ภาพ : กวิน สิริจันทกุล, อิทธิกร ศรีกุลวงศ์

“มันยากมากที่จะมีกิจกรรมดึงชาวค่ายมารวมตัวกัน เพื่อทำอะไรสักอย่างให้สังคม”
“ดีใจที่ได้เจอเพื่อน เหมือนเป็นวันอาทิตย์ที่เหนื่อยกาย แต่สุขใจ”
“เราเห็นวิถีชีวิตริมคลอง แล้วนึกย้อนไปวัยเด็ก รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”
“ไม่คิดว่ากรุงเทพจะมีคลอง ทำให้รู้ว่าเราลืมจุดเริ่มต้นของกรุงเทพ ซึ่งเริ่มจากคลอง”
“ชีวิตของคนที่นี่ขึ้นอยู่กับประตูน้ำ ทำให้สนใจว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง จะมีคนสนใจสิ่งแวดล้อมเหมือนพี่ซันรึเปล่า”
“คลองแถวนี้เยอะกว่าเวนิสหลายเท่า แต่ปัจจุบัน เรากลับทำเหมือนมันเป็นแค่ที่ทิ้งขยะ”
…
ส่วนหนึ่งจากความคิดเห็นของเพื่อน ๆ อดีตชาวค่ายสารคดีทั้ง 18 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “Thinking อิน คลอง ล่องเรือดูกรุง” เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 4 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา นำทริปโดย ‘ซัน’ ศิระ ลีปิพัฒนวิทย์ เจ้าของเรือไฟฟ้าสุขสำราญ และอดีตค่าย 4 พาชาวค่ายล่องเรือไฟฟ้าชมคลองฝั่งธนฯ สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์ คน วัฒนธรรม อาหาร ความเชื่อ ความเป็นอยู่ เรียนรู้ธรรมชาติสองฝั่งคลอง เเละมุมมองต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป จากยุครุ่งเรื่องจนถึงปัจจุบัน กาลเวลาส่งผลอย่างไรต่อวิถีชีวิตผู้คนที่นี่บ้าง ?
เมื่อเพื่อนพ้องน้องพี่ ได้มาเจอกัน บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนต่างยิ้มแย้มให้กันด้วยความคุ้นเคย เราใช้เวลาแนะนำตัว และทำความรู้จักกันไม่นาน จึงแยกเรือออกเป็นสาย A – B แล้วล่องออกจากท่าน้ำวัดกัลยาณมิตร ไปตามสายน้ำคลองบางหลวง มุ่งหน้าโรงเต้าเจี้ยว เฮ้า ย่ง เซ้ง ดูกระบวนการผลิตเต้าเจี้ยวแบบโบราณ ที่มีมากกว่า 108 ปีมาแล้ว
จากนั้น แบ่งออกเป็น 2 สาย เรือ A มุ่งหน้าไปคลองด่าน แวะวัดราชโอรส รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านตามสั่งป้าอู๊ด แล้วเดินเรือไปทางวัดไทร แวะร้านชำ “ถิ่นไพบูลย์” ฟังเรื่องราวตำนานตลาดน้ำวัดไทร ถิ่นที่เคยเป็นต้นกำเนิด “เวนิสตะวัดออก” ในยุคของบางกอก แล้วกลับมาคลองบางหลวง แวะเยือนบ้านวัชโรทัย ชมรูปแบบบ้านขุนนางริมคลองบางหลวงในอดีต
เรือ B ออกจากโรงเต้าเจี้ยว แวะ ซัมซัวก๊กอ่วง ศาลเจ้าโบราณ ที่ต้องเดินทางมาทางน้ำอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านครัวคุณอ๋อย วัดกำแพงบางจาก ตลาดริมคลองบางหลวง แล้วเข้าคลองมอญ ช่วยกันเก็บขยะบนคลองด้วยใจอาสา ก่อนแวะบ้านพระยาสิทธิสงคราม ขุนนางเก่าผู้มีบทบทสำคัญในอดีต ก่อนกลับท่าน้ำวัดกัลยาณมิตรดังเดิม
ตลอดกิจกรรม นอกจากได้เห็นวิถีชีวิตคนกรุงผ่านสายน้ำ กับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปแล้ว เรายังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างค่ายมากขึ้น ได้พูดคุย และแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับสายน้ำ จนเกิดแรงบันดานใจจะผลิตผลงานสื่อสารตามมุมมองต่าง ๆ ที่ตนสนใจให้ผู้อื่นได้รับรู้
ค่ายสารคดีคลับ จัดขึ้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ของศิษย์เก่าค่ายสารคดี เพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของรุ่นพี่-รุ่นน้อง ตลอดจนการเข้าร่วมกันสร้างสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม




ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนโครงการค่ายสารคดีคลับ
- สสส.
- มูลนิธิเล็ก-ประไพวิริยะพันธุ์
- นิตยสารสารคดี