เรื่อง: คคนางค์ ขามธาตุ
ภาพ : ปิติวัฒน์ อังวัฒนพานิช

เปิดบ้านไกด์เด็กบางลำพู เยาวชนผู้ปลุกชีวิตให้บ้านเกิด
เจเจ-เมริกา พลังเดช และเพื่อนสมาชิกกลุ่มไกด์เด็กบางลำพู กำลังชูรูปสัญลักษณ์กลุ่มไกด์เด็กบางลำพูและเสน่ห์บางลำพูให้ชม ก่อนที่จะพาเข้าชมบ้านเสน่ห์บางลำพู

ณ ตึกสองชั้นที่ตั้งเด่นสู้แดดอยู่ในชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม ย่านบางลำพู กรุงเทพมหานคร เต็มไปด้วยลวดลายสตรีตอาร์ตสีสันสดใส มีรูปเด็กตัวน้อยกำลังถือโทรโข่งยิ้มแฉ่งอยู่บนกำแพงชั้น 2 ความน่ารักสดใส แต่ก็สู้แดดทนฝน ราวกับจะบ่งบอกว่าการทำงานเพื่อชุมชนเป็นสิ่งที่กลุ่มเยาวชนบางลำพูยืนหยัดมาตลอด

“เสน่ห์บางลำพู” คือชื่อของตึกอันเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานไกด์เด็กบางลำพู ผู้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมถึงวิถีชีวิตของชุมชนให้คงอยู่ โดยภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกะทัดรัดพอจุคนได้ 10 คนแบบไม่อึดอัด สิ่งที่สะดุดตาคือโต๊ะกลางห้องที่ถูกยึดพื้นที่ด้วยกองเอกสารมากมาย อันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนต่างๆ ในบางลำพูไว้ และชั้นวางของที่ระลึก รวมถึงรูปวาดกลุ่มบุคคลผู้สร้างสรรค์บางลำพูบนกำแพงผนัง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของเหล่าไกด์เด็กที่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้เยี่ยมเยือนได้เข้ามาทำความรู้จัก และมันจะเพิ่มพูนขึ้นอีกแน่นอนในอนาคต ซึ่งเจเจเมริกา พลังเดช เด็กสาวอายุ 19 ปี ได้ “เปิดบ้าน” ให้เข้าไปสำรวจทุกซอกทุกมุมของชีวิตเธอในฐานะ “ไกด์เด็กบางลำพู”

จุดเริ่มต้นของกลุ่มไกด์เด็กบางลำพูเกิดขึ้นหลังจากที่ “ประชาคมบางลำพู” และ “ชมรมเกสรลำพู” ทำงานร่วมกันเป็นเวลากว่า 20 ปี ระหว่างผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน สร้างสรรค์กิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนย่านบางลำพู ต้า-ปานทิพย์ ลิกขะไชย ประธานชมรมเกสรลำพูได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการภายใต้ชื่อเสน่ห์บางลำพู ในปี 2560 โดยมีจุดประสงค์ให้เด็กและเยาวชนหันมาสนใจและรู้จักชุมชนของตนเองมากขึ้น ผ่านการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์

ปัจจุบันเสน่ห์บางลำพูและไกด์เด็กบางลำพูยังคงทำงานเพื่อชุมชนอย่างแข็งขัน ตึกสองชั้นแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของกลุ่มเยาวชนที่พยายามใช้เสียงเล็กๆ แต่ทรงพลังสื่อสารเรื่องราวบ้านเกิดตนเองให้คนภายนอกได้รู้จัก

ท่ามกลางสังคมเมืองสมัยใหม่ที่เข้ามาแทนที่วิถีชีวิตดั้งเดิม เยาวชนกลุ่มนี้กำลังปลุกเรื่องราวในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผ่านเรื่องเล่ามุขปาฐะจากรุ่นใหญ่สู่รุ่นเล็ก และบอกเล่าต่อไปยังคนทั่วไป

