เรื่อง : อิสรากรณ์ ผู้กฤตยาคามี
ภาพ : กรดล แย้มสัตย์ธรรม
‘ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าธรรมชาติจะอยู่ใกล้ตัวเราขนาดนี้’
‘การโอบกอดต้นไม้ทำให้เรามีความสุข เบาสบาย รู้สึกดี เหมือนเขาให้พลังงานดีๆ กับเราอยู่เสมอ’
‘เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้เราได้ลองอยู่กับตัวเองพิจารณาทุกอย่างรอบตัวอย่างละเอียด เหมือนธรรมชาติเขาอยู่กับเรามาตลอดแต่เรากลับละเลยพวกเขา’
ท่ามกลางความสงบของขุนเขาภายใต้วนอุทยานเขานางพันธุรัต เสียงแมกไม้ กระทบสายลมเป็นจังหวะเคล้าคลอกับเสียงสะท้อนพูดคุยของนักศึกษาหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม ‘พักใจในป่า : สร้างสุขภาวะทางปัญญาด้วยธรรมชาติ’ โดย สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ นิตยสารสารคดี นายรอบรู้นักเดินทาง และกบเทรคกิ้ง ร่วมกันจัดกิจกรรมพักใจที่ทำให้กายและหัวใจได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกครั้ง
สุรศักดิ์ เทศขจร กระบวนกรจากทีมนิตยสารสารคดี ชวนทุกคนกลับมาตั้งคำถามและทบทวนทำความรู้จักธรรมชาติอีกครั้ง ผ่านคำถามอันเรียบง่ายว่า
ถ้าคุณเป็นอะไรก็ได้ในธรรมชาติ คุณอยากเป็นสิ่งใด?
‘ฉันอยากเป็นผีเสื้อที่สวยงาม แม้ว่าผีเสื้อจะมีช่วงชีวิตที่สั้น แต่ในทุกช่วงของการเติบโตของเขาล้วนสร้างประโยชน์ให้โลก’
‘อยากเป็นท้องฟ้าอากาศที่สดใส เพราะปัจจุบันเมืองไทยเต็มไปด้วยมลพิษ’
‘อยากเป็นดอกไม้ให้แมลงมาพักผิงใจ’
‘อยากเป็นต้นไม้ที่เติบโตอย่างมั่นคง’
คำถามอาจดูง่ายดาย แต่คำตอบที่ได้รับล้วนอัศจรรย์และงดงาม ไม่เพียงแต่เป็นคำตอบที่มีความสร้างสรรค์ แต่ยังสะท้อนว่าแท้จริงแล้วในใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนล้วนมีเศษเสี้ยวของการอนุรักษ์และความรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ต่อมาคือการเรียนรู้ ‘การติดเครื่องมือสัมผัสธรรมชาติ’ กลับมาใช้ผัสสะของมนุษย์ทำความรู้จักธรรมชาติให้มากยิ่งขึ้น กระบวนกรเริ่มฝึกโดยเริ่มจาก ดวงตาให้ฝึกดูโดยละเอียดมองได้กว้างและไกลดั่งนกฮูก หูที่ฟังอย่างตั้งใจแยกแยะความใกล้ไกลราวกับกวาง จมูกที่ดมกลิ่นของดินและใบหญ้า กายที่สัมผัสสวมกอดต้นไม้เพื่อแบ่งปันพลังงานดีๆ ระหว่างกัน หลายคนเลือกไปโอบกอดต้นไม้ใหญ่
จากนั้นค่อยๆเข้าสู่ ‘กิจกรรมใบไม้วิเศษ’ ที่ให้ทุกคนเลือกหยิบใบไม้ที่เห็นแล้วรู้สึกดีและมีลักษณะแตกต่างกันเพื่อนำมารวมกันสร้างเป็นผลงานศิลปะร่วมกัน
‘ที่ผมเลือกใบไม้มา 5 สีเพราะมันเหมือนชีวิตของคนเรา เริ่มจากใบเล็กๆ ค่อยเติบโตเป็นใบไม้สีเขียวขจีและเปลี่ยนสีตามฤดูกาลจนร่วงโรยในที่สุด’
‘หนูหยิบใบไม้ที่ใกล้ตัวเพราะเชื่อว่าธรรมชาติล้วนจัดสรรสิ่งดีๆมาให้เรา เพียงแต่เราจะรับรู้หรือไม่เท่านั้นเอง’
ผ่านไปไม่นานผลงานศิลปะจากใบไม้ก็เริ่มเป็นรูปร่าง สีสันถูกเรียงจากอ่อนไปเข้ม เพื่อสะท้อนถึงช่วงเวลาและฤดูกาลของใบไม้ ส่วนรูปร่างนำมาเรียงเป็นลักษณะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นต้นคริสต์มาสในเทศกาลปีใหม่เป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความสุข บ้างว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ไปสวมกอดแทนความมั่นคง และหยั่งรากแห่งความปิติสู่หัวใจ
‘ศิลปะที่สร้างขึ้นจากใบไม้ ช่วยให้เราได้มองธรามชาติอย่างละเอียด จากสีเขียวสู่สีดำ ส่วนสีน้ำตาลเหมือนสะพานแห่งช่วงอายุ ที่ค่อยๆเปลี่ยน และระหว่างทางย่อมมีเรื่องราวให้เรียนรู้อยู่เสมอ’
