เรื่อง : พรเพ็ญ วงศ์ศุภชัยนิมิต
ภาพ : ภูวมินทร์ อินดี
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 1 อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo00.jpg)
“โอ้โฮ!! เขาตาสีดำ ปลายหางเขามีเข็ม 1 อัน สะบักหลังมีสีดำ เขาหันหลังเหมือนมีแผงคอเลย”
อ๋อ…นั่น “จาบคาเล็ก” นะ
ว้าววว…..
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 2 happymemo1](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo1.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 3 happymemo2](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo2.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 4 happymemo3](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo3.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 5 happymemo4](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo4.jpg)
ครูกุ้ง ครูปรีชา ชี้ชวนให้ดูนกในสวนบริเวณแปลงผักอินทรีย์ ซึ่งทุกคนขานบอกสิ่งที่ตัวเองเห็นผ่านเลนส์กล้องเทเลสโคป พร้อมวาดและจดบันทึกลักษณะต่างๆ ลงในสมุดบันทึก
ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ของทริป “อาบป่า บันทึกความสุข” 3 วัน 2 คืน ที่ Parkใจ และนิตยสารสารคดี ได้ชวนเพื่อนๆ มาเปิดประตูสู่โลกธรรมชาติ ที่เดอะเลกาซี่ ริเวอร์แคว รีสอร์ท(The Legacy River Kwai Resort) เมื่อวันที่ 27-29 มกราคมที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขา ป่าเขียว ริมแม่น้ำแควน้อยในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่ทำให้เราได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
พี่ต้น สุรศักดิ์ เทศขจร วิทยากร Parkใจ และพี่ดำ สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ บรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี ได้ชวนทุกคนเช็คอินกับธรรรมชาติท่ามกลางลมเย็นๆ ในแพริมน้ำ ทุกคนที่มานั้นต่างสาขาอาชีพ และต่างช่วงอายุกัน มีทั้งนักเรียนอายุ 12 ปี ไปจนถึงผู้ใหญ่วัยเกษียณ เราทุกคนได้ทำความรู้จักกัน และค่อยๆ เปิดใจ แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านภาพธรรมชาติ
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 6 happymemo5](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo5.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 7 happymemo6](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo6.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 8 happymemo7](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo7.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 9 happymemo8](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo8.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 10 happymemo9](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo9.jpg)
จากนั้นได้เริ่มต้นเรียนรู้การบันทึกธรรมชาติ โดยครูกุ้ง ธัญลักษณ์ สุนทรมัฏฐ์ นักบันทึกธรรมชาติ แห่งเพจบันทึกสีไม้byครูกุ้ง และครูปรีชา การะเกตุนักนิเวศวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและบันทึกธรรมชาติ ได้พาให้เรารู้จักการบันทึกธรรมชาติไปทีละนิดผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย อย่าง Blind Contour การวาดรูปเส้นเดียวแบบไม่มองไม่ยกมือ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะวาดสวยหรือไม่สวย ขอแค่เพียงกล้าที่จะวาด เป็นกิจกรรมที่จะช่วยสร้างความมั่นใจและความชื่นชอบในการวาดภาพบันทึก และสอดแทรกความรู้เรื่องการบันทึกธรรมชาติผ่านกิจกรรมสนุกๆ ตลอดทั้งวัน เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ก็ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น ที่ทางรีสอร์ทเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และผักสารพัดชนิดที่ปลูกเองแบบอินทรีย์ มารังสรรค์เป็นเมนูแสนอร่อยให้เราได้อิ่มอร่อยท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ริมแม่น้ำแควน้อย
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 11 happymemo10](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo10.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 12 happymemo11](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo11.jpg)
![อาบป่า บันทึกความสุข @The Legacy River Kwai Resort 13 happymemo12](https://www.sarakadee.com/wp-content/uploads/happymemo12.jpg)
