ทำไมมนุษย์ต้องผายลมด้วย มันเกิดจากอะไรครับ ?

(ดนัย / กรุงเทพฯ)

ทำไมมนุษย์ต้องผายลม ?
Farting man line concept icon. Farting man flat vector website sign, outline symbol, illustration.

ตด, ผายลม เกิดจากแก๊สที่เราปล่อยออกมา เกิดจากการหมักหมมของกากอาหาร ที่ไม่ย่อยสลายแล้วในลำไส้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์จากนมเป็นหนึ่งในต้นเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดแก๊ส อาหารอื่น ๆ ที่เพิ่มปริมาณแก๊สในลำไส้ ได้แก่ ถั่ว กะหล่ำปลี บร็อกคอลี และดอกกะหล่ำ ดังนั้นถ้าคุณมีปัญหาเรื่องผายลมอยู่แล้วละก็ ควรพยายามหลีกเลี่ยงอาหาร “ส่งเสียง” เหล่านี้

อย่างไรก็ตาม การผายลมไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่เพื่อมารยาทก็ไม่ควรผายลมให้ประเจิดประเจ้อนัก

คุณดนัยถามเรื่องนี้มา ทำให้ “ซองคำถาม” ค้นพบเรื่องสนุกของผายลมหลายเรื่อง จะขอเล่าไว้ตรงนี้เลย

จากการสำรวจเมื่อต้นทศวรรษ ๑๙๙๐ พบว่า

  • โดยเฉลี่ยในแต่ละวันเราผายลม ๙-๑๔ ครั้ง
  • คู่เดตหนุ่มสาวใช้เวลาคบกันโดยเฉลี่ย ๙๓ วันก่อนที่จะกล้าผายลมต่อหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง
  • ประมาณ ๕๒% ของคนที่ผายลมมักจะโทษผู้อื่นหรือสุนัขที่เลี้ยงไว้
  • ประมาณ ๗๑% ของคนที่ว่ายน้ำยอมรับว่าผายลมลงในแม่น้ำ ทะเล ทะเลสาบ รวมทั้งสระว่ายน้ำด้วย

มีเรื่องเล่าว่า แม้แต่จอมเผด็จการฮิตเลอร์ก็ไม่อาจ “ควบคุมสั่งการ” ลมในลำไส้ของตนเองได้ ตลอดช่วงชีวิตฮิตเลอร์พยายามเอาชนะอาการผายลมเรื้อรังของเขา ด้วยการกินเม็ดถ่าน สารสตริกนิน และพืชมีพิษเบลลาดอนนา ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาในปริมาณควบคุม สตาลินเองเคยถึงกับเลิกประชุมแผนการรบกลางคัน และพยายามกลบเกลื่อนเสียงลมที่เขาปล่อยออกมาทางประตูหลัง ด้วยการเขย่าเหยือกน้ำใส่น้ำแข็งที่วางอยู่บนโต๊ะ

ถ้าเอาชนะการผายลมไม่ได้ ก็เอามันมาใช้ประโยชน์ดีกว่า ลองฟังเรื่องนี้ดู โจเซฟ พูโจล (Joseph Pujol) สร้างชื่อจากการผายลมอันพิสดารของเขาในช่วงปลายศตวรรษที่ ๑๙ พูโจลเป็นที่รู้จักกันดีทั่วกรุงปารีสในฉายา “จอมพลังตด” (The Fartiste) พ่อลูกเก้าผู้ชำนาญในการผายลมแลกกับเงินต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก ณ โรงละครมูแลงรูจอันลือชื่อและโรงละครทั่วประเทศฝรั่งเศส เขาโด่ง “ดัง” จนกระทั่งมีการตั้งชื่อถนนสายหนึ่งในกรุงปารีสตามชื่อของเขา

ในการแสดงแต่ละรอบ พูโจลก้าวขึ้นสู่เวทีในสูทผ้าไหมกับเชิ้ตผ้าลินินสุดหรู หลังจากกล่าวอารัมภบทสั้น ๆ เขาจะหันหลังให้ผู้ชม เอนตัวไปข้างหน้า วางมือทั้งสองลงบนเข่า อาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการบีบรัด และคลายกล้ามเนื้อทวาร และหน้าท้อง พูโจลจะปล่อยลมที่ปราศจากกลิ่นออกมา เป็นเสียงสูงต่ำราวกับบรรเลงดนตรี ถัดมาเขาจะเลียนเสียงผายลมอันนุ่มนวลของเจ้าสาว ในช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ตามด้วยเสียงผายลมกึกก้องกัปนาทคล้ายเสียงยิงปืนใหญ่

พูโจลนับเป็นบุคคลคนเดียวในโลก (เท่าที่บันทึกไว้) ที่ประกอบสัมมาชีพด้วยการผายลม เขาเลิกแสดงไปในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ และหันไปทำธุรกิจร้านเบเกอรี่ ร่วมกับครอบครัวในเมืองมาร์แซลส์ (Marseilles) โจเซฟ พูโจลเสียชีวิตใน ค.ศ. ๑๙๔๕ เมื่ออายุได้ ๘๘ ปี