ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : เรื่องและภาพ

ในฐานะเยาวชนคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตที่เชียงใหม่ ซากุราโกะ มาซุดะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาฝุ่นควันจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและเรียนหนังสือ
กระทั่งเธอลงวิชาเลือกที่ต้องแข่งวิ่งครอสคันทรีจึงประสบปัญหาเข้าอย่างจัง
ครอสคันทรี (Cross country races) หรือกรีฑาประเภทวิ่งข้ามทุ่งเป็นการแข่งขันที่ผู้เล่นจะต้องออกวิ่งไปตามภูมิประเทศที่กำหนด อาจเป็นเนินเขา ทางลาดชัน ทุ่งหญ้า ธารน้ำ
“เมื่ออากาศไม่ดี จะออกไปซ้อมวิ่งมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ” ซากุราโกะรำพึงรำพัน
โดยทั่วไปนักเรียนระดับชั้น ม.ปลาย ที่ลงวิชาเลือกตัวนี้จะต้องออกไปซ้อมวิ่งกลางแจ้ง การถ่ายวิดีโอประกอบการเรียนรวมถึงการสอบจะต้องวิ่งขึ้นและลงเขา ผ่านธารน้ำไหล และพื้นหิน
“ตอนนั้นมีปัญหามากเพราะซ้อมวิ่งไม่ได้ เหมือนเราต้องเลือกระหว่างสุขภาพกับคะแนน ต้องชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน อีกอย่างคือต้องใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา ปรับตัวยากมากเพราะใส่หน้ากากแล้วอึดอัด”
อุปสรรคในการวิ่งของซากุราโกะกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นตัวอย่างปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน
ทุกวันนี้อนาคตของประเทศชาติที่อาศัยอยู่ในจังหวัดต่างๆ กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ยากจะรับมือ ไม่ใช่แค่เรื่องมลพิษทางอากาศกรณีฝุ่นควัน PM2.5 ที่เชื่อมโยงกับปัญหาโลกร้อน เพราะสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งส่งผลให้ปัญหาฝุ่นทวีความรุนแรง แต่ยังรวมถึงปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ภัยหนาว ฯลฯ
ห่างออกไปในแผ่นดินอีสาน หลายจังหวัดทางภาคใต้ และภาคกลาง สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และท่วมเรื้อรังผิดปรกติ ไม่ได้สร้างความเสียหายแค่ทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสภาพจิตใจ
ภาวะโลกร้อนกำลังทำอะไรกับเด็กๆ ของเรา

ด้วยช่วงวัย สภาพร่างกาย และพฤติกรรม
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ เด็กๆ มีความเปราะบางต่อภัยพิบัติมากกว่า ดร.กรรณิการ์ ธรรมพานิชวงศ์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อธิบายว่าเนื่องจากเด็กๆ มีขนาดร่างกายที่เล็กกว่า ระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาทที่อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังมีพัฒนาการไม่สมวัยทางสติปัญญา จึงมีความเปราะบางเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมากกว่าผู้ใหญ่
“เด็กๆ ยังต้องพึ่งพาผู้ดูแลด้านความปลอดภัยและชีวิตความเป็นอยู่โดยรวม เวลาเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์พวกน้ำท่วม พายุรุนแรง ภัยแล้งหรือไฟป่า เด็กๆ จำเป็นต้องอาศัยผู้ใหญ่นำพาเขาหลบไปยังสถานที่ปลอดภัย ในด้านพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้วเด็กๆ มักจะออกไปวิ่งเล่นอยู่กลางแจ้ง มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนและสารมลพิษต่างๆ มากกว่าผู้ใหญ่” ดร.กรรณิการ์ อธิบายขยายความ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อเด็กๆ ในประเทศไทย ได้แก่ น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า มลพิษทางอากาศ คลื่นความร้อนที่รุนแรง การกัดเซาะชายฝั่ง
การปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำ การแพร่กระจายของเชื้อโรคชนิดต่างๆ ความไม่มั่นคงทางอาหาร ล้วนเป็นผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จัดเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพ พัฒนาการ และความเป็นอยู่ของเด็กๆ ผู้มีความเปราะบางต่อภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดร.กรรณิการ์ ให้รายละเอียดต่อไปว่า สำหรับครอบครัวที่มีที่อยู่อาศัยแข็งแรงปลอดภัย มีทรัพย์สินเงินทอง เข้าถึงบัญชีธนาคาร น้ำประปาหรือน้ำสะอาด มีแนวโน้มจะมีขีดความสามารถในการปรับตัวสูงกว่าและมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่ำกว่าครอบครัวที่มีฐานะยากจน
“ในอนาคตจะต้องมีการศึกษาตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับความยากจนของเด็กในมิติต่างๆ เช่น การศึกษา โภชนาการ เนื่องจากมิติเหล่านี้อาจมีความเชื่อมโยงกับความสามารถของเด็กในการรับมือกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน”