วันธรรมดาอันแสนพิเศษกับไกด์เด็กกำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ณ ย่านบางลำพู กรุงเทพมหานคร

guidedek02
เจเจเล่าถึงการทำงานเป็นไกด์เด็กบางลำพูว่าเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นฝึกฝน ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะคล่องแคล่วแบบทุกวันนี้

กำลังสำคัญของบางลำพู

บทบาทของไกด์เด็กบางลำพูไม่ได้จำกัดหน้าที่เพียงพานักท่องเที่ยวเดินชมชุมชน พร้อมเล่าขานประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนเท่านั้น แต่ทั้งงานราษฎร์งานหลวง ไกด์เด็กบางลำพูกว่า 20 ชีวิตล้วนเป็นกำลังสำคัญของงานแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาลประจำปี หรืองานสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในชุมชน เพื่อรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชุมชน โดยหน้าที่ของไกด์เด็กแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความถนัดและความสามารถเฉพาะตัว บ้างก็ถนัดการแสดง บ้างก็ถนัดสื่อสาร บ้างก็ถนัดประสานงาน ทว่าทุกคนล้วนมีความสำคัญและเป็นแขนขาคอยขับเคลื่อนงานเหล่านั้นให้จบลงได้อย่างสวยงาม

เช่นเดียวกับเจเจ เด็กในชุมชนวัดใหม่อมตรส ที่เข้ามาทำงานเป็นไกด์เด็กตั้งแต่อยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการชักชวนของต้า ประธานชมรมเกสรลำพู โดยเริ่มต้นจากไกด์เด็กตัวเล็กที่พูดและเล่าเรื่องได้เพียงบ้านเกิดตนเอง จนทุกวันนี้เธอได้กลายเป็นมือขวาของต้าไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ไว้ใจเจเจได้เสมอ

“ทุกวันนี้หน้าที่ของหนูคือทำทุกอย่าง ทั้งเป็นเลขาฯ พี่ต้า ฝ่ายประสานงาน และไกด์นำเที่ยว เพราะพี่ต้าพยายามให้เราลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูเพื่อพัฒนาตนเอง พี่ต้าพูดอยู่เสมอว่าการเป็นไกด์ไม่ใช่แค่พูดเป็นอย่างเดียว แต่ต้องทำได้หลายอย่าง ทั้งการประสานงาน การแสดง พิธีกร ตลอดจนงานยกแบกหาม หนูเคยทำทั้งหมดแล้ว” เจเจบอกเล่า แววตาสดใสร่าเริงไร้แววเหน็ดเหนื่อย

“หนูคิดว่าการเป็นไกด์เด็กไม่ได้ฝึกกันได้ภายในเวลา 2-3 วัน แล้วสามารถพูดได้ทุกชุมชน แต่เด็ก 1 คนใช้เวลาปั้น 3-4 ปี”

เจเจเล่าว่ากว่าจะกลายเป็นไกด์เด็กที่พูดจาคล่องแคล่ว ฉะฉาน และไม่เขินอายอย่างตอนนี้ได้นั้น เธอต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่นานพอสมควร เพราะเดิมตนเองเป็นเด็กที่ไม่ค่อยกล้าพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก ยิ่งเมื่อต้องพูดข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนที่ไม่เคยรู้และไม่เคยสนใจมาก่อน เธอจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ได้ต้าคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ โดยการส่งเจเจเข้าอบรมเพื่อฝึกฝนการเป็นไกด์ อีกทั้งยังคอยบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนต่างๆ ให้ตลอด เพื่อให้เจเจซึมซับข้อมูลเหล่านั้น

จนทุกวันนี้เจเจสามารถพูดข้อมูลได้ทั้งเจ็ดชุมชนในย่านบางลำพู อันได้แก่ ชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม ชุมชนวัดสามพระยา ชุมชนวัดใหม่อมตรส ชุมชนพานถม ชุมชนบวรรังสี ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ และชุมชนเขียนนิวาสน์-ตรอกไก่แจ้ เรียกได้ว่าทุกวันนี้เจเจกลายเป็นกำลังหลักของทีมไกด์เด็กเลยก็ว่าได้

เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้เจเจสนุกกับการทำหน้าที่นี้ คือการได้ช่วยเหลือชุมชนบ้านเกิดของตนเอง

“ไกด์เด็กทำทุกอย่างจริงๆ ค่ะ จนตอนนี้เป็นกระบอกเสียงสำคัญของชุมชนไปแล้ว ใครมีปัญหาอะไรก็จะมาบอกเรา หรือเวลาเดินสำรวจชุมชนแล้วเราพบเห็นสิ่งผิดปรกติเราก็จะแจ้งให้พี่ต้าทราบ เพื่อพี่ต้าจะได้แจ้งหน่วยงานหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้ามาแก้ไขต่อไป”

guidedek03
เจเจเปิดห้องเก็บของที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของบ้านให้ชม พร้อมหยิบวารสารและโปสเตอร์ของกลุ่มไกด์เด็กบางลำพูในอดีตมาให้ชม
guidedek04
เจเจลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ใหญ่ในชุมชน โดยคุณป้ากำลังเล่าถึงเรื่องในอดีตที่เคยเป็นประธานและกรรมการ
ชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม

อุปสรรคระหว่างทาง

ช่วงแรกในการทำงานไกด์เด็กของเจเจ ทุกอย่างยังไม่มีอะไรลงตัวมากนัก ทั้งปัญหากับครอบครัว หน้าที่ของตนเองที่ยังไม่คุ้นชิน และคนในชุมชนที่ยังไม่เข้าใจว่ากลุ่มไกด์เด็กกำลังทำอะไร แม้ปัจจุบันทุกอย่างเป็นไปในทางดีขึ้น แต่กว่าจะผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้ก็ทำให้เจเจเสียกำลังใจและกำลังกายไปไม่น้อย

“เพราะเขาไม่เข้าใจว่าหนูกำลังทำอะไร แรกๆ เขาคิดว่าหนูไปมั่วสุมกับเพื่อนด้วยซ้ำ กลัวว่าเราจะท้องบ้างอะไรบ้าง ซึ่งคิดไปไกลมากๆ แต่หนูก็บอกแม่ตลอดนะว่ากำลังทำอะไร มาช่วยงานพี่ต้านะ แล้วเขาก็ตั้งคำถามว่าทำไปเพื่ออะไร ได้เงินไหม หนูก็พยายามอธิบายให้เขาฟังว่างานตรงนี้เป็นงานจิตอาสานะ ไม่ได้เงิน แต่ได้ประสบการณ์ที่ดี”

เมื่อมีงานไกด์หรืองานอื่นๆ ที่ต้องการกำลังคนจากไกด์เด็ก เจเจต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและกลับถึงบ้านในเวลามืดค่ำ บ่อยครั้งเข้าแม่จึงสงสัยว่าลูกสาวอาจไปทำอะไรที่ไม่ดีหรือเปล่า ด้วยความที่เป็นลูกผู้หญิง ครอบครัวจึงไม่ค่อยชอบให้ออกจากบ้านบ่อยนัก เพราะเป็นห่วง อุปสรรคความไม่เข้าใจระหว่างแม่กับเจเจจึงเกิดขึ้น

“มีปัญหากับแม่อยู่นาน จนบางครั้งทนไม่ไหวร้องไห้ก็มี ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับบ้านหนูนะ แต่เกิดขึ้นกับครอบครัวไกด์เด็กทุกคน พี่ต้าเลยแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวไกด์เด็กทุกคน จนวันที่หนูได้ออกทีวีครั้งแรก แม่ก็ได้เห็นว่า เอ้อ ลูกมาทำงานจริงๆ นะ”

อุปสรรคไม่ได้มีแค่ก้าวแรกที่เราเริ่มเดิน แต่มีตลอดระยะเวลาที่เรากำลังก้าวเดินต่างหาก เมื่อหมดอุปสรรคกับทางบ้าน แต่การเป็นไกด์ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับไกด์เด็กมือใหม่อย่างเจเจในตอนนั้น ต้องพบเจอกับปัญหาหน้างานแทบทุกวัน แม้ว่าจะวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว แต่ปัญหาก็มีเข้ามาตลอด ทำให้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่เสมอ

“อุปสรรคมีทุกวัน มีทุกครั้งที่เราลงชุมชน งานไกด์เป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรคนมาก แต่เด็กที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้จริงๆ มีไม่กี่คน ดังนั้นไกด์หนึ่งคนเลยต้องทำหลายหน้าที่ บางทีวางแผนไว้อย่างดีแล้วสามสี่แผน แต่หน้างานต้องมีปรับเปลี่ยนตลอด บางครั้งเปลี่ยนเป็นสิบแผนก็มี

“การดูแลนักท่องเที่ยวให้เดินร่วมกับเราไปตลอดทางก็เป็นปัญหาหนึ่งที่หนูเคยเจอ นักท่องเที่ยวบางคนก็เดินไปซื้อน้ำ บางคนก็แวะซื้อของ กลายเป็นนักท่องเที่ยวหนึ่งกลุ่มเดินกระจัดกระจายกัน ทำให้บางคนหลุดประเด็นที่หนูพูดไปแล้วมาถามซ้ำอีก หนูเป็นเด็กเลยไม่กล้าพูดอะไร จนนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ต้า พี่ต้าเลยออกกฎขึ้นมาว่าระหว่างเดินทัวร์กับไกด์เด็ก ห้ามให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อของ เดี๋ยวพวกเราพาแวะซื้อเป็นจุดๆ เอง”

อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือชุมชน เพราะการพานักท่องเที่ยวเข้ามาเดินในชุมชนเป็นกลุ่มใหญ่และเดินถือลำโพงพูดเสียงดัง ทำให้คนในชุมชนเกิดความสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่ไกด์เด็กกำลังทำ

“ตอนแรกผู้ใหญ่ในชุมชนไม่เข้าใจว่าพวกเราทำอะไรกัน ทำไมต้องพาคนเข้ามาเดินในชุมชนเยอะแยะ แล้วทำเสียงดังมีไมค์ มีลำโพง เขาก็ตกใจ เพราะไม่เคยมีใครทำ แต่พอหลังๆ ทุกคนเริ่มปรับความเข้าใจกันมากขึ้น ป้าๆ ลุงๆ ร้านขายส้มตำ ร้านขายน้ำ หรือร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่เราเดินผ่าน ก็จะตะโกนทัก แล้วพูดแซวๆ ว่าอย่าลืมแนะนำร้านป้าหรือร้านลุงนะ”

เจเจยังกล่าวอีกว่า การทำงานกับคนในหลายช่วงวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ บางครั้งความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างจนเกือบเกิดความขัดแย้ง แต่สุดท้ายเราจะหาทางออกได้เสมอ เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการรักษาประวัติศาสตร์และรากเหง้าวิถีชีวิตของคนบางลำพูให้คงอยู่สืบไป

นอกจากอุปสรรคภายนอกที่ต้องพบเจอเวลาทำงานไกด์แล้ว อุปสรรคภายในจิตใจก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่เจเจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะก้าวผ่านมาได้ เธอเล่าว่าเคยรู้สึกท้อจนร้องไห้ เพราะความกดดันของตัวเองอันเกิดจากเวลาทำงานพลาดจนโดนผู้ใหญ่ตำหนิ แต่เธอก็ผ่านมาได้ด้วยการยอมรับข้อผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข โดยคิดเสมอว่าข้อผิดพลาดและคำตำหนิเหล่านั้นเป็นเหมือนภูมิต้านทานที่ทำให้เธอเติบโตขึ้น

guidedek05
เจเจพูดถึงภาพวาดบนฝาผนังที่กลุ่มไกด์เด็กบางลำพูช่วยกันวาดขึ้นมา พร้อมอธิบายถึงความฝันของตัวเองที่ต้องการอนุรักษ์อดีตของชุมชนบางลำพูไว้พร้อมกับพัฒนาชุมชนไปในทางที่ดีขึ้น

