เรื่องและภาพ : ฐปกร ลิขิตนภาเวทย์

การเดินทางผ่านความเชื่อ เพื่อเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลง
พระบรมธาตุศาสดามหานทีบารมีพิทักษ์ (พระธาตุทันใจ)

ช่วงเวลา 10 ปีนานเพียงไหน

นานเพียงพอที่จะทำให้เด็กซึ่งไม่รู้ความ เติบโตจนรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้มากมาย

นานเพียงพอที่จะทำให้เมล็ดพันธุ์เล็กๆ เมล็ดหนึ่งเติบใหญ่กลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่มั่นคง

นานเพียงพอจะทำให้สิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ เสื่อมทรุดหรือแปรเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม

หากแต่ 10 ปีสำหรับที่นี่ ที่พระบรมธาตุศาสดามหานทีบารมีพิทักษ์ หรือที่กลุ่มพวกผมเรียกว่าพระธาตุทันใจ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในจังหวัดมุกดาหารนั้น กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไร นอกจากสีที่หลุดลอกบ้าง ดวงไฟบางดวงไม่ติด และรอยแตกร้าวบางแห่งก็เท่านั้น หากจะมีสักสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนก็คงเป็นผู้คนที่ไม่ได้มากันมากมายดั่งในวันที่พระบรมธาตุแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน

พระบรมธาตุแห่งนี้สร้างขึ้นวันที่ 5 ธันวาคม 2553 และดำเนินการจนแล้วเสร็จก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคม 2553 จึงเป็นเหตุให้อาจารย์ผู้ชวนผมร่วมเดินทางเพื่อไปบูรณะพระบรมธาตุฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระบรมธาตุฯ เรียกชื่อว่าพระธาตุทันใจ และให้คำสัตย์ว่าจะมาที่นี่ในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี

journey02
เพชรน้ำค้าง

ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ในทุกสิ่งที่คงเดิม

นี่คือปีที่ 3 ที่ผมออกเดินทางมาที่พระบรมธาตุแห่งนี้ หลังจากจัดเตรียมสิ่งของเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นจุดรวมตัวกันในวันที่ 2 ธันวาคม โดยแวะสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดเส้นทาง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คณะเดินทาง และยังทำพิธีกรรมตามความเชื่อหลายสิ่ง ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสนใจหรือได้ทำสักเท่าไร

ตลอดช่วงเวลาไม่กี่วัน สิ่งที่ผมพบไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ ทว่าเป็นสิ่งธรรมดาที่กลับทำให้แปลกใจกับความไม่เหมือนเดิมของมัน เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจว่าเพราะอะไรเมื่อใครคนหนึ่งทุกข์ใจ แต่พอได้สวดมนต์ไหว้พระ เข้าร่วมในพิธีต่างๆ นานา แม้ความทุกข์ยังคงอยู่แต่ใครคนนั้นก็สบายใจขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปนั่นเอง ความรู้สึกว่ามีที่พึ่งพิง ความรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เป็นความรู้สึกของความหวัง ที่ทำให้คนเราพร้อมก้าวเดินอีกครั้ง แม้เรื่องเลวร้ายมากมายยังคงอยู่

ดังเช่นพี่สาวคนหนึ่งซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยกัน ในอดีตเธอมีหน้าที่การงานมั่นคง มีเงินเดือนหลักแสน แต่ระหว่างเดินทางครั้งนี้มีโทรศัพท์แจ้งมาว่าจะเข้าไปถอดหม้อแปลงที่บ้าน เพราะเธอไม่ได้จ่ายค่าไฟเกินกว่า 6 เดือน ชีวิตที่เศร้าหมองไม่รู้จะไปทางไหน น่าแปลกที่ภายหลังการเดินทาง เธอเล่าให้ฟังว่า เธอโทรศัพท์ไปแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว นอกจากจะไม่โดนถอดหม้อแปลง ยังช่วยคนที่ประสบปัญหาเช่นเธออีกหลายคนให้ทำเรื่องผ่อนผันออกไปได้อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้และเข้าใจหน้าที่ของพิธีกรรม ความเชื่อเหล่านี้มากขึ้น ว่ามันสร้างความหวังและช่วยให้คนคนหนึ่งแก้ปัญหาได้จริง ไม่ใช่เพราะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เพราะเมื่อจิตใจผ่อนคลายขึ้น เริ่มมองเห็นความหวัง การจะก้าวเดินต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก และนั่นอาจเป็นความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งเติบโต ซึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงภายใน อันเป็นบ่อเกิดของพลังให้ใครคนหนึ่งก้าวเดินต่อได้