ผลกระทบ (โลกร้อน) และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมต่อเด็กไทย
ในปี พ.ศ.๒๕๖๔ รายงานการศึกษา UNICEF Global study 2021 ขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) ระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เด็กๆ มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดเป็นลำดับที่ ๕๐ จาก ๑๖๓ ประเทศ
รายงานข้างต้นให้รายละเอียดว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ ในประเทศไทย ประกอบด้วย น้ำท่วม ภัยแล้ง คลื่นความร้อน ไฟป่า โรคระบาดชนิดต่างๆ เช่น มาลาเลีย ไข้เลือดออก ความไม่มั่นคงทางอาหาร มลพิษของเสีย มลพิษทางอากาศ การปนเปื้อนในน้ำ
เวลาต่อมา รายงานการศึกษาของยูนิเซฟ ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) หัวข้อ การประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมต่อเด็กในประเทศไทย (Impact Assessment of Climate Change and Environmental Degradation on Children in Thailand) เผยแพร่เมื่อช่วงต้นปี ๒๕๖๖ ถือเป็นรายงานฉบับแรกของประเทศไทยที่ศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กเป็นการเฉพาะ ระบุว่าเด็กๆ ในประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เด็กที่อาศัยอยู่ในจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เป็นกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงสูงสุด
อาศัยแบบจำลองการหมุนเวียนสภาพภูมิอากาศโลก ในสถานการณ์จำลองความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่ ๔.๕ (RCP4.5) [เป็นการจำลองความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก (Representative Concentration Pathways – RCPs) ในชั้นบรรยากาศ จำแนกตามสถานการณ์ต่างๆ ในศตวรรษที่ ๒๑ (Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC), ๒๐๑๔), สถานการณ์จำลองที่ ๔.๕ ถือเป็นการจำลองปริมาณความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกระดับกลาง คือ ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี ๒๕๘๓ และลดลงหลังจากนั้น] ในอนาคตระยะใกล้ คือช่วงปี พ.ศ.๒๕๕๙ – ๒๕๗๘ จังหวัดที่เด็กๆ มีความเสี่ยงสูงสุด ๑๐ อันดับแรกของประเทศไทย เรียงตามลำดับ ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ นครศรีธรรมราช นราธิวาส สุรินทร์ สงขลา บุรีรัมย์ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี
ดร.กรรณิการ์ ธรรมพานิชวงศ์ ผู้จัดทำรายงานอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นของรายงานชิ้นนี้ว่า “สำหรับแผนที่ความเสี่ยงซึ่งระบุว่า เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดใดต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จังหวัดไหนเสี่ยงมาก จังหวัดไหนเสี่ยงน้อย เราอาศัยข้อมูลทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ…”
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้จัดทำรายงานกล่าว ประกอบด้วยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากโครงการแบบจำลองสภาพภูมิอากาศระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, การวิเคราะห์สภาพอากาศสุดโต่งในพื้นที่สำคัญโดยอาศัยแบบจำลองที่มีความละเอียดสูง, ข้อมูลอื่นๆ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น
ส่วนข้อมูลหรือตัวแปรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตรงผู้จัดทำรายงานเลือกศึกษาจำนวน ๔ ตัวแปร
“หนึ่ง จำนวนเด็กแรกเกิดถึงอายุ ๑๔ ปี สอง จำนวนแพทย์ในจังหวัด สาม จำนวนและสัดส่วนของทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม และ สี่ จำนวนและสัดส่วนของเด็กแรกเกิดถึงอายุ ๕ ปี ที่มีภาวะน้ำหนักน้อย”
ทั้งนี้ ดร.กรรณิการ์ ชี้แจงว่าจำนวนเด็ก และสัดส่วนของทารกแรกเกิด และเด็กที่มีภาวะน้ำหนักน้อยเป็นตัวแปรที่สะท้อนให้เห็นระดับของความเสี่ยงและความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่จำนวนแพทย์ก็เป็นตัวแปรที่สะท้อนให้เห็นขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

สิทธิมนุษยชนกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“มันไม่ยุติธรรมที่เด็กคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งต้องหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหา Climate Change เช่นเดียวกับเด็กหลายๆ คนในหมู่บ้านของเรา” อัซมานี เจ๊ะสือแม นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะรัฐศาสตร์ พื้นเพเป็นคนจังหวัดนราธิวาสให้ความเห็น