กิจกรรมดังกล่าวมอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความอบอุ่นในหัวใจอยู่ไม่น้อย
ว่ากันว่าภาพบางภาพอธิบายได้มากกว่าคำพูด คำกล่าวดังกล่าวอาจดูไม่เกินจริงเมื่อเข้าสู่กิจกรรม ‘ภาพจับใจ’ โดยให้ทุกคนเลือกหยิบภาพถ่ายจากธรรมชาติที่ตัวเองชอบมา 1 ใบ หลายคนเลือกภาพที่ทำให้นึกถึงชีวิตของตัวเอง ดั่งเช่น ภาพต้นไม้ที่กำลังเติบโตงอกงามท่ามกลางป่าไม้สีเขียว หรือหลายคนเลือกภาพที่ทำให้คิดถึงความทรงจำบางอย่างที่อาจลืมหายไป เช่น ภาพทะเล หรือท้องฟ้าที่ทำให้นึกถึงบ้าน บ้างก็เลือกภาพธรรมชาติอันสวยงามเพื่ออยากให้คนที่เรารักเห็นความสวยงามนั่นไปพร้อมกัน หรืออีกหลายคนเลือกภาพสัตว์นานาชนิด เช่น ภาพราชาแห่งพงไพร เพื่ออยากให้ตัวเองมีความแข็งแกร่งและทรนงเช่นพวกเขา ความรู้สึกมากมายกำลังร้อยเรียงเข้าหากันและสะท้อนรับฟังกันอย่างอบอุ่นภายใต้บรรยากาศอันเขียวขจีของวนอุทยานแห่งนี้
สุดท้ายคือกิจกรรม ‘ภาพคอนทัวร์’ โดยกระบวนกรให้ทุกคนเริ่มจับคู่ จากนั้นเริ่มใช้ทักษะที่เรียนรู้มาทั้งหมด มาวาดภาพโครงร่างของหน้าเพื่อนๆ โดยไม่มองกระดาษ หลายคนก็ค้นพบว่าตัวเองทำได้ ออกมาเป็นรูปที่สวยงาม กิจกรรมนี้นอกจากจะเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนเปื้อนกระดาษและใบหน้า ยังทำให้รับรู้ว่าแท้จริงมนุษย์มีศักยภาพอีกมาก เพียงแต่เราละเลยและหลงลืมไปก็เท่านั้น เฉกเช่นเดียวกับธรรมชาติที่แท้จริงอยู่รอบข้างตัวเราอยู่เสมอ หากเราสัมผัสและเข้าใจธรรมชาติก็พร้อมเยียวยาเราอยู่เสมอ
นอกจากกิจกรรมพักใจ จากทีมงานนิตยสารสารคดี ยังมีกิจกรรมอีกมากมายทั้ง กิจกรรมท้องฟ้าและนิทานดวงดาวในยามกลางคืน รวมถึงการฟัง-ดูนก ชนิดต่างๆ กับทีมงานกบเทรคกิ้งผู้เชียวชาญด้านธรรมชาติและสัตว์ป่า รวมไปถึงการยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ด้วยหนังสติ๊กเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในธรรมชาติกับพี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยาน เรียกว่าเป็นการเข้ามาทำความรู้จักธรรมชาติที่ครบรส ทั้งการเรียนรู้ ความสนุกสนาน และให้ธรรมชาติเยียวยาหัวใจไปพร้อมกัน เป็นการสร้างสุขภาวะทางปัญญาผ่านธรรมชาติอย่างแท้จริง
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศการแลกเปลี่ยน สะท้อนเสียงระหว่างกันก่อนเดินทางกลับ
‘อากาศดี ผิดกับที่คิดไว้ กิจกรรมทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่ปรกติไม่เคยทำ ได้รู้สึกถึงแรงลม แสงแดด พิ้นดิน เข้าปะทะกับตัว เป็นกิจกรรมที่อบอุ่นหัวใจ ขอขอบคุณทุกคนที่ได้เจอกันและหวังว่าธรรมชาติจะเยียวยาและโอบกอดทุกคน’
‘มอบโอกาสได้สัมผัส ประสบการณ์ใหม่ๆ ปรกติอยู่ในเมืองไม่เคยได้สัมผัสธรรมชาติ ได้รู้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติใกล้ชิดกันมากกว่าที่คิด’
สำหรับผู้ที่สนใจอยากร่วม Park ใจ ในกิจกรรมรูปแบบอื่นหรือแลกเปลี่ยนเรื่องการสัมผัสธรรมชาติด้วยกัน สามารถติดตามกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊กกรุ๊ป Parkใจ
กิจกรรมดำเนินการโดย นิตยสารสารคดี เพจ Sarakadee Magazine และ Nairobroo – นายรอบรู้ นักเดินทาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), และ มูลนิธิเล็กประไพวิริยะพันธุ์