เพชรที่แท้ก็เพียงแร่ก่อนหนึ่ง

ในวันที่ 3 ธันวาคม เราแวะพักที่วัดพุทธโมกพลาราม จังหวัดสกลนคร ทันทีที่เราไปถึงวัด หลวงพ่อ (หนุน สุวิชโย) ก็ขับรถลากพาชมรอบวัดยามค่ำคืน ก่อนจะพาไปยังบริเวณเขื่อนซึ่งท่านกำลังขุดเพื่อเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้ในอนาคต แล้วท่านยังพาพวกผมให้ลงไปเก็บเพชรน้ำค้างซึ่งขุดพบในบริเวณนั้นด้วย

เพชรน้ำค้างไม่ใช่เพชรแท้ เป็นแร่ชนิดหนึ่งที่เปล่งประกายได้ มีชื่อเรียกตามความเชื่อบางที่ว่าเหล็กไหลแก้ว และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย หากแต่เพชรที่แท้ความจริงก็เป็นเพียงแร่ชนิดหนึ่งที่แข็งกว่าแร่ชนิดอื่น เปล่งประกายมากกว่าหน่อยไม่ใช่หรือ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยสนใจเครื่องรางของขลัง ทว่าเมื่อมีโอกาสสัมผัสด้วยตนเองจึงเข้าใจว่า วัตถุมงคลเหล่านี้ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่อภินิหาร แต่เป็นคุณสมบัติพิเศษที่สามารถแปรเปลี่ยนจิตใจ ความเชื่อมั่นของผู้ที่ได้ครอบครองเท่านั้น

เพชรแท้ต้องใช้เวลานานเพียงไหนจึงแวววาวใช้ประดับเพิ่มความงามของคน วัตถุมงคลเหล่านั้นก็ไม่ต่างกัน ต้องผ่านพิธีกรรมไม่น้อยกว่าจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่ใช้เพิ่มความเชื่อมั่น เพิ่มความสุขความสบายใจของเรา ผมได้เรียนรู้ในพลังของความเชื่อมากยิ่งขึ้น และเข้าใจว่าอภินิหารหาใช่อำนาจที่เหนือธรรมชาติ หากแต่เป็นอำนาจที่มาจากการเปลี่ยนแปลงภายใน ก่อนแสดงออกมาภายนอกโดยที่เรายังไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นั่นต่างหากจึงเป็นอภินิหาร

journey03
บึงบัวในช่วงเวลาที่ไม่มีบัว
journey04
การบูรณะองค์พระบรมธาตุฯ ซึ่งต้องขึ้นไปทาสี ถอดกระจกเพื่อนำองค์พระลงมาสรงน้ำ ติดตั้งระบบไฟจากโซลาร์เซลล์

บึงบัวที่ไม่มีบัว

พวกเราตกลงจะไปเก็บเพชรน้ำค้างอีกครั้งในวันที่ 4 ธันวาคม เพื่อนำไปทำวัตถุมงคลหาเงินมาช่วยสนับสนุนหลวงพ่อในการสร้างเขื่อน แต่ผมได้รับหน้าที่สำคัญและเร่งด่วนกว่า คือการตามล่าหาซื้อดอกบัว 1,000 ดอก เพื่อทำพิธีบวงสรวงพระบรมธาตุฯ เพราะดอกบัวที่สั่งไว้เกิดปัญหาด้านการสื่อสาร และขายให้คนอื่นไปแล้ว ด้วยจำนวนที่เราต้องการทำให้ผมต้องวิ่งไปดูถึงบึงบัวที่ชาวบ้านปลูกเพื่อตัดขาย แต่พบเพียงบึงบัวที่ปราศจากดอกบัว กับบ่อบัวที่มีดอกบัวเล็กๆ อยู่ไม่กี่ดอก

ทุกสิ่งมีช่วงเวลาของมัน สิ่งที่พบตอกย้ำผมว่า ต่อให้วางแผนดีเพียงไหนก็ไม่อาจสู้ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผมทำได้เพียงให้ชาวบ้านช่วยพาไปตัดบัวดอกเล็กๆ นั้นมาได้จำนวนหนึ่ง และลองหาวิธีอื่นต่อไป

