสามารถที่หลากหลาย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทุกสิ่งปรากฏให้ฉันเห็นมากที่สุดในงานวันเด็ก

วันที่เขามีความสุขที่สุด วันที่พวกเขาบางคนได้ของขวัญที่ดีที่สุด

แต่พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่า พวกเขาคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับฉัน ของขวัญที่เกิดมาให้ฉันได้ดูแลใส่ใจ

การเป็นครูไม่ใช่การมอบแต่ความรู้ แต่คือการมอบความรัก ความเมตตาด้วย

เวลาที่เขาทุกข์เราเป็นห่วงเราเป็นทุกข์ และเวลาที่เขาสุขเราสุขกว่า

ฉะนั้นแล้ววันที่เขามีความสุขก็เป็นวันเดียวกันกับที่ฉันมีความสุขนั่นแหละ

“สุขในสุขสันต์วันเด็ก”