รื่อง : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์

ครูตลอดกาลชื่อ "อาจารย์แม่"

ในวัย ๘๑ ปี“อาจารย์แม่” รองศาสตราจารย์สุนีย์สินธุเดชะ ยังสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตหรืออาร์แบ็ก(RBAC)

หลายคนอาจคิดว่าอายุปูนนี้แล้วน่าจะเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็อยู่เฉย ๆ ให้ลูกหลานปรนนิบัติรับใช้แต่กับอาจารย์แม่แล้วไม่

อดีตอาจารย์สอนวิชาภาษาไทยโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังเข้ามาสอนวิชาภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตทุกสัปดาห์เหมือนที่ทำมาตลอดตั้งแต่เกษียณอายุพร้อมรับตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตอีกตำแหน่ง

คุณครูที่นิสิตบางคนเรียกว่า “คุณยาย” หรือไม่ก็เรียก “แม่” เฉย ๆ ไม่มีคำว่าอาจารย์นำหน้า ยังเป็นผู้นำการปฐมนิเทศนิสิตใหม่ต้องให้โอวาทนิสิต ๒๐ กว่าสาขานาน ๒-๓ ชั่วโมง

การให้โอวาทของอาจารย์แม่ยังคงเต็มด้วยเนื้อหาสาระผสมอารมณ์ขัน เหมือนที่คนไทยครึ่งค่อนประเทศเคยได้ยินได้ฟัง และเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้อาจารย์แม่มีกิตติศัพท์นอกจากการเป็นครูสอนภาษาไทยที่เข้มงวดกวดขันแล้วยังเป็นนักพูดระดับประเทศ

“ที่ให้ลูกมาปฐมนิเทศเนี่ย นอกจากจะพูดถึงระเบียบของมหาวิทยาลัย ก็อยากจะพูดเรื่องการเรียน ลูกควรเรียนให้สำเร็จนะลูก โอ้โฮ วันที่ลูกสำเร็จการศึกษา มันสวยจริงๆ ประทานปริญญาจบ ลงบันไดมา ถอดหมวกโยน อูย ครูขนลุก น่ารักมากกกก” อาจารย์แม่ที่นั่งอยู่หน้าหอประชุมลากเสียงยาว กรีดเสียงสูง จนนิสิตหัวเราะกันทั้งห้อง

“มามหาวิทยาลัย ขอให้มีความคิดว่าเรามาเรียนนะลูก ไม่ได้มาเที่ยว ดูแลตัวเองดีๆ นะ” ครูที่เรียกลูกศิษย์ว่าลูก เตรียมหัวข้อพูดต่อไป

“ครูอยากเห็นลูกแต่งเครื่องแบบให้ชัดเจน กระโปรงสั้นขอให้นุ่งไปเที่ยวเถอะลูก ลูกจะไปเที่ยวกับแฟนจะสั้นแค่ไหนก็สั้นไปเพื่อโชว์แฟน” เรียกเสียงฮาครืนอีกเหมือนกัน

“ไหน ใครมีแฟนแล้วยกมือขึ้น”

หมดคำถามนั้นนิสิตหลายคนหันซ้ายหันขวา บางคนขยับตัวเหมือนไม่กล้ายอมรับ

“ลูกชาย ลูกชายจ๋า ใครมีลูกสะใภ้ให้ครูแล้วยกมือขึ้น จะตายให้ได้เสียเดี๋ยวนี้ เอ้า ว่าไง มีแฟนหรือยังคะ”

หลังเตรียมตัวเตรียมใจ บางคนก็ตัดสินใจยกมือขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ขอร้องนะลูก เพราะอะไร วัยของลูกมันไม่มีขอบเขตเวลามีอารมณ์ขึ้นมา ครูเป็นห่วงอันนี้เท่านั้น ลูกจ๋า ครูพูดอะไรเนี่ยฟัง แล้วปฏิบัติตาม”

ประโยคต่อมาอาจารย์แม่เน้นย้ำเหมือนกับท่อง หรือคล้ายกำลังนับเลข

“เพราะ ครูดูแล ลูก แทน คุณ พ่อ คุณแม่ ถ้า ลูก เป็น อะ ไร ไป คุณพ่อคุณแม่ไม่ละเว้นอาจารย์ทุกคนของมหาวิทยาลัยเลยนะโดยเฉพาะยายคนนี้” ทุบโต๊ะเปรี้ยงแล้วชี้มาที่ตัวเอง

“แล้วพอจัดการยายคนนี้ก็ไม่ต้องถึงคนอื่นแล้ว!”

มองจากหลังห้องประชุม ทุกท่วงท่าของอาจารย์แม่ยังคงสง่างาม แต่เมื่อเข้ามาใกล้ๆ ก็เห็นว่าท่านชราภาพลงมาก แม้น้ำเสียงยังทรงพลัง ฟังแล้วรู้สึกถึงความดุดัน ฮึกเหิมแต่ที่เปื้อนใบหน้านั้นคือริ้วรอยแห่งวันวัย

ภายหลังการปฐมนิเทศนิสิตรอบแรกจบลง นิสิตพากันเดินออกจากห้องประชุม สวนกับนิสิตกลุ่มใหม่เดินเข้ามา จึงมีโอกาสขึ้นไปนั่งสัมภาษณ์อาจารย์แม่บนเวที

อาจารย์อายุเลยวัยเกษียณมาแล้วถึง ๒๐ ปีเล่าว่าเวลานี้สุขภาพไม่ค่อยดีต้องนั่งพูด ปรกติยืน

หลังคำบอกนั้นอาจารย์แม่เน้นย้ำว่าทุกวันนี้ก็ยังทำหน้าที่ครูและบอกให้รู้ว่าวิชาที่สอนชื่อวิชาภาษาเพื่อการสื่อสาร

“สอนนิสิตชั้นปี ๑ ทุกสาขาวิชา ทุกสาขาต้องผ่านยายคนนี้”

เราลงจากเวทีหลังจากนิสิตกลุ่มใหม่นั่งหลังตรงเรียบร้อย ทุกสายตาจับจ้องมายังหญิงวัยชราตรงหน้า นิสิตแต่ละคนคงพอรู้จักผู้หญิงคนนี้ในชื่อ “อาจารย์แม่”

“เราจะเจอกันอีกครั้งพร้อมเพรียงอย่างนี้ ปัจฉิมนิเทศเป็นการด่าครั้งสุดท้าย วันนี้ด่าครั้งแรก ปฐมนิเทศแปลว่าด่าครั้งแรก ปัจฉิมนิเทศแปลว่าด่าครั้งสุดท้าย แต่วันปัจฉิมฯ ชื่นใจเพราะพวกเราเรียนจบ”

….

จาก คอลัมน์ คิดถึงเขาไหม
นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 389 กรกฎาคม 2560