พอพลบค่ำก็ถึงช่วงเวลาของการสำรวจท้องฟ้าและดวงดาว โดยครูชล วิชัยดิษฐ์ นักดูดาว ผู้หลงใหลการบันทึกภาพวัตถุบนท้องฟ้าผ่านกล้องดูดาว แอดมินเพจ siamskies.com ชวนสำรวจท้องฟ้าผ่านกล้องดูดาว และดูการเคลื่อนที่ของดวงดาว แต่วันนี้ฟ้าไม่เปิดครูชลจึงชวนดูดวงจันทร์ผ่านกล้องดูดาวหักเหแสง Borg 101ED ขนาดเลนส์ 4 นิ้ว คู่กับกล้องดูดาวแบบผสม Takahashi Mewlon 210 ขนาดกระจก 8.25 นิ้ว ที่มีกำลังขยายถึง 220 เท่า ทำให้หลายคนได้เห็นพื้นผิวและหลุมบนดวงจันทร์ด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก จากนั้นก็ชวนบันทึกการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ภายใต้แสงสีแดงท่ามกลางความมืด พอฟ้าเริ่มเปิดก็ชี้ชวนให้ดูกลุ่มดาวต่างๆ บนท้องฟ้า พร้อมเล่าเรื่องราวของดวงดาวให้เราได้ปล่อยจินตนาการท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดเคล้าสายลมหนาว ก่อนแยกย้ายกันเข้านอนบนที่นอนนุ่มๆ พร้อมหลับฝันดีภายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นเช้าด้วยใบหน้าที่สดใส พร้อมพกสมุดบันทึกและดินสอคู่ใจ เพื่อมาดูนกยามเช้าและฝึกบันทึกลักษณะของนก ที่บางตัวก็มากินลูกไทรสุก บางตัวบินไปจับแมลงมาเคาะกับกิ่งไม้เพื่อเป็นมื้อเช้า บางตัวก็มีพฤติกรรมน่ารักๆ ให้เราได้สังเกตและสเกตช์ภาพกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ย้ายไปโซนอาหารเช้าริมน้ำเต็มอิ่มกับไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า พร้อมนกแซงแซวหางบ่วง 2-3 ตัวบินมาเกาะกิ่งไม้ให้ดูแบบใกล้ชิด และมีนกอินทรีบินร่อนอย่างช้าๆ ให้ได้ยลโฉมกันอีกด้วย
ช่วงสายๆ เรามีนัดกันบริเวณลานแคมป์ปิ้งริมน้ำกับบรรยากาศลมหนาวที่ชวนให้ต้องหยิบผ้าพันคอ และเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ พี่ต้น วิทยากร Parkใจ ชวนติดเครื่องมือด้วยการเปิดผัสสะทั้ง 5 ชวนให้ทุกคนได้ลองมองแบบใกล้และไกล มองให้ละเอียดขึ้นจากที่เคย ชวนฟังเสียงธรรมชาติรอบตัว อีกทั้งยังชวนสัมผัส ดมกลิ่น ลิ้มรส และเปลือยเท้าเปล่าย่ำไปบนสนามหญ้าอีกด้วย จากนั้นได้ส่งต่อให้กับครูกุ้ง ครูปรีชา ได้ชวนบันทึกธรรมชาติกันอย่างเข้มข้นตลอดทั้งวัน รวมทั้งได้สอนเทคนิคการใช้สีไม้เบื้องต้น
และอีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาด เวลาบ่ายสามโมงของทุกวัน จะมีช้างชื่อคำมูนและมาลีเดินมาอาบน้ำที่แม่น้ำแควน้อย ซึ่งทางรีสอร์ทและมูลนิธิช้างสมบูรณ์เลกาซี ได้ช่วยกันอนุรักษ์ช้างวัยเกษียณให้ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ครูกุ้งและครูปรีชา เลยชวนสังเกตและสเกตช์ภาพช้างบริเวณศาลาช้างริมน้ำ บางคนก็ได้ปลดปล่อยจินตนาการไปกับการลากเส้นด้วยดินสอและสีไม้แบบ Blind Contour จนได้ภาพช้างหลากสีสันหลายสไตล์มาแชร์กันในวง บางคนถึงกับพูดว่าเหมือนได้ปลุกความเป็นเด็กในตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง
ทุกคนสนุกสนานกับกิจกรรมบันทึกธรรมชาติ ที่ครูกุ้ง ครูปรีชา มอบให้ตลอดทั้งวัน แต่เหมือนเวลาไม่เคยพอ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมๆ กับอาหารมื้อเย็น และในคืนสุดท้าย พี่ดำ บก. นิตยสารสารคดี ได้ชวนทำกิจกรรมชมโลก ชมจันทร์ ซึ่งได้ทำให้เรารู้ว่า ตัวเรานั้นเล็กจ้อยเหมือนฝุ่นผงหรือแบคทีเรียที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแค่นั้นเอง และคืนนี้ท้องฟ้าเปิดให้เราได้ดูดาวกันอย่างเต็มอิ่ม พี่ชล ชี้ชวนให้ดูดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้าพร้อมเล่าเรื่องราวของดวงดาว เหมือนนิทานก่อนนอนในค่ำคืนสุดท้าย
รุ่งเช้าของวันสุดท้ายมาพร้อมกับสายลมหนาวที่หนาวกว่าเดิม เราได้ล้อมวงพูดคุยกันใต้ต้นจามจุรียักษ์ริมแม่น้ำ ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ทำให้เราทุกคนสนิทสนมกันประหนึ่งเหมือนครอบครัวที่กำลังต้องจากลา บางคนได้แชร์ความรู้สึกขอบคุณที่ได้จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ขึ้นมา ทำให้ความเป็นตัวเองนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง บ้างก็ว่าทริปนี้เหมือนเป็นของขวัญที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เหมือนได้มาฟื้นฟูดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเอง บางคนรู้สึกว่าเหมือนได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง และบางคนบอกว่าทริปนี้ทำให้โลกของเขาใหญ่ขึ้นมากๆ และได้กลับมา Parkใจ Connect กับธรรมชาติอย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่สนใจอยากร่วม Park ใจ ในกิจกรรมรูปแบบอื่นหรือแลกเปลี่ยนเรื่องการสัมผัสธรรมชาติด้วยกัน สามารถติดตามกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊กกรุ๊ป Parkใจ
กิจกรรมดำเนินการโดย นิตยสารสารคดี เพจ Sarakadee Magazine และ Nairobroo – นายรอบรู้ นักเดินทาง