ความหลงใหลและความฝัน

ไกด์เด็กบางลำพูเป็นพลังเยาวชนที่ขับเคลื่อนด้วยความรักที่มีต่อชุมชนบ้านเกิดตนเอง เจเจเติบโตมาเห็นภาพบางลำพูในตอนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแล้ว การได้สัมภาษณ์ผู้ใหญ่ในชุมชนเพื่อตามหาร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของบางลำพูในอดีต จึงเป็นเหมือนการเปิดทวิภพโลกคู่ขนานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เธอรู้สึกสนุกไปกับเรื่องราวเหล่านั้น อีกทั้งยังรู้สึกภูมิใจและผูกพันกับบ้านเกิดตัวเองมากขึ้นเมื่อได้เป็นตัวกลางส่งต่อเรื่องราวอันมีค่านี้ให้คนภายนอกรับรู้

“ถ้าไม่ได้มาเป็นไกด์เด็ก หนูก็ไม่รู้หรอกว่าชุมชนวัดใหม่อมตรสมีอะไร เวลาเห็นใครแวะเวียนมาเที่ยวก็รู้แค่ว่า อืม ก็มาเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าในชุมชนมีอะไร ทำไมคนถึงมาเที่ยวกัน

“พอหนูได้ฟังเรื่องราวในอดีตของบางลำพูจากผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ หนูก็คิดว่า เอ้อ ถ้าย้อนเวลากลับไปในอดีตได้คงดีเนอะ อยากเห็นบางลำพูในสมัยก่อน อยากเห็นความเจริญ ย่านการค้าที่คึกคัก รถราง และวิถีชีวิตของผู้คนบางลำพูในอดีต ถึงแม้การพาเที่ยวของไกด์เด็กจะเป็นเพียงทัวร์ชะโงก คือรู้เรื่องราว แต่ไม่เห็นสถานที่จริง อย่างน้อยในเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากคนที่เกิดทันยุคในนั้นๆ ก็ทำให้จินตนาการตามได้ไม่ยาก และชวนให้หนูอยากเห็นภาพนั้นจริงๆ”

จากความสนใจและความหลงใหลในเรื่องราวประวัติศาสตร์และการได้จินตนาการถึงชุมชนตนเองในอดีต แปรเปลี่ยนเป็นความฝันเล็กๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งที่อยากจะใช้ความรู้ช่วยพัฒนาชุมชน ความรู้สึกนี้ผลักดันให้เจเจเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสาขาบริหารธุรกิจ เพราะคิดว่าจะสามารถนำความรู้ที่ได้มาดูแลบริหารระบบการจัดการในชุมชนให้ดีขึ้น

“จริงๆ หนูฝันอยากเป็นหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะคุณครู เพราะชอบเด็ก หรือการแสดง เพราะชอบรำไทยและเต้น ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ทำกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ประกวดนางนพมาศ รำไทยในงานต่างๆ แต่ถ้าถามว่าหนูชอบอะไรมากที่สุด ก็คงเป็นการแสดง เพราะเวลามีงานอะไรพี่ต้าก็จะชอบให้คิดการแสดงให้ จนหนูมีความคิดว่าอยากเรียนนิเทศศาสตร์

“ตอนกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกเรียนอะไรดี หนูก็ได้ปรึกษารุ่นพี่ในทีมไกด์เด็ก มีพี่คนหนึ่งเรียนคหกรรม อีกคนหนึ่งเรียนการท่องเที่ยว พี่ต้าเลยเสนอว่าเจก็เรียนบริหารไปเลยสิ จบมาบริหารร้านอาหารที่พี่อีกคนเปิด ส่วนพี่อีกคนก็เปิดทัวร์ให้คนเข้ามาเที่ยวในชุมชน หนูก็คิดว่าน่าสนใจดีนะ เพราะสายงานนี้สามารถนำมาใช้บริหารระบบในชุมชนได้ด้วย อีกทั้งยังหางานทำง่ายอีก”

ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา เด็กหญิงมัธยมฯ ต้นคนนั้นก็ได้เติบโตจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 แล้วในวันนี้ และได้ขยับขยายย้ายถิ่นฐานตามครอบครัวไปอยู่ที่บางบัวทอง แต่เจเจก็ยังคงทำหน้าที่ไกด์เด็กต่อไป โดยจุดมุ่งหมายที่จะทำเพื่อชุมชนยังคงอยู่ในหัวใจเสมอ

“หนูไม่เคยบอกกับพี่ต้าแบบจริงจังหรอก ว่าหนูจะทำงานกับพี่ต้าไปอีกนานแค่ไหน แต่คิดไว้ว่าคงจะทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะหนูทำตรงนี้มาตลอด จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ถ้าวันใดไม่ได้ทำคงรู้สึกเหมือนแขนขาไม่มีแรง”

guidedek06
ป้ายโลโก้ไกด์เด็กถูกรายล้อมด้วยองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของบางลำพู สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์บางลำพู คำที่เจเจเชื่อว่าสามารถถ่ายทอดภาพรวมของความเป็นบางลำพูได้เป็นอย่างดี

เสน่ห์ของผู้คน เสน่ห์บางลำพู

เจเจเล่าว่าปัจจุบันไกด์เด็กบางลำพูทำหน้าที่เป็นเหมือนโทรโข่งกระจายเรื่องราวของเสน่ห์บางลำพูให้คนภายนอกได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ อาหาร สถานที่ วิถีชีวิต และผู้คน

ความคิดของเจเจเกี่ยวกับบางลำพูในอนาคต คืออยากให้บางลำพูเป็นเหมือนบ้านที่คนภายนอกสามารถเข้ามาเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับสัมผัสวิถีชีวิตและเรียนรู้วัฒนธรรมของคนที่นี่ คำว่าเสน่ห์บางลำพูจึงเป็นคำที่เจเจคิดว่าสามารถอธิบายบ้านเกิดของตัวเองได้ชัดเจนที่สุด

“ถ้าให้อธิบายบางลำพูออกมาเป็นคำสั้นๆ หนูว่า ‘เสน่ห์บางลำพู’ สามารถสื่อถึงภาพรวมของบางลำพูได้เป็นอย่างดี เสน่ห์ในที่นี้มีหลายอย่าง เสน่ห์แหล่งท่องเที่ยว เสน่ห์อาหาร เสน่ห์ประวัติศาสตร์ เสน่ห์วัฒนธรรม และที่หนูชอบที่สุดคือเสน่ห์ของผู้คน เรียกได้ว่าคนที่มาเที่ยวบางลำพูจะได้ทุกอย่างครบจบในย่านเดียว

“และในอนาคตหนูก็อยากให้บางลำพูเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนรู้จักเยอะๆ อยากให้สวนสันติชัยปราการหรือป้อมพระสุเมรุเป็นสถานที่ที่คนนึกถึงยามต้องการพักผ่อน อยากให้บางลำพูเป็นย่านของกินที่ไม่ว่าใครก็ต้องมากินที่นี่ อยากให้เป็นบ้านที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และของดีที่บางลำพูมี ก็คืออยากให้บางลำพูมีความเจริญขึ้น แต่วิถีชีวิตดั้งเดิมและประวัติศาสตร์ชุมชนก็ยังคงอยู่”

ตลอดระยะเวลาที่เจเจเปิดบ้านเสน่ห์บางลำพูเพื่อเล่าเรื่องราวของเธอและไกด์เด็ก สายตาเปล่งประกายและน้ำเสียงสดใสบ่งบอกถึงความสุข ความสนุก รวมถึงความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ไกด์เด็กบางลำพูได้เป็นอย่างดี