เรื่องและภาพ : ณัฐพงศ์ อินต๊ะริด

คำนึง เจริญศิริ คน “บ้า” ปลูกต้นไม้

“ห้องเรียนที่อัจฉริยะสุดคือธรรมชาติ”

ผู้เป็นเจ้าของเสียงนั่งอยู่บนเตียงไม้ มีสีหน้าเปี่ยมสุข เขามีชื่อว่า “คำนึง เจริญศิริ” เป็นผู้สร้าง “สวนป่าคืนถิ่น” ขึ้นในพื้นที่บ้านตามา ตำบลชุมแสง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์

ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาถึงสวนป่านี้ เราต้องตกตะลึงกับอุโมงค์ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่โอบคลุมทางเดินทั้งสองฝั่ง ความร่มเย็นเป็นสิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อรุกหน้าเข้ามาถึง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีไม้ให้ร่มเงา มีเสียงนกจิ๊บๆ ดังมาจากกิ่งไม้สูงสล้าง มีเสียงไม้หลากชนิดเอนอ่อนลู่ลมราวกับมีชีวิต

ทุกที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี มองไปทางใดก็เห็นต้นไม้ละลานตา โดยเฉพาะต้นกล้าเล็กๆ ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ได้รับการประคบประหงมอย่างดีใต้เต็นท์สีดำ เราอดสงสัยไม่ได้ว่า ที่นี่มีมนตร์สะกดหรืออย่างไร จึงตรึงหัวใจเราให้เบาหวิว มีความสุขไปเองโดยอัตโนมัติ

สวรรค์บนดินแห่งนี้เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของชายผู้หนึ่งซึ่งมีปณิธานแรงกล้าที่จะพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

มองทะลุเข้าไปยังร่มไม้ริมสระน้ำ คำนึง เจริญศิริ นั่งอยู่ตรงนั้น เขามองดูปลาที่ว่ายอยู่ในสระด้วยความใจเย็นก่อนหันมาพูดกับผมว่า

konbaplook01 1
konbaplook02

“การปลูกต้นไม้ให้อะไรมากกว่าที่คิด ต้นไม้ให้ความร่มรื่นร่มเย็น ทำให้ดินดี น้ำดี อากาศดี อาหารดี สุดท้ายยังนำคนดีมาหาเราด้วย ดูสิ แค่ปลูกต้นไม้อย่างเดียว เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่ดีที่สุด”

กว่าคำนึงจะมีสวนป่าที่ร่มรื่นอย่างนี้ได้ เส้นทางของเขาไม่สวยหรูเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีก่อน พื้นที่นี้เป็นเพียงทุ่งนาโล้นแล้ง มีเพียงไอแดดร้อนผ่าวสาดส่องซังข้าวสีเหลืองแห้งๆ ไร้สีสัน ในหมู่บ้านก็มีแต่คนชรากับเด็กเล็ก เพราะคนหนุ่มสาวทิ้งบ้านเข้าไปหางานทำในเมืองกรุง ซึ่งคำนึงก็เป็นหนึ่งในนั้น

วันหนึ่งเมื่อกลับมาเยี่ยมบ้าน เขาพบว่าหมู่บ้านไม่น่าอยู่เสียเลย มีแต่พื้นดินแห้งแล้งไร้ชีวิต ดูแล้วน่าหดหู่ใจ คำนึงจึงรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อบ้านเกิด แล้วก็บังเอิญได้พบชายคนหนึ่งซึ่งกำลังปลูกต้นไม้ด้วยความสุข เขาจึงถามไปว่า “ปลูกต้นไม้แล้วได้อะไร”

“ต้นไม้มีค่าเหมือนทอง ยิ่งปลูกยิ่งได้ทอง”

คำตอบที่ได้ส่งผลให้คำนึงตาสว่างทันที

เขาเริ่มเรียนรู้วิธีปลูกต้นไม้อย่างประณีตตั้งแต่บัดนั้น ด้วยการเข้าอบรมตามศูนย์เรียนรู้ต่างๆ อ่านหนังสือ และรับคำแนะนำจากปราชญ์ชาวบ้านผู้ผ่านประสบการณ์มาก่อน แล้วนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตน

คำนึงปลูกพืชริมคันนา เช่น กล้วย พริก มะเขือ มะละกอ ก่อนเป็นอันดับแรก พืชเหล่านี้นอกจากให้ผลผลิตเร็ว ยังช่วยปรับหน้าดินให้มีสภาพดีขึ้นด้วย ต่อมาจึงเริ่มปลูกพืชจำพวกพญาพืช เช่น ต้นยางนา ตะเคียนทอง พะยูง ไม้แดง มะฮอกกานี สลับกันไปจนเต็มคันนา

อุปสรรคแรกที่พบคือไม่มีน้ำเพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไหนจะพวกวัวควายที่ชอบเข้ามากัดกินผลผลิตจนเสียหาย แต่ทั้งหมดนั่นยังไม่น่าหนักใจเท่าคำสบประมาทของผู้คนรอบข้างซึ่งพูดจาดูถูกถากถางบั่นทอนจิตใจไม่เว้นวัน ว่าการกระทำของเขาจะทำให้เขาอดตายและลำบากในภายภาคหน้า

konbaplook03
konbaplook04

คำนึงเดินหน้าต่อไปไม่ลดละ เขาลองเปลี่ยนกลวิธีใหม่ด้วยการห่มฟางให้พืช เพราะความชื้นจากฟางจะช่วยผลิตน้ำให้พืชได้ ทั้งยังช่วยกักเก็บน้ำได้ดีอีกด้วย ซึ่งก็เป็นผล ฟางเหล่านั้นช่วยให้เขาเอาตัวรอดได้ในระดับหนึ่ง

