
“ฉันรักเกาะเกิด” ตัวอักษรสีขาวเด่นบนรั้วสีน้ำตาลรั้งสายตาให้หยุดมอง ในมุมหนึ่งก็คงคล้ายกับข้อความโฆษณาชุมชนที่เห็นได้ดาษดื่น ขณะเดียวกันเมื่ออ่านแล้วก็ฝังอยู่ในความคิด ชวนให้คำนึงถึงความหมายเบื้องหลัง ว่าเหนือไปกว่าแหล่งท่องเที่ยว ที่แห่งนี้ยังซุกซ่อนรสชาติชีวิตแบบใดไว้

ชุมชนเกาะเกิด กำเนิดกลางเจ้าพระยา
ที่มาของชื่อตำบล “เกาะเกิด” อำเภอบางปะอิน เล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีว่าดินตะกอนถูกซัดพามาทับถมกัน เกิดเป็นเกาะกลางลุ่มน้ำเจ้าพระยา กระทั่งปัจจุบัน สุชิน อุ้มญาติ ในฐานะประธานการท่องเที่ยวของชุมชน พัฒนาต่อยอดจนเกาะเกิดกลายเป็นชุมชนที่อ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ
“เราใช้การท่องเที่ยวพัฒนาชุมชน” สุชินบอกเราว่าการท่องเที่ยวทำให้ชุมชนพัฒนาขึ้นจริงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีที่พักและกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย แต่สิ่งที่สร้างรายได้คือ “อาหาร” เฉพาะปี 2561 ที่ผ่านมารายได้จากอาหารเพียงอย่างเดียวก็สูงกว่า 9.6 แสนบาท เหตุใดขนมพื้นบ้านโบร่ำโบราณจึงสามารถดึงดูดนักเดินทางมากมายมายังสถานที่แห่งนี้ได้


หมี่กรอบโบราณ หอมฟุ้งในโฮมสเตย์
กลิ่นหอมชวนให้ก้าวเท้าไปยังใต้ถุนบ้านพื้นไม้สองชั้น คำปน ชมสมุทร หรือเล็ก กำลังง่วนอยู่กับการคลุกเคล้าหมี่กรอบกับน้ำปรุงรสด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลูกสาวของแกยืนมองภาพนั้นอยู่ไม่ห่าง “ความสุขของป้าเขาคือการได้รับแขก เหมือนกับเรามีรายได้เพิ่ม (จากการทำไปขายที่ตลาด) ตอนนี้มีญาติไปทั่วแล้ว” เธอกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ต่างกัน
คำปนมัดใจลูกค้าด้วยการหยิบเอาคำติชมมาปรับปรุงสูตรน้ำปรุงให้มีรสชาติถูกปากลูกค้าอยู่เสมอ อย่างหวานมากก็ตัดด้วยเปรี้ยว จัดจ้านเกินไปก็เจือจางรสชาติลงมาหน่อย ด้วยคำนึงถึงสุขภาพของกลุ่มลูกค้าสูงวัย ลองผิดลองถูก ลดนู่นเติมนี่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าหลายๆ กลุ่ม ด้วยความพิถีพิถันในการทำหมี่กรอบเเละใส่ใจลูกค้าของคำปนนี่เองจึงทำให้หมี่กรอบได้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นำชื่อเสียงมาให้ชุมชนเกาะเกิดแห่งนี้
มากไปกว่านั้น เมื่อลองเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้านก็จะพบกับที่นอนวางเรียงรายอยู่ ทั้งนี้นอกจากจะทำหมี่กรอบแล้ว คำปนยังเปิดโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย
จิตลัดดา วิลาไล หรืออร ลูกสาวคำปนเล่าว่า การเปิดโฮมสเตย์ตอนแรกได้รับเสียงคัดค้านจากชาวบ้านหลายหลังให้ระวังจะเกิดเหตุอันตราย เธอเองก็กลัวบ้างในตอนแรกที่มีคนมาพัก แต่เมื่อบริการลูกค้ามากขึ้นความกลัวก็น้อยลง กลับได้มิตรภาพจากการเปิดบ้านให้คนนอกเข้ามาพัก และบางคนที่แวะมาพักแล้วก็กลับมาพักซ้ำ
เมื่อชุมชนค้นพบความกล้าที่จะเปิดรับคนจากภายนอก การทำโฮมสเตย์จึงกลายเป็นหนึ่งจุดแข็งของชุมชนเกาะเกิดที่เรียกนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสชีวิตริมฝั่งแม่น้ำ จนปัจจุบันจำนวนโฮมสเตย์บนเกาะเกิดก็มีจำนวนมากขึ้นหลายหลังจนสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้สูงสุดถึง 120 คน


ขนมข้าวยาคู รสชาติหวานมันของชุมชน
“นุ่มนวลหอมละมุน” รสสัมผัสแรกของขนมชื่อแปลกหูที่เราได้ลองลิ้มรสตามคำเชื้อเชิญของ พเยาว์ รัตนปรากฏ ผู้สืบทอดต้นตำรับขนมข้าวยาคูแห่งชุมชนเกาะเกิด
“ป้าเริ่มตั้งเป็นกลุ่มอาชีพตอนผู้ใหญ่ลำพูนชวน” เธอเล่าพลางเคี่ยวขนมข้าวยาคู ขนมที่มีประวัติมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล พร้อมขยายความว่า ขนมข้าวยาคูไม่ได้มีวิธีการทำซับซ้อน แต่ต้องใช้น้ำนมจากข้าวรวงอ่อนในระยะ 2 เดือน นำมาตำและคั้นรวมกับใบเตยเพื่อเพิ่มความหอม ก่อนจะผสมกับแป้งข้าวเจ้าแล้วมานำมาเคี่ยวจนหนืด ตบท้ายด้วยการราดน้ำกะทิ กระทั่งได้ขนมหน้าตาคล้ายตะโก้ แต่มีรสสัมผัสที่อ่อนนุ่มกว่า จึงกลายเป็นขนมคู่ชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้ในอีกทางหนึ่ง


รสมือของแท้ โดยสี่แม่ครัว
“แก๊ง แก๊ง แก๊ง” เสียงตะหลิวชนขอบกระทะดังมาจากโรงครัว สี่แม่ครัวกำลังง่วนอยู่กับอาหารกลางวันของพวกเรา แม่ครัวลำพวนปรุงแกงเขียวหวาน แม่ครัวเกสรกำลังทอดไก่ แม่ครัวสัมพันธ์โรยพริกตกแต่ง ส่วนแม่ครัวสมจิตรจัดกล่องข้าว
“เมื่อก่อนมีสามคน เขาเรียกแก๊งสามช่า ตอนนี้เพิ่มมาอีกคนหนึ่ง” แม่ครัวสัมพันธ์เล่าถึงที่มาของฉายาประจำกลุ่ม
กลุ่มสามช่าที่ตอนนี้กลายเป็นสี่ช่า มีชื่อทางการว่า “กลุ่มแม่บ้าน” เดิมทีทั้งสี่เคยเป็นสาวโรงงาน แต่ปัจจุบันหันมาประกอบอาชีพเป็นแม่ครัวประจำชุมชนแทน กลุ่มแม่ครัวเกิดขึ้นมาพร้อมกับโฮมสเตย์เกาะเกิด เพื่อช่วยกันทำอาหารบริการนักท่องเที่ยว
“มันหาเลี้ยงครอบครัวได้อยู่แล้ว” บรรดาแม่ครัวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า งานนี้สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้สบาย แทนที่จะอยู่บ้านเฉยๆ คอยเลี้ยงหลาน “พวกผักเราก็ซื้อจากที่นี่” แม่ครัวเกสรบอกถึงที่มาของวัตถุดิบกับพวกเรา
วัตถุดิบต่างๆ สามารถหาได้จากในชุมชน เป็นการช่วยเหลือกันไปภายในตัว ส่วนวัตถุดิบที่มีไม่พอก็จะซื้อจากตลาดข้างนอกแทน สิ่งนี้คือความสุขของแม่ครัวทั้งสี่กับการได้ทำอาหารรับแขก ทำแล้วมีความสุข แถมได้เงิน เป็นความสุขง่ายๆ ในชีวิตของแม่ครัวทั้งสี่คน
“เวลาเขาบอกอาหารอร่อยเราก็ยิ้มแก้มปริเลย พิสูจน์สิ” แม่ครัวสัมพันธ์กล่าว
เราได้พิสูจน์รสมือของกลุ่มแม่ครัวจากอาหารมื้อกลางวันแล้วว่า ไก่ทอดและแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายนั้นอร่อยจริงๆ


รสแรกเริ่มของเกาะเกิด
ลำพูน พรรณไวย หรือพูน อดีตผู้ใหญ่บ้านชุมชนเกาะเกิด อายุ 71 เธอได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกเมื่อ 13 ตุลาคม 2534 หลังจากนั้น 2 ปีเธอลองรวมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร แต่แล้วก็ล้มเหลว ขายไม่ได้ ไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันบ้าง และนั่นไม่ใช่ความล้มเหลวครั้งสุดท้าย เพราะยังมีปัญหาสุขภาพรุมเร้าเข้าซ้ำเติม
“สนใจแค่งานอย่างเดียว ไม่สนสุขภาพหรอก” — ดังนั้นพอลำพูนป่วยเป็นเบาหวานก็ยิ่งทำให้สุขภาพทรุดลง แม่ของเธอจึงไปค้นตำราเก่าแก่ของตาทวดผู้เป็นหมอโบราณ ปรุงยาปรับธาตุโบราณมาทดลองกิน จนปี 2540 โรคที่เป็นก็หายไป ร่างกายแข็งแรงขึ้น ป้าพูนจึงพยายามรวมกลุ่มชุมชนอีกครั้ง หลังจากผ่านความล้มเหลวมาตลอดเก้าครั้ง
“ก็ลองดู ลองอีกครั้งหนึ่ง” เธอตอบ ท่ามกลางความสงสัยของคนรอบตัว
ป้าพูนเล่าว่าเธอนึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก่อนเราจะทำอะไรสุขภาพต้องแข็งแรง ท้องต้องอิ่ม ครอบครัวต้องอบอุ่น เธอชวนพี่น้องมาทำงานสมุนไพร ขายดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ต้องไปขาย ไปให้คนรู้จัก หลังจากนั้นก็เริ่มรวมกลุ่มคนต่างหมู่บ้านที่เคยล้มเหลวด้วยกันมาทำยาสมุนไพร
ปี 2546 ธนาคารออมสินสนับสนุนให้รายการ “เกมทศกัณฑ์” มาถ่ายทำขั้นตอนการนึ่งและบดสมุนไพร พร้อมทั้งสรรพคุณสุดพิเศษ เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังจากนั้นก็มีคนโทรศัพท์มาไม่ขาดสาย ขนมต่างๆ ในชุมชนเกาะเกิดจึงพลอยขายดิบขายดีไปด้วย
“ต้องค้นให้พบ ในชุมชนเรามีกิจกรรม มีอาชีพอะไรที่มันเด่น แม้แต่วิถีชีวิตของเรา มันก็ขายได้หมดเลย” ผู้ใหญ่ลำพูนสรุปหัวใจของการพัฒนาบ้านที่ตนรัก “ความสุขที่สุดของป้าทุกวันนี้ คือชุมชนรวมกันได้แล้วมีอาชีพ อยู่กันได้ พึ่งพาตัวเองได้”
เราฟังแล้วคิดตาม พลันนึกไปถึงข้อความบนป้ายที่เดินผ่านขาเข้ามา หลังจากที่มีโอกาสได้พูดคุยกับชาวบ้าน ได้เห็นการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่รักใคร่ เห็นภูมิปัญญา และความพยายามที่จะใช้ความสามารถของแต่ละคนมาร่วมกันปรุงรสชาติอันหลากหลายของชุมชนเกาะเกิดให้กลมกล่อมลงตัว
ตอนนี้เราเริ่มเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของประโยค “ฉันรักเกาะเกิด” ขึ้นมาแล้ว