อัซมานีเล่าว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของเธอและที่จังหวัดนราธิวาสประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งกรีดยางยางพารา ปลูกมันสำปะหลัง รวมทั้งทำการประมงพื้นบ้าน
หลายปีที่ผ่านมา เธอสังเกตว่าชาวบ้านไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ตามปรกติ สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ปริมาณน้ำฝนผันผวน กระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพารา
“จำนวนวันกรีดต่อปีลดลงเพราะฝนตก มีงานวิจัยบอกว่าฝนที่ตกในช่วงฤดูร้อนส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคราแป้งสีขาว ทำให้ผลผลิตน้ำยางลดลงและรายได้ลดลงมาก สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถส่งลูกไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย”
แม้รัฐบาลของประเทศไทยจะแสดงท่าทีว่าให้ความสำคัญกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปรากฏอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๙๓ และแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ทว่านักวิชาการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายและแผนดังกล่าวยังขาดมาตรการเฉพาะที่จะบรรเทาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
เรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ระบุว่า เวลานี้สังคมโลกกำลังเผชิญปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อเนื่องถึงมิติทางสังคมและเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงถึงกัน
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลกับทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายของทรัพยากรริมน้ำ การลดลงของทรัพยากรชีวภาพต่างๆ
“ที่สำคัญร้อยละ ๖๐-๗๐ ของพลเมืองประเทศไทยมีวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพิงฐานทรัพยากรเพื่อให้มีอาหาร มีรายได้ มีอาชีพ มีงานทำ เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดการทำลาย การสูญหาย ทรัพยากรธรรมชาติลดลง คนเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบ ก็ถูกกระทำซ้ำซ้อน ทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มค่อนข้างจะมีความเปราะบางอยู่แล้ว ยกตัวอย่างปรากฏการณ์การลดลงของฐานทรัพยากรในทะเล ทำให้ชาวประมงต้องออกเรือไปทำมาหากินไกลขึ้น ใช้เวลานานขึ้น การที่ผู้ปกครองไม่สามารถทำงานประกอบอาชีพได้ตามปกติ แน่นอนว่ามีผลกับเด็ก เป็นความกดดัน ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมกับเยาวชนที่สังคมไทยมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา”
รายงานการดำเนินการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ให้ความสำคัญกับเด็กของยูนิเซฟที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวของเด็กต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลยังขาดมาตรการที่จะช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในกลุ่มเปราะบาง
ข้อเสนอสำหรับรัฐบาลไทยในการกำหนดนโยบายเรื่องโลกร้อนที่ให้ความสำคัญกับเด็ก เบื้องต้น ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบควรบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานควรจะพิจารณาทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานศึกษาควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกตัวอย่างเหตุการณ์น้ำท่วม อาจก่อความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่ออาคารและทรัพย์สินของโรงเรียน การที่เด็กต้องหยุดเรียนอาจดูเป็นปัญหาเล็กๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็ก จึงควรมีการนำแผนที่แสดงพิกัดสัญญาณดาวเทียม (GPS) ของโรงเรียนมาใช้ร่วมกับแผนที่ความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยต่างๆ ก็ควรมีการเผยแพร่และสื่อสารที่มีประสิทธิผล ใช้ภาษาและช่องทางที่เหมาะสมเพื่อให้เด็กเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย

อนาคตของคนรุ่นหลัง
รายงาน The Coldest Year of the Rest of Their Lives : Protecting Children from the Escalating Impacts of Heatwaves ของยูนิเซฟ ชี้ให้เห็นผลกระทบของการเกิดคลื่นความร้อนต่อเด็กในวงกว้าง
ทุกวันนี้คาดว่ามีเด็กประมาณ ๘๒๐ ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า ๑ ใน ๓ ของประชากรเด็กทั่วโลกกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเลวร้ายลง เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังสูงขึ้น และรูปแบบอากาศยังคงแปรปรวนอย่างรุนแรง
บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ ยังมีเด็กและเยาวชนอีกมากที่กำลังเผชิญกับสิ่งอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
รายงานสรุปวิกฤติสภาพภูมิอากาศคือวิกฤติสิทธิเด็กของยูนิเซฟ ระบุว่ามีเด็ก 400 ล้านคน หรือเกือบ ๑ ใน ๖ ของประชากรเด็กทั่วโลกกำลังเผชิญกับพายุไซโคลน สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเลวร้ายลง เนื่องจากพายุไซโคลนที่มีความรุนแรง (ระดับ ๔ และ ๕) เกิดบ่อยขึ้น ปริมาณฝนตกหนักเพิ่มขึ้น และรูปแบบของพายุไซโคลนก็มีการเปลี่ยนแปลง
เด็ก ๒๔๐ ล้านคน หรือ ๑ ใน ๑๐ ของประชากรเด็กทั่วโลกกำลังเผชิญกับน้ำท่วมชายฝั่ง สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเลวร้ายลงเช่นกัน เนื่องจากระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยผลกระทบจะยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดพร้อมกับคลื่นพายุซัดฝั่ง
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถย้อนกลับไปแก้ไขให้เป็นเหมือนเดิม
ตามที่มีการระบุไว้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายรายงาน ผลกระทบภายหลังจากที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจยาวนานถึง ๑,๐๐๐ ปี
เด็กๆ และเยาวชนในอนาคตอีก ๔๐-๕๐ รุ่น คือผู้ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถึงแม้ว่าเราจะหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่วันนี้ก็ตาม
มีเพียงความจริงใจและความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาระยะยาวเท่านั้นที่จะช่วยนำทางให้เด็กๆ ของเราเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี

“ภัยแล้งและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้เกิดการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา”
โทโมโกะ อิคุตะ
จังหวัดปทุมธานี
เรามีโอกาสเป็นตัวแทนเด็กและเยาวชนของประเทศไทยไปร่วมการประชุม COP27 ที่ Egypt Sharm El-Sheikh มีการติดตามความคืบหน้าการวางแผนดำเนินการตามคำมั่นสัญญา COP26 สรุปได้ดังนี้
หนึ่ง เรื่องการคงอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เกิน ๑.๕ องศาเซลเซียส ทุกประเทศยังคงเน้นย้ำเป้าหมายเดิมตามข้อตกลงปารีส หรือ Paris agreement ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการจำกัดอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงเกิน ๑.๕ องศาเซลเซียส ที่ประชุม COP27 ตกลงจัดตั้งกองทุนชดเชยความสูญเสียและเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Loss and damage fund กองทุนสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สอง เรื่องการลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน ประเทศต่างๆ ยังคงยึดเป้าหมายเดิมของข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ Glasgow หรือ Glasgow climate pact เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในมาตรการลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน และเลือกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเท่าที่มีความจำเป็น ถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สาม การเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งพลังงานเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม
สำหรับประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้วหลายครั้งเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง อุทกภัยและภัยแล้งเกิดถี่และมีความรุนแรงขึ้นมาก
เมื่อปี ๒๕๕๔ ประเทศไทยเผชิญมหาอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้ มีน้ำท่วมขังเป็นวงกว้างในพื้นที่ลุ่มต่ำของแม่น้ำเจ้าพระยาติดต่อกันยาวนาน ๒-๓ เดือน ส่งผลกระทบต่อประชากรประมาณ ๑๓ ล้านคน มีผู้เสียชีวิต ๘๙๒ คน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ๗๕,๔๗๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ๑๒.๕๓ เปอร์เซ็นต์ ของ GDP มีการใช้งบประมาณเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูเป็นจำนวนเงินสูงถึง ๔๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ
ฝนที่ตกมากกว่าปกติส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินและชีวิต ถ้าฝนตกหนักมากกว่าปรกติในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ทำให้จราจรติดขัด
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดมลพิษในอากาศ ปัญหาฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น ทำให้เด็กนักเรียนและเยาวชนที่ต้องทำกิจกรรมทางกายหรือกิจกรรมนอกห้องเรียนไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เด็กๆ ต้องขาดการเรียนรู้จากตรงนั้น เด็กๆ ต้องใส่ Mask N95 ติดต่อกันเพื่อที่จะป้องกันสุขภาพของเราเอง
ผลกระทบของ Climate Change มันจะไปไกลจนถึงเด็กไม่ได้เรียนต่อ หรืออาจส่งผลกระทบต่อภาวะโรคซึมเศร้า เรื่องใกล้ตัวอย่างหน้ากากกันฝุ่นที่ผ่านไปแค่ ๑-๒ วัน ก็ดำ ต้องเสียเงินซื้อหน้ากากมาเปลี่ยนใหม่
ผลจากภัยแล้งและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งผลให้เกิดการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาถึงจังหวัดปุทมธานี คุกคามการดำรงชีวิตของชุมชนริมชายฝั่ง กระทบต่อระบบนิเวศป่าชายเลน เกิดการเสื่อมโทรมของปะการัง ผลผลิตข้าวลดลงในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน น้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคมีรสกร่อย แม้แต่น้ำประปาก็มีรสเค็ม ประสบการณ์นี้เราประสบโดยตรง เพราะน้ำประปาที่บ้านมีรสเค็มอย่างมาก
การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบน เช่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา เหล่านี้เป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีการกัดเซาะขั้นรุนแรงมากที่สุด มีอัตราการกัดเซาะเฉลี่ยมากกว่า ๕ เมตรต่อปี พื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณชายฝั่งบางขุนเทียนถูกน้ำทะเลกัดเซาะหายไปแล้วเป็นระยะทางกว่า ๘๐๐-๑,๐๐๐ เมตร กระทบทั้งระบบนิเวศ เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสภาพจิตใจ
ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ่ ทำให้ฝนทิ้งช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ปัญหาภัยแล้งจะรุนแรงและเกิดไฟป่ามากขึ้น
ศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน ประเมินว่าเอลนีโญในปีนี้จะทำให้แล้งหนักและนานกว่าที่เคย อาจกระตุ้นให้ไฟป่าในอินโดนีเซียรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดหมอกควันข้ามพรมแดนในพื้นที่บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และภาคใต้ของไทย
เมื่อมองผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นรอบโลกจะเห็นว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี เช่น ไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย ออสเตรเลีย และล่าสุดที่แคนาดา น้ำท่วมใหญ่ในปากีสถาน คลื่นความร้อนในยุโรป และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจนเกาะบางเกาะอาจจมหายไปในไม่กี่ปีข้างหน้า เช่น ประเทศหมู่เกาะในโอเชียเนีย หมู่เกาะมัลดีฟส์ และอีกหลายเมืองสำคัญ มนุษย์ต้องเผชิญภัยคุกคามที่ร้ายแรงทางธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ที่อยู่อาศัย ความมั่นคงทางอาหาร การดำรงชีวิต เศรษฐกิจหยุดชะงัก ความเสี่ยงต่อสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ โรคอุบัติใหม่ และผู้คนนับล้านต้องพลัดถิ่นในศตวรรษนี้

“Climate Change ทำให้รายได้ภายในครอบครัวลดลง”
พีเค – ขวัญจิรา ใจกล้า
จังหวัดร้อยเอ็ด
เด็กๆ วัยกำลังเจริญเติบโต สิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นตัวกำหนดว่าชีวิตจะเดินไปในทิศทางไหน มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยไปสำรวจบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงจังหวัดหนองคาย พบปัญหาที่ควบคู่กับ Climate Change คือ Biodiversity Loss หรือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
ชาวบ้านบริเวณนั้นประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ประสบปัญหาเกี่ยวกับการจับสัตว์น้ำที่เริ่มลดลง เช่นเดียวกับสังคมภาคอีสานที่ทำเกษตรกรรม ทั้งเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำไร่ ทำนาที่เริ่มประสบปัญหาเรื่องผลผลิต
เมื่อฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล สิ่งที่เป็นปัญหาคือการสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร เมื่อผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำก็ขาดแคลนรายได้ เงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการดำรงชีวิต เด็กๆ และเยาวชนอยู่ในช่วงของการพัฒนาร่างกายต้องอาศัยปัจจัยนี้
ปัญหาแรกๆ ที่เกิดจาก Climate Change ที่ส่งผลกระทบกับเด็กๆ คือเรื่องเศรษฐกิจของทางบ้าน ทำให้พ่อแม่ที่เป็นเกษตรกรต้องประสบปัญหา Climate Change ทำให้รายได้ภายในครอบครัวลดน้อยลง ขาดแคลนทุนทรัพย์ที่จะนำไปซื้ออาหาร นำมาสู่ภาวะการขาดแคลนอาหารหรือทุพโภชนาการในเด็ก
นอกจาก Climate Change ยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาในรูปของมลภาวะทั้งทางน้ำ อากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือการเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านต่างๆ ผลกระทบจาก Climate Change ที่เห็นชัดเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ
เด็กๆ ที่อาศัยในชนบท ครอบครัวไม่มีกำลังทรัพย์หรือทุนทรัพย์ที่จะสรรหาแสวงหาบริการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงบริการระบบสาธารณสุขที่ดี การมีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค หรืออย่างปัญหาเรื่องการศึกษา เปรียบเทียบกับครอบครัวที่มีความพร้อม มีทุนทรัพย์ มีความพร้อมในการเสาะแสวงหา เลือกสิ่งดีๆ ให้แก่ลูก หรือมีระบบป้องกัน
มีงานวิจัยออกมาว่า เด็กที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมืองมีความเสี่ยงน้อยกว่าเด็กที่อยู่ในชุมชนชนบทเมื่อต้องรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Climate Change เป็นประเด็นที่เด็กๆ และเยาวชนได้รับผลกระทบมาก และพวกเราเริ่มตระหนักว่าสามารถใช้ตัวเองเป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาไปยังผู้มีอำนาจในสังคม เพื่อให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา วางแผนแล้วสร้างหรือร่างนโยบายที่สามารถแก้ปัญหาจริงๆ
มนุษย์เป็นตัวการทำให้โลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้นอย่างมาก เด็กๆ และเยาวชนต้องเติบโตในสถานที่ที่เขาอยู่อาศัย ซึ่งเป็นบริเวณที่สภาพแวดล้อมกำลังเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เราทำได้คือชะลอหรืออนุรักษ์ให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้าลง จะทำยังไงให้เด็กๆ และเยาวชนรับรู้และสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
ในอนาคตข้างหน้าหวังว่าเด็กและเยาวชนจะเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดียิ่งขึ้น

“ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถประกอบอาชีพแบบเดิมได้…มันไม่ยุติธรรมที่เด็กคนหนึ่งต้องหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหา Climate Change”
มาเน่- อัซมานี เจ๊ะสือแม
จังหวัดนราธิวาส
ที่นราธิวาส ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร เช่น กรีดยางยางพารา ปลูกมันสำปะหลัง หรือแม้กระทั่งทำการประมง ผลกระทบของ Climate Change ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ตามปรกติ ภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ปริมาณน้ำฝนผันผวน กระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพารา จำนวนวันกรีดต่อปีลดลงเพราะฝนตก มีงานวิจัยบอกว่าฝนในช่วงฤดูร้อนส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคราแป้งสีขาว ทำให้ผลผลิตน้ำยางลดลงและรายได้ก็ลดลงมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถประกอบอาชีพแบบเดิมได้ ส่งผลให้เขาไม่สามารถส่งลูกไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
จากปัญหาฝนตกบ่อยมากขึ้น ปริมาณน้ำฝนและจำนวนวันฝนตกเพิ่มขึ้น มีครั้งหนึ่งที่ชาวบ้านในหมู่บ้านของเรา ทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม รวมตัวกันไปสวดมนต์ขอพรให้ฝนหยุดตก เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลัง น่าเสียดายที่คำภาวนา คำอวยพรของพวกเราไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แล้วยังมีแนวโน้มที่ฝนจะตกมากขึ้นอีก
จากรายงานของยูนิเซฟ และทีดีอาร์ไอ นราธิวาสเป็น ๑ใน ๕ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา Climate Change มากที่สุด เวลาเข้าสื่อโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, YouTube สิ่งหนึ่งที่พบคือข่าวน้ำท่วมจังหวัดนราธิวาส นราธิวาสน่าจะเป็นจังหวัดที่มีประวัติน้ำท่วมบ่อยที่สุดในรอบสิบปี