เมื่อผมกลับถึงที่พัก ทุกคนกำลังช่วยกันแยกเพชรน้ำค้างออกจากดิน พี่อีกคนหนึ่งบอกว่าลองติดต่อได้ร้านดอกบัวอีกร้านซึ่งจะจัดส่งให้ทันก่อนเวลาที่วางแผนไว้พอดี เป็นอีกครั้งที่ผมได้เรียนรู้ถึงความไม่แน่นอน ทุกสิ่งพร้อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ในเรื่องร้ายสิ่งที่ควรทำไม่ใช่การท้อ แต่เป็นหาทางไปต่อแม้จะเห็นเพียงทางตัน ผมจึงได้เข้าใจว่าในหลายครั้งหนทางที่ต้องเดินไปต่ออาจเป็นทางเส้นไหนก็ได้ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่เราต้องการ เราจึงไม่ควรยึดติดกับเป้าหมายมากเกิน เหมือนดังที่ผมยึดติดว่า ดอกบัวก็ต้องหาจากบึงบัว แม้บึงบัวนั้นจะไม่มีบัวอยู่ก็ตาม

journey05
ใบของต้นโพซึ่งขึ้นอยู่ใต้องค์พระภายในพระบรมธาตุฯ ถูกเวลาและไอน้ำทำให้กลายเป็นสีใสคล้ายแก้ว
journey06
องค์พระที่นำลงมาจากพระบรมธาตุฯ ทั้งสี่ทิศเพื่อสรงน้ำ

ความรับผิดชอบต่อตัวเรา

เราเดินทางมาถึงที่หมายในวันที่ 5 ธันวาคม สิ่งที่รอต้อนรับคือองค์พระบรมธาตุฯ สีขาวซึ่งต้านทานลมหนาวอยู่ริมโขง แม้ตัวพระบรมธาตุฯ จะไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไรเพราะได้รับการดูแลอย่างดี หากแต่ร่องรอยของกาลเวลา 10 ปีก็ปรากฏให้เห็นไม่น้อย ทั้งรอยร้าวบางแห่งที่ตัวองค์พระบรมธาตุฯ สีลอกหลายจุด ไฟหลายดวงไม่ติด องค์พระที่บรรจุไว้ภายในทั้งสี่ทิศมีตะไคร่ขึ้น และต้นโพที่ไม่รู้ว่าขึ้นอยู่ใต้องค์พระได้อย่างไร ทั้งที่มีกระจกกางกั้นอย่างมิดชิด

หลังจากกราบไหว้องค์พระบรมธาตุฯ เรียบร้อย พวกผมก็เริ่มงานตามความรับผิดชอบทันที ตั้งแต่แกะซิลิโคนเพื่อนำพระพุทธรูปทั้งสี่องค์ลงมาสรงน้ำ ขัดและลอกสีองค์พระบรมธาตุฯ เพื่อทาสีใหม่ เปลี่ยนหลอดไฟเป็นระบบโซลาร์เซลล์ ห่มผ้าพระบรมธาตุฯ ใหม่ และทำความสะอาดรอบบริเวณเพื่อเตรียมบรวงสรวงพระบรมธาตุฯ ในวันพรุ่งนี้

ตลอดการทำงานอดคิดไม่ได้ว่าเราทำสิ่งต่างๆ มากมาย เพื่อดูแลบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้น แต่เราทำอะไรบ้างเพื่อดูแลบำรุงรักษาตนเอง ใน 1 วันที่เราใช้ชีวิต อาจดูเหมือนว่าเราสนใจตัวเอง แท้จริงแล้วเราเข้าใจตัวเราเองเพียงไหน รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในตัวเราสักเท่าไร เราตั้งความรับผิดตอบกับสิ่งต่างๆ แต่เรากำหนดสิ่งใดเป็นความรับผิดชอบต่อตัวเราบ้าง

ในวันที่เหนื่อยล้า เรารู้ไหมว่าเหนื่อยล้าเพราะอะไร เพราะงานที่ทำมีมากมาย เพราะปัญหาที่รุมเร้า หรือเพราะจิตใจไม่มั่นคง เรารู้ว่าควรซ่อมบำรุงสิ่งอื่นๆ อย่างไร แต่รู้บ้างไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อบำรุงซ่อมแซมตนเอง