แต่เมื่อเขาคิดจะขุดสระกลับถูกต่อต้านจากพ่ออย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ขุดสระได้สำเร็จในที่สุด ทำให้พ่อโกรธจัดถึงขั้นเอามีดไล่ฟันและไล่ออกนอกบ้าน

คำนึงค้นพบว่า ความสุขเดียวในเวลานั้นคือการได้ดูต้นไม้เติบโตมีใบอ่อนชูช่อรับไอแดด ทุกครั้งที่ได้ปลูกต้นไม้เขาจะมีความสุขจนลืมคำสบประมาทของผู้คนไปหมดสิ้น

สี่ปีต่อมาต้นไม้ที่ปลูกเริ่มเติบใหญ่ อุโมงค์ต้นไม้มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวไม่หวาดไหว โดยเฉพาะมะฮอกกานีซึ่งออกผลเต่งตูมเก็บจนเหงื่อท่วมตัวก็ยังไม่หมด แถมเอาไปตากขายยังได้กำไรดีอีกด้วย

พื้นที่โล้นแล้งในวันนั้นแปรเปลี่ยนมาเขียวชอุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งที่คำนึงทำสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก นับจากนั้นมาคำดูถูกก็เปลี่ยนเป็นคำชื่นชม พ่อซึ่งคัดค้านอย่างหนักก็เปลี่ยนมาปลูกสวนป่าตามคำนึงอย่างจริงจัง

“สวนป่าคืนถิ่น” บัดนี้มีแมกไม้สูงใหญ่ปกคลุมไปทั่ว มีฝูงนกมาแย่งกินลูกไม้ส่งเสียงกันครื้นเครง แซมด้วยเสียงเซ็งแซ่ของสัตว์ประจำถิ่น อีกทั้งหมู่ผึ้งก็บินตอมเกสรอย่างชุกชุม แม้แต่สัตว์กินพืชยังกระโดดลัดเลาะกิ่งไม้และถ่ายมูลก้อนโตลงเป็นปุ๋ยให้ไม้เหล่านั้น

เพียงแค่การนอนดูใบไม้แห้งร่วงหล่นบนพื้นก็สร้างความสุขได้อย่างน่าประหลาด ธรรมชาติรอบกายสอนหลายสิ่งแก่คำนึง ไม่เฉพาะวิธีพึ่งพาตัวเองในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ยังสอนให้รู้จักความสุขและการพ้นทุกข์จากการเข้าใจธรรมชาติ เช่นที่เขาบอกกับเราว่า

“เราให้ธรรมชาติ ธรรมชาติให้เรา เราจะพ้นทุกข์”

konbaplook05
konbaplook06

ปัจจุบันคำนึงมีความสุขอย่างยิ่งกับสวนป่าของเขา เขาหลุดพ้นจากความวุ่นวาย ความกระเสือกกระสนไม่เว้นวัน มาใช้ชีวิตผ่านไปอย่างเรียบง่าย กินอยู่ใช้กับผลผลิตที่หาได้ภายในสวน ยามเหนื่อยกายก็เอนตัวพักผ่อนบนเปล ฟังเสียงลมประสานเสียงนกกู่ร้องขับกล่อมอย่างรื่นหู วันดีคืนดีก็มีคนต่างถิ่นเข้ามาซื้อผลผลิตถึงสวนโดยเขาไม่จำต้องออกไปโฆษณาแต่อย่างใด

ความสุขและประสบการณ์จากการปลูกต้นไม้ส่งให้คำนึงได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพปลูกสวนป่า ประจำปี 2562

และเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาปลูกต้นไม้ต่อไป พร้อมทั้งสรรหาพืชหายากมาปลูกในสวนอยู่เสมอ เวลาว่างก็เพาะกล้าไม้ขายบ้าง บริจาคบ้าง หรือให้เป็นของฝากตามแต่โอกาสจะอำนวย ทั้งยังเป็นวิทยากรคอยให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจปลูกสวนป่าเช่นเดียวกับเขาได้ต่อยอดต่อไป

“ธรรมชาติมีทุกอย่าง คนสมัยก่อนเข้าใจธรรมชาติจึงพึ่งตัวเองได้ ธรรมชาติพร้อมให้อยู่แล้ว คนจะพร้อมลงมือทำเมื่อไร”

คือคำพูดหนึ่งของคำนึงที่ผมจดจำได้ แม้จะอำลา “สวนป่าคืนถิ่น” มาแล้ว.

konbaplook07

แหล่งข้อมูล : “สวนป่าคืนถิ่น” บ้านตามา ตำบลชุมแสง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์

คำนึง เจริญศิริ โทร. 09-8584-3075

Facebook : คำนึง เจริญศิริ

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานสัมพันธ์กับธรรมชาติด้วยกัน ในเฟซบุ๊กกรุ๊ป Park ใจ

ชวนสัมผัสและสื่อสารกับธรรมชาติ โดยนิตยสารสารคดี และนายรอบรู้ นักเดินทาง

สนับสนุนโดยเพจความสุขประเทศไทย และธนาคารจิตอาสา