ย้อนกลับไปในปี 2561 รัฐบาลไทยประกาศว่าจะแก้ปัญหาการนำเข้าขยะต่างประเทศอย่างจริงจัง มีการแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศได้อีกไม่เกิน 2 ปี หรือห้ามไม่ให้มีการนำเข้าอีกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563

ในส่วนของขยะอิเล็กทรอนิกส์ คณะอนุกรรมการชุดเดียวกันมีมติตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ว่าจะห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 432 รายการตามพิกัดศุลกากรที่กำหนด มอบหมายให้กรมศุลกากรควบคุมดูแล ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาจึงมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2563ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามรหัสสถิติ “899” ภายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาบาเซลฯ จำนวน 428 รายการ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า ประกาศกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ยกเลิกการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นของเสียอันตรายในทุกประเภท หรือทุกพิกัดศุลกากร ยกตัวอย่างยกเว้นขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพิกัดศุลกากร 8548หรือจำพวก “เศษและของที่ใช้ไม่ได้ของเซลล์ปฐมภูมิ แบตเตอรี่ปฐมภูมิ และหม้อสะสมไฟฟ้า รวมถึงพวกเซลล์ปฐมภูมิที่ใช้แล้ว แบตเตอรี่ปฐมภูมิที่ใช้แล้วและหม้อสะสมไฟฟ้าที่ใช้แล้ว รวมทั้งส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรหรือเครื่องอุปกรณ์ที่ไม่ได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่นในตอนนี้” ของเสียอันตรายกลุ่มนี้จึงยังถูกนำเข้าประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย
มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านมลพิษและขยะอุตสาหกรรมมานานกว่า 20 ปี ติดตามปัญหาและศึกษาข้อมูล พบว่าระหว่างกันยายน 2563ถึงเมษายน 2564ประเทศไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพิกัดศุลกากร 8548เข้ามาในประเทศสูงถึง 28.85 ล้านกิโลกรัม เฉพาะช่วงสี่เดือนแรกของปี 2564 คือ มกราคม – เมษายน ก็มีการนำเข้าสูงถึง 13.56 ล้านกิโลกรัม รวมทั้งพบว่าการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะกลุ่มที่สำแดงรหัสสถิติ “899” ภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ ทำให้เกิดช่องโหว่ให้ผู้ประกอบกิจการสามารถนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้หากสำแดงรหัสสถิติเป็น “800” “000” “090” และ “890” อันเป็นกลุ่มรหัสสถิติที่ไม่ได้ถูกตีความว่าเป็นของเสียภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ
สิ่งของประเภทคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แลปท็อป แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้ว เศษหรือชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จึงสามารถนำเข้ามาได้อย่างถูกกฎหมาย
มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่อ่อนแอ การเปิดโอกาสให้ของเสียจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย เป็นแรงขับให้อุตสาหกรรมรีไซเคิลจากกลุ่มทุนต่างประเทศตามเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร โรงงานหลายแห่งไม่ได้มาตรฐานด้านการควบคุมมลพิษ นับตั้งแต่ปี 2561เป็นต้นมามา ปัญหามลภาวะจากโรงงานไซเคิลเพิ่มขึ้นมากและสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม

จากการสืบค้นฐานข้อมูลการนำเข้าสินค้าจากฐานข้อมูลการนำเข้าสินค้า ใน “พิกัด อัตราศุลกากร 2017” เว็บไซต์ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์. http://tradereport.moc.go.th/searchhs.aspx?TabHs=17 ของมูลนิธิบูรณนิเวศ พบรายชื่อ 20 ประเทศที่ส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์มายังประเทศไทยมากที่สุดในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-เมษายน) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ 20 ประเทศที่ไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด เรียงตามลำดับดังนี้
ประเทศที่ไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด | ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ HS8548 (หน่วย : กิโลกรัม) | |
1 | สหรัฐอเมริกา | 10,855,517 กิโลกรัม |
2 | จีน | 948,999 กิโลกรัม |
3 | ญี่ปุ่น | 897,800 กิโลกรัม |
4 | เบลเยียม | 275,652 กิโลกรัม |
5 | ฝรั่งเศส | 213,595 กิโลกรัม |
6 | สหราชอาณาจักร | 100,132 กิโลกรัม |
7 | แคนาดา | 85,016 กิโลกรัม |
8 | เกาหลีใต้ | 74,521 กิโลกรัม |
9 | เมียนมา | 33,695 กิโลกรัม |
10 | อิตาลี | 26,961 กิโลกรัม |
11 | ฮ่องกง | 11,480 กิโลกรัม |
12 | เวียดนาม | 10,288 กิโลกรัม |
13 | ไต้หวัน | 5,884 กิโลกรัม |
14 | อินเดีย | 5,133 กิโลกรัม |
15 | โปร์แลนด์ | 4,546 กิโลกรัม |
16 | มาเลเซีย | 2,908 กิโลกรัม |
17 | สาธารณรัฐเช็ก | 2,904 กิโลกรัม |
18 | อินโดนีเซีย | 1,280 กิโลกรัม |
19 | นิวซีแลนด์ | 1,064 กิโลกรัม |
20 | สาธารณรัฐสโลวัก | 891 กิโลกรัม |
อื่นๆ (รวม 19 ประเทศ) | 3,278 กิโลกรัม | |
รวมทุกประเทศ (39) | 13,561,544 กิโลกรัม |
ตาราง 1 : 20 อันดับประเทศที่ไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์(HS8548) มากที่สุดในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม–เมษายน)เฉพาะพิกัดศุลกากร HS8548
สำหรับเศษพลาสติก รายชื่อ 20 ประเทศที่ส่งออกเศษพลาสติกมายังประเทศไทยมากที่สุด ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-เมษายน) เรียงตามลำดับดังนี้
ประเทศที่ไทยนำเข้าเศษพลาสติกมากที่สุด | ปริมาณเศษพลาสติก HS3915 (หน่วย : กิโลกรัม) | |
1 | ญี่ปุ่น | 13,119,390 กิโลกรัม |
2 | สหรัฐอเมริกา | 10,379,114 กิโลกรัม |
3 | จีน | 5,177,360 กิโลกรัม |
4 | ฮ่องกง | 2,781,179 กิโลกรัม |
5 | แคนาดา | 2,312,434 กิโลกรัม |
6 | ออสเตรเลีย | 1,619,169 กิโลกรัม |
7 | เยอรมนี | 1,285,481 กิโลกรัม |
8 | เม็กซิโก | 1,118,406 กิโลกรัม |
9 | เนเธอร์แลนด์ | 1,052,057 กิโลกรัม |
10 | สเปน | 863,117 กิโลกรัม |
11 | มาเลเซีย | 793,785 กิโลกรัม |
12 | โปแลนด์ | 735,008 กิโลกรัม |
13 | ไต้หวัน | 561,796 กิโลกรัม |
14 | เกาหลีใต้ | 503,652 กิโลกรัม |
15 | อินโดนีเซีย | 276,284 กิโลกรัม |
16 | เบลเยียม | 251,091 กิโลกรัม |
17 | สหราชอาณาจักร | 242,100 กิโลกรัม |
18 | สิงคโปร์ | 239,788 กิโลกรัม |
19 | ลิทัวเนีย | 132,229 กิโลกรัม |
20 | เมียนมา | 103,357 กิโลกรัม |
อื่นๆ (รวม17 ประเทศ) | 760,579 กิโลกรัม | |
รวมทุกประเทศ (37) | 44,307,376 กิโลกรัม |
ตาราง 2 : 20 อันดับประเทศที่ไทยนำเข้าเศษพลาสติก (HS3915) มากที่สุดในช่วง4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม – เมษายน)เฉพาะพิกัดศุลกากร HS3915
ทั้งนี้นิยามคำว่า “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” และ “เศษพลาสติก” ตามการจัดอันดับข้างต้นเป็นไปตามนิยามเฉพาะพิกัดศุลกากร H8548 และ HS3915 หมายถึง “เศษและของที่ใช้ไม่ได้ของเซลปฐมภูมิแบตเตอรี่ปฐมภูมิ และหม้อสะสมไฟฟ้า เซลปฐมภูมิที่ใช้แล้ว แบตเตอรี่ปฐมภูมิที่ใช้แล้ว และหม้อสะสมไฟฟ้าที่ใช้แล้ว รวมทั้งส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรหรือเครื่องอุปกรณ์ที่ไม่ได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่นในตอนนี้” และ “เศษพลาสติก” หมายถึง “เศษ เศษตัด และของที่ใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นพลาสติก” ตามลำดับ

นอกจากสถิติตัวเลขดังกล่าว เมื่อพิจารณาปริมาณเศษพลาสติก HS3915 ที่ไทยนำเข้าระหว่างปี 2558 – 2563 จะพบปริมาณการนำเข้า ดังนี้
ปี | ปริมาณการนำเข้าเศษพลาสติก HS3915 (หน่วย กิโลกรัม) |
2558 | 56,212,660 กิโลกรัม |
2559 | 69,506,145 กิโลกรัม |
2560 | 152,737,452 กิโลกรัม |
2561 | 552,721,267 กิโลกรัม |
2562 | 323,167,065 กิโลกรัม |
2563 | 150,807,312 กิโลกรัม |
4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-เมษายน) | 44,307,376 กิโลกรัม |
ตาราง 3 : ปริมาณเศษพลาสติก(HS3915) ที่ไทยนำเข้าระหว่างปี 2558 – 2563 เฉพาะพิกัดศุลกากร HS3915
ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าปัญหาการนำเข้าขยะยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง อัครพล ตีบไธสง เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคและวิจัยของมูลนิธิบูรณะนิเวศ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของภาครัฐที่ผ่านมาเพื่อยับยั้งการนำเข้าขยะอันตรายว่า “การออกประกาศแบบมีช่องโหว่เช่นนี้ทำให้ยังคงมีการนำเข้า อี–เวสต์ ต่อไปได้โดยถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็อ้างได้ว่ากำหนดมาตรการหรือกฎหมายออกมาแล้ว มีการแก้ไขปัญหาในทางนโยบายแล้ว ซึ่งอาจจะช่วยลดกระแสการกดดันจากสังคมทั้งในและนอกประเทศ แต่อย่างที่บอกคือ เมื่อคุณออกกฎหมายที่มีช่องโหว่แบบนี้มา ปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม”