พอเข็มนาฬิกาเดิน ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ผ่านเลข ๑๒ ของกลางดึกคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ก็ถือว่าเราได้ก้าวข้ามจากอดีตสู่อนาคตกันแล้ว
คือจากปีเก่า ๒๕๖๓ มาเป็นปีใหม่ ๒๕๖๔
หลายคนอยากรู้มากว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปีหน้าหรืออนาคตข้างหน้า เพราะปีที่ผ่านมานั้นช่างมีความไม่แน่นอนต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน
แต่เคยคิดไหมว่าถ้ามีไทม์แมชีนย้อนเวลาไปได้ อยากกลับไปเปลี่ยนอะไรในปีที่ผ่านมาหรือในอดีตให้มันดีกว่านี้บ้าง

ถ้าใครเป็นแฟนซีรีส์เกาหลี จีน หรือญี่ปุ่น จะพบว่าซีรีส์ดังๆ หลายเรื่องใช้พลอต “ข้ามเวลา” กันมากมาย ซึ่งของไทยก็ไม่น้อยหน้ากับละครดังอย่าง บุพเพสันนิวาส เมื่อหลายปีก่อน (และกำลังจะมีภาค ๒ ในปี ๒๕๖๔ นี้)
จะเป็นอย่างไรถ้าคนยุคปัจจุบันย้อนกลับไปในยุคอดีต ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของบ้านเมือง สงคราม ภัยพิบัติการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ หรือแม้แต่เหตุการณ์สำคัญในชีวิตส่วนตัวของตัวละครเอง
หรือจะเป็นอย่างไรถ้าคนยุคอดีตข้ามเวลามายุคปัจจุบัน หรือคนยุคนี้ข้ามเวลาไปยุคอนาคต
ในซีรีส์ข้ามเวลานอกจากตัวละครจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของผู้คน วัฒนธรรม ข้าวของเครื่องใช้ ที่ต่างออกไปจากความคุ้นเคย ซึ่งเขาต้องใช้เวลาปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกใบใหม่แล้ว
โจทย์สำคัญของทุกเรื่องคือการกระทำของเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรในโลกนั้นได้หรือไม่ และจะส่งผลอะไรกับโลก
ที่เขาจากมา
ในกรณีของการย้อนเวลาจากปัจจุบันไปอดีต (หรือจากอนาคตกลับมาปัจจุบันก็เหมือนกัน เพราะปัจจุบันของเราคืออดีตของคนอนาคต) บางพลอตเรื่องก็วางกติกาว่าเปลี่ยนได้ แต่แค่เพียงสิ่งปลีกย่อยที่ไม่สลักสำคัญ แต่ปัจจุบันหรืออนาคตก็จะต้องยังคงเหมือนเดิมในภาพรวม ซึ่งแบบนี้น่าขัดใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่ไม่ต้องการ สุดท้ายแล้วทำอย่างไรก็จะเกิดผลลัพธ์เหมือนเดิมอยู่ดี โกงไม่ได้ อย่างการเกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ในภาพยนตร์หรือซีรีส์แนวแอนิเมชันบางเรื่อง
บางพลอตก็วางกติกาว่าเปลี่ยนได้ และอนาคตก็เปลี่ยนตามด้วย แต่จะเป็นอีกโลกหนึ่ง เรียกว่าโลกคู่ขนานที่เส้นเวลาแยกทางเดินกับเส้นเวลาเดิมที่เคยใช้ชีวิตผ่านมา และถ้ายิ่งพยายามย้อนไปแก้มัดปมมากเท่าไร ก็ยิ่งยุ่งเหยิงอีนุงตุงนังมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนอะไรเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจเกิดผลที่คาดหมายไม่ได้ เผลอๆ เลวร้ายกว่าเดิม กลายเป็น butterfly effect
บางพลอตก็วางให้เป็นการ “วนลูป” คือการที่คนปัจจุบันตัดสินใจย้อนไปเปลี่ยนแปลงอดีตทำให้เกิดผลลูกโซ่ต่อเนื่องต่างๆ มาถึงปัจจุบัน ซึ่งมาลงเอยว่าก็คือปัญหาที่ทำให้เขาต้องย้อนกลับไปแก้ไขอดีตนั่นเอง น่าประหลาดใจที่สรุปแล้วตัวเองก็คือต้นเหตุและปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด วนเวียนเป็นวัฏฏะต้นทุนที่ตัวละครทุกคนมีติดตัว คือความรู้และศักยภาพจากโลกเดิม ที่พยายามนำไปช่วยเหลือหรือแก้ไขสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ แต่สิ่งสำคัญมากของการข้ามเวลา คือความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในโลกใหม่
แต่ไม่ว่าโลกอดีตหรืออนาคต สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือธรรมชาติของมนุษย์ การต่อสู้ระหว่างความรักความเมตตากับความโลภความเห็นแก่ตัว ความยุติธรรมกับอำนาจ/ผลประโยชน์ การสร้างความร่วมมือกับการใช้อำนาจกำลังบังคับปัญญากับความโง่เขลา ทั้งในฐานะปัจเจกชน องค์กร และสถาบัน
ปีใหม่ อนาคตใหม่ มาถึงแล้วแบบช้าๆ แต่มันก็ผ่านวัน เดือน ปี ไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
หวังว่าคุณผู้อ่านทุกท่านจะก้าวข้ามเวลาอย่างมีความสุขในทุกย่างก้าว และสมหวังกับทุกผลลัพธ์ที่คาดหมายครับ
สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี
suwatasa@gmail.com