จิตรกรรมโกศล #7 - กุศลคุ้มละเมิด

ในลายพระหัตถ์ “จดหมายเวร” ฉบับต่อมาจากเกาะปีนัง ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2484 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ยังทรงขยายความว่าด้วยเรื่องจิตรกรรมฝาผนังในตอนท้ายอีกเล็กน้อยว่า

“เรื่องเขียนฝาผนังวัดนั้น หม่อมฉันคิดเห็นยังมีสาขาคดีที่จะทูลต่อไป จะทูลย้อนสัตย์ก่อนว่า ไตรภูมิโลกสัณฐานนั้น เป็นเรื่องที่เก็บความมาจากพระบาลี จึงนับเข้าในทางพระศาสนา รูปภาพวัดยมก็เขียนกระบวนเสด็จพยุหยาตรากฐินนับเนื่องในพระศาสนาเหมือนกัน สาขาคดีที่จะทูลนั้น คือช่างเขียนแต่ก่อนมีแต่ 2 จำพวก คือช่างหลวงจำพวก 1 พระช่างเขียนจำพวก 1 ช่างหลวงสำหรับราชการ พระช่างเขียนน่าจะถือกันว่าสำหรับการกุศล เช่นเขียนผนังวัดและเขียนตู้ใส่พระธรรมเป็นต้น อ้างการกุศลคุ้มละเมิดสิกขาบทที่ห้ามมิให้พระภิกษุประกอบจิตกรรม”

เรื่องที่สมเด็จฯ ทรงกล่าวถึงสิกขาบทว่าด้วยจิตรกรรมนี้ เป็นประเด็นน่าสนใจและน่าขบคิด

ในพระไตรปิฎก ส่วนพระวินัยปิฎก จุลวรรค เสนาสนะขันธกะ มีความตอนหนึ่ง (อ้างอิงจากพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ของมหามกุฏราชวิทยาลัย) ว่า

“สมัยนั้น พระฉัพพัคคีย์ให้ช่างเขียนภาพสตรีบุรุษไว้ในวิหาร ชาวบ้านเที่ยวชมวิหารเห็นเข้า จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า…เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม…ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงให้เขียนภาพสตรี บุรุษ รูปใดให้เขียน ต้องอาบัติทุกกฎ เราอนุญาตภาพดอกไม้ ภาพเครือเถา ฟันมังกร ดอกจอกห้ากลีบ.”

“ฉัพพัคคีย์” แปลว่ามีพวก 6 เป็นชื่อเรียกกลุ่มภิกษุเหลวไหลหกรูป ประกอบด้วยอัสสชิ (เป็นคนละรูปกับท่านอัสสชิในกลุ่มปัญจวัคคีย์) ปุนัพพสุกะ ปัณฑกะ โลหิตกะ เมตติยะ และภุมมชกะ แก๊งฉัพพัคคีย์มักก่อปัญหา สร้างเรื่องให้พระพุทธองค์ต้องคอยบัญญัติสิกขาบท รวมทั้งยังชอบประพฤติล่วงละเมิดสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว

ลวดลายกลุ่มนี้ (มาลากมฺมํ ลตากมฺมํ มกรทนฺตกํ ปญฺจปฏิกนฺติ / malakammam latakammam makaradantakam pancapatikanti) ยังปรากฏซ้ำๆ อีกหลายครั้งในหมวดเดียวกัน เมื่ออ้างถึงพุทธานุญาตว่าด้วยการประดับตกแต่งพื้นที่ต่างๆ ของเสนาสนะ

ในอรรถกถาของพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มีความตอนหนึ่งพรรณนาปราสาทที่นางวิสาขาสร้างถวายพระพุทธองค์ ก็เขียนภาพจิตรกรรมลายดอกไม้ ลายเถาไม้ ดุจเดียวกัน

“นางวิสาขาสละเครื่องประดับนั้นซึ่งมีราคาถึงเก้าโกฏิเจ็ดพันเหรียญ สร้างปราสาทหลังใหญ่สมควรเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า และเป็นที่อยู่ของภิกษุสงฆ์ ประดับด้วยห้องหนึ่งพันห้อง…งานไม้ที่น่ารื่นรมย์ก็ตกแต่งสำเร็จเป็นอย่างดี งานปูนก็พิถีพิถันทำอย่างดีน่าปลื้มใจ วิจิตรไปด้วยจิตรกรรมมีมาลากรรม ลายดอกไม้ และลดากรรมลายเถาไม้เป็นต้นที่ประดับตกแต่งไว้อย่างงดงาม”

นั่นหมายความว่า หากยึดพระวินัยตามตัวอักษรโดยเคร่งครัด พระพุทธองค์ประทานอนุญาตให้เขียนภาพจิตรกรรมประดับสิ่งก่อสร้างในวัดได้ ด้วยลวดลายประดับ คือ “ภาพดอกไม้ ภาพเครือเถา ฟันมังกร ดอกจอกห้ากลีบ” เท่านั้น

หากเป็นภาพอย่างอื่น เช่นภาพคน เขียนแล้ว “ต้องอาบัติทุกกฎ”

เมื่อเป็นดังนั้น ย่อมหมายความว่าจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นภาพเรื่องราวพุทธประวัติ ชาดก ฯลฯ คือเกือบทั้งหมดที่เคยมีเขียนกันมาตามวัดวาอารามทุกยุคทุกสมัย ล้วนละเมิดสิกขาบท และ “ต้องอาบัติ”

จึงไม่มีทางอื่นนอกจากอ้างอิงพระมติของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่าในแวดวงช่างแต่โบราณ คงถือเสียว่าการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังให้ “อ้างการกุศลคุ้มละเมิดสิกขาบท” คือนับเนื่องเป็นการประกอบกิจกุศล หาได้เป็นการฝ่าฝืนพุทธบัญญัติไม่