ผมมองเห็นร่องรอยความเปลี่ยนแปลงขององค์พระบรมธาตุฯ มากมาย แต่ตัวผมเองที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน กลับมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ไม่เคยดูแลรักษาตัวเองให้ดี ไม่เคยบำรุงซ่อมแซมความทรุดโทรมของตน ทั้งหมดเป็นเพราะผมไม่สามารถมองเห็นตนเองได้ หรือเพราะผมไม่พยายามมองให้เห็นตัวเองกันแน่ ผมจึงต้องคาดหวังให้ตัวเองเป็นดั่งพระบรมธาตุฯ ที่ปรารถนาให้ใครบางคนมองเห็นความทรุดโทรมที่เกิดขึ้น และเข้ามาดูแลรักษา บำรุงซ่อมแซมดังเช่นที่ผมกำลังทำกับพระบรมธาตุแห่งนี้

journey07
ทิวทัศน์ท้องฟ้าในช่วงฟ้าเปลี่ยนสี ซึ่งเป็นช่วงทำพิธีบวงสรวงพระบรมธาตุฯ

ความเปลี่ยนแปลงที่คล้ายว่าไม่ได้เปลี่ยนไป

เช้าวันที่ 6 ธันวาคม พวกเราตื่นตั้งแต่ตี 4 มาพับดอกบัว 1,000 ดอก ให้แล้วเสร็จเพื่อนำไปบวงสรวง แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเรารู้ว่าไม่ทันแน่ จึงตัดสินใจพับเพียง 789 ดอก อันเป็นกลุ่มเลขมังกรตามความเชื่อของจีน และกดึงกลีบดอกที่เหลือออกเพื่อโปรยแทนการพับ จากนั้นจึงเริ่มพิธีตามความเชื่อ

ช่วงฟ้าเปลี่ยนสีเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเริ่มพิธี เราจัดบรวงสรวงแบบง่ายๆ ด้วยจำนวนคนไม่มาก ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่นจนแล้วเสร็จ ก่อนที่เราจะเก็บข้าวของและเดินทางกลับ

ตลอดการเดินทางหลายร้อยกิโลเมตร ตลอดการแวะชมสถานที่หลายแห่ง รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ทำไปไม่น้อย ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากมาย ได้พบได้รับฟังทั้งเรื่องสุข เศร้า เหงา ทุกข์ มองเห็นพิธีกรรมในมุมมองใหม่ เข้าใจผลของความเชื่อที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเข้าใจความจริงแท้ที่ว่า เราไม่เคยเหมือนเดิมเลยสักวัน เพราะตลอดการเดินทางนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอยู่เสมอ ต่างจากการใช้ชีวิตปรกติในแต่ละวัน ที่การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งมักเรียบง่ายและคล้ายเดิมจนผมไม่ทันสังเกต เหมือนดังท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีทุกวัน เปลี่ยนจนกลายเป็นความธรรมดา ที่ดูคล้ายไม่ได้เปลี่ยน

ทำให้ผมได้นึกและพบว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้สุขหรือทุกข์ก็ล้วนมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หรือ เพียงแต่หลายครั้งความทุกข์อาจส่งผลกระทบต่อเรามากเกินกว่าจะรับไหว เราจึงมองเห็นมันได้เด่นชัด ต่างจากความสุขที่เราสามารถรองรับมันได้มาก เราจึงมักมองข้ามว่าเป็นเพียงสิ่งธรรมดา เหมือนดั่งช่วงเวลาที่ฟ้าเปลี่ยนสีเช่นนั้นหรือไม่

สุขทุกข์ที่เราได้รับอาจไม่ต่างกันนัก เพียงแต่ปริมาณที่เรารับได้เท่านั้นที่ต่างกัน สิ่งหนึ่งจึงกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงที่คล้ายว่าไม่ได้เปลี่ยน ขณะอีกสิ่งกลับดูเหมือนเปลี่ยนแปลงเรามากมายเหลือเกินเมื่อมันเกิดขึ้น

ความคิดนี้ทำให้ผมต้องถามตัวเองอีกครั้ง ว่าเราจำเป็นต้องรอให้ความสุขนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงเราได้ถึงจะมีความสุขอย่างนั้นหรือ สิ่งที่ควรทำในชีวิตคือค้นหาความเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งความสุขเกินรับไหว หรือควรเปลี่ยนแปลงตัวเองให้รับความทุกข์ได้เพิ่มขึ้น และลดขีดจำกัดของความสุขที่รับได้ให้น้อยลง เพื่อจะได้มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ที่ดูคล้ายว่าธรรมดา

สิบปีของพระบรมธาตุแห่งนี้อาจไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากมายนัก หากแต่ 10 ปีในชีวิตคนคนหนึ่งคงมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย แล้วเราอยากให้มันส่งผลกระทบแบบไหนต่อชีวิตเรา บางทีนี่อาจเป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่ผมได้เรียนรู้ในการเดินทางครั้งนี้