สิ่งที่สามารถพิสูจน์ว่าจังหวัดนราธิวาสหรือภาคใต้ของประเทศไทยมีน้ำท่วมบ่อยขึ้นคือปากคำคนที่อยู่ในพื้นที่ ตลอดชีวิตของเราเวลาถามคุณยาย ป้า หรือน้า เขาจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่เป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต แม้กระทั่งยายของหนูเขาก็บอกว่า ๗๐ ปีที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดขึ้นปรากฏการณ์น้ำท่วมหนักขนาดนี้
ที่ผ่านมาชาวบ้านกรีดยางส่งลูกเรียนหนังสือ ผ่านการทำการเกษตรประเภทอื่นๆ พอฝนตกบ่อยมากขึ้นทำให้เขาไม่สามารถส่งลูกไปเรียนได้ เรามีเพื่อนคนหนึ่งหลังจากที่เรียนจบ ม.๓ แม่ขออ้อนวอนให้เขาหยุดเรียนได้ไหม หยุดเรียนเพราะไม่มีเงินส่ง ไม่มีเงินที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้เรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย
ไม่ต้องพูดถึงระดับมหาวิทยาลัย ความยากจนอาจเกิดจากความเหลื่อมล้ำที่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถวบ้านเราคนที่เรียนจบปริญญาตรีถือเป็นส่วนน้อยมากๆ อาจจะแค่ ๑๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ อีก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ที่พ่อแม่ทำอาชีพการเกษตร เขาอ้อนวอนให้ลูกเขาไม่ต้องเรียนหนังสือ ถามลูกว่าไม่ต้องเรียนต่อได้ไหม
จนเพื่อนหนูมาเล่าให้ฟังว่าเขาไม่สามารถเรียนต่อระดับของมัธยมศึกษาตอนปลายได้นะเพราะแม่ของเขาไม่มีเงินส่ง จนต้องตัดสินใจไปทำงานต่อที่มาเลเซีย
จากการสังเกตพื้นที่ชุมชน มีเด็กและเยาวชนหลายคนที่หลุดจากระบบการศึกษา สอดคล้องกับรายงานของยูนิเซฟ แล้วก็ทีดีอาร์ไอ ว่าเด็กและเยาวชนหลายคนถ้าไม่ตัดสินใจไปทำงานต่อที่มาเลเซีย ก็เลือกที่จะไปทำงานในเมืองใหญ่ๆ อาทิ หาดใหญ่หรือกรุงเทพมหานคร
มันไม่ยุติธรรมที่เด็กคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งต้องหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหา Climate Change เช่นเดียวกับเด็กหลายๆ คนในหมู่บ้านของเรา
ยังมีเด็กหลายคนในประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้ ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจาก Climate Change ทำให้หลายๆ คนหลุดจากระบบการศึกษา สิ่งนี้เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เด็กหลายคนต้องทิ้งความฝัน เพราะพ่อแม่ของเขาไม่สามารถที่จะเลี้ยงชีพได้เพราะปัญหา Climate Change

“จะออกไปซ้อมวิ่งมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ…เหมือนต้องเลือกระหว่างสุขภาพกับคะแนน”
ฤดู – ซากุราโกะ มาซุดะ
จังหวัดเชียงใหม่
เราเกิดและเติบโตที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อายุได้ ๑๕ ปีก็ย้ายเข้ามาเรียนในเมือง ประมาณปี 2562 เริ่มมีข่าวมลภาวะทางอากาศ ปัญหาฝุ่น PM2.5 รุนแรงขึ้นมาก เมืองที่เราอาศัยอยู่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงเป็นอันดับ ๑ ของโลก
ตอนนั้นกำลังเรียนหลักสูตร British Curriculum อยู่ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ลงวิชาเลือกที่ต้องลงแข่งวิ่ง Cross Country เมื่ออากาศไม่ดี จะออกไปซ้อมวิ่งมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ
Cross Country เป็นกีฬาที่ต้องซ้อมวิ่งนอกอาคาร การสอบหรือถ่ายวิดีโอประกอบการเรียนจะต้องมีการวิ่งขึ้นและลงเขา วิ่งไปกลางน้ำ วิ่งบนพื้นหิน ตอนนั้นมีปัญหามากเพราะซ้อมวิ่งไม่ได้ เหมือนเราต้องเลือกระหว่างสุขภาพกับคะแนน ต้องชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน อีกอย่างคือต้องใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา ปรับตัวยากมากเพราะใส่หน้ากากแล้วอึดอัด หน้าหากในตอนนั้นหาซื้อยากแล้วก็ราคาค่อนข้างสูง
เวลาใส่หน้ากากซ้อมวิ่งจะเห็นเลยว่ามีฝุ่นเกาะอยู่ด้านนอกของหน้ากาก คนอื่นๆ ที่ต้องสวมหน้ากากขับมอเตอร์ไซค์ก็เหมือนกัน หน้าหากที่เราใส่มันกลายเป็นสีดำ
เคยคิดว่าไม่นานปัญหาก็จะหมดไป อาจจะสักหนึ่งปี เราอาศัยอยู่ภาคเหนือตั้งแต่เด็กจนอายุ 15 ปี ที่ผ่านมาอากาศไม่ได้แย่ขนาดนี้ แต่ผ่านมาแล้ว ๔-๕ ปี เห็นได้ชัดว่ามลภาวะทางอากาศยังไม่ดีขึ้น และยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นด้วย
ปัญหามลภาววะส่วนใหญ่เกิดในฤดูกาลที่เรียกว่า smoky season ตามทฤษฎีจะอยู่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงช่วงเมษายน เป็นช่วงที่ภาคเหนือแห้งแล้ง ถ้ามีไฟป่าจะติดไวแล้วแพร่อย่างรวดเร็ว Climate Change เข้ามาทำให้ความแห้งแล้งมากขึ้น ส่งผลให้ smoky season มีระยะเวลายาวนานขึ้นในหนึ่งปี อย่างของปีนี้เท่าที่สังเกตดูกับอาจารย์ จะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงพฤษภาคม กว่า ๕ เดือนใน ๑ ปี ที่ชาวภาคเหนือต้องประสบกับสภาพอากาศที่เลวร้าย
