สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี
suwatasa@gmail.com

Kinsey Scale 0-6 : จากบรรณาธิการ สารคดี ฉบับที่ 435
Kinsey scale or the Heterosexual–Homosexual Rating Scale

ชั่วโมงแรกในห้องเรียนวิชา “แต่งงาน” ของมหาวิทยาลัยอินดิแอนา ค.ศ. 1938 (83 ปีก่อน) ศาสตราจารย์อัลเฟรด คินซีย์ (Alfred Kinsey) ฉายภาพอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง และยังบรรยายถึงขั้นตอนของเพศสัมพันธ์ตามความรู้ทางชีววิทยา ทำเอานักศึกษาทั้งห้องอ้าปากค้าง เพราะไม่เคยเห็นโจ่งแจ้งแบบนี้มาก่อน

ความรู้เรื่องเพศและเพศสัมพันธ์ของชาวอเมริกันสมัยนั้นถูกปกปิดด้วยสังคมเห็นว่ากิจกรรมทางเพศอื่น ๆ นอกเหนือจากเพศสัมพันธ์ของชาย-หญิงที่แต่งงานแล้ว ถูกประทับตราว่าผิดบาป น่าละอาย และอาจผิดกฎหมาย

ครั้งหนึ่งในการบรรยาย คินซีย์ขีดเส้นยาวบนกระดาน ปลายข้างหนึ่งเขียนกำกับว่าชาย อีกปลายหนึ่งเขียนว่าหญิง

เขาอธิบายว่า เพศสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ไม่ได้มีแค่ระหว่างสองเพศ บนเส้นนั้นยังมีผู้ชายที่ชอบผู้ชาย ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิง

ภายหลังเขาแบ่งความสัมพันธ์ทางเพศเป็นสเกล 7 ระดับ จากระดับ ๐ ถึง ๖ โดย ๐ คือคนที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามเท่านั้น และ ๖ คือคนที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันเท่านั้น ส่วน ๓ คือคนที่มีเพศสัมพันธ์กับทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันพอ ๆ กัน และแถมด้วย X สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ทางเพศ

การแบ่งระดับนี้รู้จักกันในชื่อ Kinsey Scale แต่คินซีย์เองก็บอกว่าจริง ๆ แบ่งแบบนี้ไม่ครอบคลุมหรอก เพราะยังมีคนอยู่ระหว่างเส้นแบ่งระดับต่าง ๆ อีก

ความสัมพันธ์นั้นมีมากมายหลากหลาย ไม่ได้กำหนดตายตัว และอาจเลื่อนไหลไปตามวัย

ความคิดอันท้าทายจารีตสังคมเมื่อ ๘๐ ปีก่อนของคินซีย์นั้นมาจากไหน (และยังท้าทายสังคมบางประเทศในวันนี้)

ก่อนจะมาเป็นนักเพศศาสตร์ก้าวหน้า คินซีย์เป็นนักกีฏวิทยาชั้นนำ เขาชอบการท่องไปในธรรมชาติ ตั้งแคมป์กลางป่า เก็บสะสมตัว “ต่อ” ที่เรียกว่า gall wasps ความคลั่งไคล้ในการวิจัยผลักดันให้คินซีย์เดินทางไปทั่วอเมริกาเหนือเป็นระยะทางเกือบ ๓ หมื่นกิโลเมตร ได้ตัวต่อมาราว ๗,๕๐๐,๐๐๐ ตัว (ตั้งใจเขียนเลขทุกหลักเพื่อให้เห็นความมหาศาลของตัวต่อ ๗.๕ ล้านตัว) ซึ่งปัจจุบันยังเก็บตัวอย่างไว้ใน American Museum of Natural History

ต่อแต่ละตัวนั้นเล็กจิ๋ว คือราว ๕ มิลลิเมตร ซึ่งคินซีย์จะวัดขนาดทั้งสามมิติ กว้าง ยาว สูง ของอวัยวะทุกส่วน ตั้งแต่ หัว อก ท้อง ปีก รวมถึงสีสัน จดบันทึกไว้อย่างละเอียด

สิ่งที่เขาบรรลุสัจธรรมจากการศึกษาตัวต่อ คือธรรมชาติมีความหลากหลายอย่างที่สุด แม้ต่อเล็ก ๆ ชนิดเดียว แต่ทุกตัวก็ไม่มีตัวไหนเหมือนกันเลย

คินซีย์เติบโตมาในครอบครัวเคร่งศาสนา ตอนเด็กชอบธรรมชาติ จดจำชื่อดอกไม้ แมลง ไว้เต็มหัว แต่เมื่อโตขึ้นพ่อบังคับให้เขาตามรอยตนเองเป็นวิศวกร

เขาตัดสินใจแตกหัก ออกจากบ้านเดินตามฝันการเป็นนักชีววิทยา จนเมื่อแต่งงาน คินซีย์พบว่าตนเองมีปัญหาเพศสัมพันธ์ เพราะแม้แต่การช่วยตนเองก็ถูกฝังหัวมาแต่เด็กว่าเป็นบาป ทำให้เขาเริ่มศึกษาเรื่องเพศอย่างจริงจัง

จุดเด่นของคินซีย์คือความสามารถในการพูดคุยกับคนแปลกหน้าให้บอกเล่าพฤติกรรมทางเพศของตนเองอย่างไม่ขัดเขิน เขาเริ่มจากสัมภาษณ์นักศึกษา และเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ เขาพบว่าคนอเมริกันมีพฤติกรรมทางเพศหลากหลายมาก เช่นเดียวกับตัวต่อที่หลากหลาย จนเมื่อได้ทุนวิจัยเรื่องเพศศาสตร์ เขาก็ทุ่มเทให้ทีมวิจัยสัมภาษณ์แหล่งข้อมูลทั่วประเทศนับหมื่นคน ด้วยคำถามนับร้อย ๆ ข้อ เช่น ชอบฟังเพลงอะไร
ตอนมีเพศสัมพันธ์ เก็บข้อมูลละเอียดทุกแง่มุมไม่ต่างจากตอนศึกษาแมลงตัวจิ๋ว

เขารวบรวมข้อมูลมาเขียนเป็นหนังสือสองเล่ม ชื่อ Sexual Behavior in the Human Male หนาหลายร้อยหน้า จัดพิมพ์ใน ค.ศ. ๑๙๔๘ และ Sexual Behavior in the Human Female ใน ค.ศ. ๑๙๕๓ กลายเป็นข่าวครึกโครมและเป็นเบสต์เซลเลอร์ เพราะใคร ๆ ก็อยากรู้เรื่องเพศที่ไม่เคยมีใครเปิดเผย ที่สำคัญหนังสือทั้งสองเล่มช่วยปลดปล่อยชายหญิงที่สับสนและรู้สึกผิดกับเพศสัมพันธ์ของตนที่สังคมว่าน่ารังเกียจ

แม้ตอนหลังจะมีเรื่องอื้อฉาวว่าเขาอ้างข้อมูลบางอย่างผิดพลาด แต่ไม่อาจปฏิเสธสาระสำคัญที่ว่า ความหลากหลายในพฤติกรรมทางเพศนั้นเป็นเรื่อง “ปรกติ” เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครศึกษาและนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ

เรื่องน่าเศร้าคือเมื่อเข้าสู่ยุคสงครามเย็น งานของคินซีย์ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนฝ่าย “ซ้าย” เพราะบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย ทุนวิจัยถูกยกเลิก ทำให้เขาซึมเศร้าและต่อมาเสียชีวิตใน ค.ศ. ๑๙๕๖

อีก ๑ ทศวรรษถัดมาความหลากหลายทางเพศในสังคมอเมริกันเบ่งบานขึ้นพร้อมเสรีภาพยุคบุปผาชน แรงขับเคลื่อนสำคัญคือองค์ความรู้ในหนังสือสองเล่มของคินซีย์ แต่นักเพศศาสตร์-กีฏวิทยา ผู้พบตัวตนว่าอยู่ระดับ ๓ ไม่ได้ร่วมเฉลิมฉลอง