พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงเติบโตมาท่ามกลางเสียงดนตรี เพราะทั้งเจ้าจอมมารดาโหมดและพี่น้องในราชนิกุลบุนนาค ต่างรักดนตรี รักการร้องรำทำเพลงกันทุกคน จนถึงชั้นเสด็จในกรมฯ เองก็ทรงใฝ่พระทัยเรื่องเพลงการอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดนตรีไทย หรือเครื่องฝรั่งอย่างสากล

วงปี่พาทย์ประจำวังถือเป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศ หรือ “เป็นหน้าเป็นตา” ของเจ้านายผู้อุปถัมภ์ ในวาระสำคัญจะมีการเชื้อเชิญวงดนตรีจากวังต่างๆ ไปบรรเลง “ประชัน” กัน

ตั้งแต่ราวปลายรัชกาลที่ ๕ กรมหมื่นชุมพรฯ ทรงมีวงปี่พาทย์ส่วนพระองค์ เช่นเดียวกับพระบรมวงศ์ฝ่ายหน้าอีกหลายพระองค์ยุคนั้น

วงปี่พาทย์ประจำวังถือเป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศ หรือ “เป็นหน้าเป็นตา” ของเจ้านายผู้อุปถัมภ์ ในวาระสำคัญจะมีการเชื้อเชิญวงดนตรีจากวังต่างๆ ไปบรรเลง “ประชัน” กัน อันเป็นเสมือนเวทีประกวด และเป็นโอกาสให้เจ้านายแต่ละพระองค์ได้อวดทั้งเครื่องดนตรีชุดพิเศษที่จัดสร้างขึ้นอย่างประณีตงดงาม ฝีไม้ลายมือของนักดนตรีในสังกัด ตลอดจน “ทางเพลง” อันวิจิตรพิสดาร

เล่ากันว่าครั้งหนึ่งเมื่อไปบรรเลงประชันกับวงของ “สมเด็จวังบูรพาฯ” สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช นักร้องทางวังนางเลิ้งคือ “ขุนรวย” ร้องส่งเพลง “คุณลุงคุณป้า” ซึ่งเป็นเพลงโบราณรุ่นกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปรากฏว่าทางวงฝั่งวังบูรพาฯ ซึ่งต้องบรรเลงรับ ไม่รู้จัก ไม่เคย “ต่อ” (ฝึกซ้อม) เพลงนี้มาก่อน ทว่าจางวางศร (หลวงประดิษฐ์ไพเราะ ศร ศิลปบรรเลง) หัวหน้าวง ใช้ความจำอันยอดเยี่ยม จดจำลูกตก (เสียงสุดท้ายของแต่ละท่อน) เอาไว้ได้ครบทั้งหมด ก่อนจะอาศัยปฏิภาณส่วนตัว “ด้น” ทางบรรเลงรับขึ้นเองใหม่ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าย่อมแปลกแปร่งไปบ้าง

กรมหมื่นชุมพรฯ ทรงเห็นว่าควรตัดสินให้วงของวังบูรพาฯ เป็นฝ่ายแพ้ แต่กรรมการท่านอื่นแย้งว่า เพลงนี้เป็นเพลงครั้งกรุงเก่าซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก อีกทั้งยังมีความยาวมาก เท่าที่จางวางศรบรรเลงรับได้โดยไม่ล่มกลางคัน ก็ต้องถือว่าให้ผ่านแล้ว

ต่อมา จางวางศร หรือหลวงประดิษฐ์ไพเราะ จึงนำเอาเพลง “คุณลุงคุณป้า” มาปรับใหม่ แล้วตั้งชื่อว่า “อะแซหวุ่นกี้เถา” ขณะที่กรมหมื่นชุมพรฯ ทรงดัดแปลงทำนองเพลงเดียวกันนี้ให้เป็นเพลงมาร์ชอย่างฝรั่ง แล้วทรงพระนิพนธ์คำร้องขึ้นใหม่ ภายหลังประทานเป็นเพลงของทหารเรือ เรียกกันมาแต่เดิมว่าเพลง “เกิดมาทั้งที” เพราะขึ้นต้นเนื้อร้องว่า “เกิดมาทั้งที มันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น…” (ภายหลังมีผู้ตั้งชื่อเพลงนี้ใหม่ว่า “เดินหน้า”)

ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเพลง “เกิดมาทั้งที” แต่งขึ้นเมื่อใด หากแต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อร้องบางท่อน เช่น “ดีเคยพบ ชั่วเคยเห็น จนเคยเป็น มีเคยได้” หรือ “วันนี้ยอ พรุ่งนี้ด่า ไม่ใช่ขี้ข้า ขี้ปากของใคร” มีความเป็นไปได้ว่า กรมหมื่นชุมพรฯ ทรงนิพนธ์เป็นการระบายความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มพระอุระ ในช่วงที่ทรงต้องถูกให้ออกจากราชการ และเป็นการ “ตอบโต้” ถ้อยคำติฉิน และ “ข่าวลือ” เกี่ยวกับพระองค์โดยตรง

ในช่วงเวลาที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “ปีที่หายไป” จากพระชนมชีพ


sadettia03
“เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ

บทความชุดนี้มีต้นทางจากหนังสือพระประวัติกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ของผู้เขียน คือ “ให้โลกทั้งหลายเขาลือ” (พิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์สารคดี ๒๕๖๓ ราคา ๔๘๐ บาท) โดยเล่าเก็บความจากหนังสือ และเสริมบางประเด็นที่มีข้อมูล หรือความคิดเห็นเพิ่มเติมภายหลังหนังสือตีพิมพ์ออกมาแล้ว

สั่งซื้อหนังสือ