ตอนอยู่โรงเรียนเราเห็นความเชื่อมโยงระหว่างมลภาวะทางอากาศกับสภาพจิตใจ เรามีเพื่อนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เขาเป็นคนหลายบุคลิก ต้องทานยาสม่ำเสมอแล้วก็บำบัดด้วยการออกกำลังกาย ตามปรกติทางโรงเรียนจะมีคาบสำหรับออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูจิตใจไว้สัปดาห์ละ ๒ วัน แต่เมื่อมีปัญหามลภาวะทางอากาศ ค่า AQI สูงขึ้น ทุกคนต้องอยู่ในอาคารเรียน ใส่ Mask แล้วเปิดเครื่องฟอกอากาศ เมื่อคาบออกกำลังกายถูกยกเลิกไป เราเห็นผลกระทบว่าอาการซึมเศร้าของเพื่อนกลับมารุนแรงขึ้น อาจเป็นเพราะสภาพอากาศส่วนหนึ่ง รวมถึงการไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
อำเภอแม่แตงอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เป็นเขตรอบนอกที่ยังไม่ค่อยเจริญมากนัก การเข้าถึง Mask หรือหน้ากาก โดยเฉพาะ N95 หรือ KN95 เป็นเรื่องยากมาก คนที่เอา Mask เข้ามาขายในอำเภอแม่แตงส่วนใหญ่จะรับจากอำเภอเมืองเอามาขายให้คนในชุมชน เราพบปัญหาว่ามีของปลอมเข้ามาขายด้วย ประสิทธิภาพของ Mask ไม่ดีเท่าที่ควร ราคาก็ค่อนข้างสูง ชิ้นหนึ่งราคา ๓๕ บาท ต้องเปลี่ยนทุก ๒-๓ วัน ชาวบ้านหลายคนก็ไม่มีงบประมาณในส่วนนี้
เมื่อปีที่แล้ว เรามีโอกาสเดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใต้โครงการ Young southeast Asian leaders initiative program ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นตัวแทนประเทศไทยที่มีอายุน้อยสุด นำมาสู่การนำเยาวชน ๒๐ คนในภาคเหนือมาเข้าแคมป์เรียนรู้เรื่องมลพิษทางอากาศร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้ากาก วิธีป้องกันตัวจากมลพิษ
เรามีโอกาสพบพี่ที่ทำงานในอุทยานแห่งชาติ เขาเป็นนักดับเพลิง เราช่วยกันทำแนวกันไฟป่ายาวถึง ๓ กิโลเมตร ปัญหาที่พบคือทางเดินในป่าชันและคดเคี้ยว เดินลำบากและอันตราย ขณะที่อุปกรณ์ทำแนวกันไฟหรือใช้ดับไฟป่ามีน้ำหนักมาก
น้องคนหนึ่งมีคุณพ่อเป็นนักดับเพลิง สภาพจิตใจน้องมีความกังวลแล้วก็เป็นห่วงพ่อทุกๆ ครั้งที่ได้มีการแจ้งเข้ามาให้ออกไปดับไฟ ไม่ว่าจะตี ๑ หรือตี ๒ คุณพ่อก็ต้องรีบออกจากบ้าน
มีรายงานว่าใน ๑ ปี อุทยานแห่งชาติแห่งนั้นมีไฟป่าเกิดขึ้นประมาณ ๑๒๐ ครั้ง หมายความว่าคุณพ่อของเขาต้องออกไปทำงานแทบจะทุกวัน การดับไฟป่าแต่ละคร้ังอาจใช้เวลายาวนาน ๕-๖ ชั่วโมง
มีความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กนักเรียนในเมืองกับโรงเรียนรอบนอก หลังจากเราเข้าไปเรียนในเมืองจะเห็นเลยว่า facility หรือสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่า เด็กๆ หลายคนเข้าถึงเครื่องกรองอากาศ แต่อีกหลายคนเข้าไม่ถึง
ตัวเราอาจจะได้เข้าไปหลบอยู่ในอาคารที่คุณภาพอากาศดีกว่าคนอื่น แต่ถ้ามองไปยังโรงเรียนแถบรอบนอกอย่างอำเภอแม่แตงสิ่งอำนายความสะดวกของโรงเรียนรัฐบาลยังค่อนข้างเก่า ถึงแม้จะได้รับการบริจาคเครื่องกรองอากาศแต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะตามห้องเรียนมีรอยรั่ว ไม่ว่าหน้าต่างหรือประตูด้านบนจะมีตะแกรงระบายอากาศ ทำให้เครื่องกรองไม่สามารถกรองอากาศที่ไหลเวียนเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ภายในห้องเรียนไม่มีคุณภาพอากาศที่ดี
บ่อยครั้งที่พวกเราและเยาวชนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องออกไปทำกิจกรรมจิตอาสาอุดรอยรั่วภายในโรงเรียนอนุบาล ช่วยกันทำเครื่องกรองอากาศแบบ DIY เพราะเห็นว่าบางครั้งการบริจาคก็ไม่ได้ไปถึงโรงเรียน เราช่วยกันฝุ่นตามบ้าน ถ้าบ้านไหนมีรอยรั่วเยอะ พยายามอุดแล้วก็ยังรั่ว เช็คแล้วก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ เราจะแก้ปัญหาโดยทำมุ้งกันฝุ่นไปให้เด็กๆ และผู้สูงอายุที่ต้องนอนติดเตียง
ปัญหาการจัดการขยะเป็นอีกเรื่องที่เชื่อมโยงกับฝุ่นควัน พื้นที่รอบนอกบางแห่งไม่มีเจ้าหน้าที่คอยมาเก็บขยะทุกๆ วันจันทร์ หรือสัปดาห์ละ ๑ ครั้งแบบในเมือง คนส่วนหนึ่งยังจำเป็นต้องใช้วิธีเผา ถึงจะมีกฎหมายออกมาว่าถ้าเผาจะโดนปรับ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีแนวทางแก้ไขว่าถ้าไม่เผาจะทำอย่างไร นอกจากกฎหมายห้ามเผาแล้วรัฐควรมีวิธีจัดการขยะที่ถูกต้องสำหรับชุมชนที่เข้าไม่ถึงบริการของภาครัฐ
ขอขอบคุณ
- องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย