ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : เรื่อง
วิจิตต์ แซ่เฮ้ง : ภาพ

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีการจัดเวที “เสียงร่ำไห้ของ ‘น้ำสาย’ ผลกระทบจากสารพิษปนเปื้อน–น้ำท่วม” เพื่อรับฟังเสียงประชาชนคนลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ที่ต้องเผชิญผลกระทบจากปัญหา “แม่น้ำนานาชาติ” ปนเปื้อนสารพิษมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี
ย้อนเวลากลับไปเดือนกันยายน 2567 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมแม่สาย หลังน้ำท่วมมีดินโคลนมากมายไหลทะลักมากับสายน้ำ จากการตรวจของกรมทรัพยากรธรณีพบว่าดินโคลนเหล่านั้นมีสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน
ต้นปี 2568 กรมควบคุมมลพิษเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกกที่มีความขุ่นผิดปรกติมาตรวจวัด พบว่ามีสารหนูสูง แมงกานีส ตะกั่ว เกินค่ามาตรฐาน
การปนเปื้อนของสารพิษต่าง ๆ ซึ่งเป็นโลหะหนัก อาทิ สารหนู (Arsenic) แมงกานีส (Manganese) ตะกั่ว (Lead) ฯลฯ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เป็นพารามิเตอร์ที่สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากการทำเหมืองแร่บริเวณต้นน้ำในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา คาดว่าส่วนใหญ่เป็น แร่หายาก หรือ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements หรือ REE) กลุ่มธาตุโลหะหลายชนิดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป แผงวงจร ยานยนต์ไฟฟ้า หน้าจอแสดงผล ลำโพง แบตเตอรี่
แม้ถูกเรียกว่า “แร่หายาก” แต่จริง ๆ แล้วสามารถพบได้ในแหล่งธรรมชาติ ตามชั้นดินและหิน ที่น่ากังวลคือกระบวนการทำเหมืองเพื่อสกัดแร่เหล่านี้ต้องเปิดหน้าดินและใช้สารเคมีปริมาณมหาศาลเพื่อสกัดแร่ ถ้าไม่ได้รับการกวดขัน ทำเหมืองใกล้แหล่งน้ำ ย่อมส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม



เวทีรับฟังที่แม่สายมีคนท้องถิ่น ข้าราชการ นักวิชาการ ผู้นำชุมชนและตัวแทนภาคประชาสังคม เข้าร่วมประมาณ 100 คน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมรับฟังและเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา
ประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่าหลังมีข่าวสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำ ทุกภาคส่วนราชการในจังหวัดเชียงรายไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางจังหวัดให้ความสำคัญ มีการตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำเดือนละ 2 ครั้ง ตรวจตะกอนดินเดือนละ 1 ครั้ง รวมทั้งตรวจคุณภาพน้ำประปา ผลกระทบต่อปลา เรื่อยไปจนถึงการใช้น้ำในภาคการเกษตร พบว่าถึงแม้แม่น้ำกก สาย รวก โขง จะมีสารหนูเกินมาตรฐาน แต่น้ำประปา พืชต่าง ๆ ยังไม่เกินมาตรฐาน เบาใจได้ในระดับหนึ่งว่ายังอุปโภคบริโภคน้ำประปาได้
“ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายต่างเป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา ต้องคิดว่าเราจะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างไร จะส่งผลกระทบระยะยาวมากขนาดไหน ยิ่งค่าสารโลหะหนักเกินมาตรฐานนาน ๆ ประชาชนก็ยิ่งกังวลใจ”

เมื่อเปิดดูภาพถ่ายทางอากาศพร้อมทั้งแผนที่เส้นทางผ่านโปรแกรม กูเกิลเอิร์ท (Google Earth) จะพบภาพการทำเหมืองในเขตป่าเขาใกล้แม่น้ำ ห่างจากพื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สายเพียง 2 กิโลเมตร
กก สาย รวก โขง เป็น “แม่น้ำนานาชาติ” มีต้นกำเนิดหรือไหลผ่านจากเมียนเข้ามาสู่ไทย ช่วงต้นของแม่น้ำส่วนใหญ่ไหลอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของกองกำลังว้า (United Wa State Army-UWSA)
“ต้นเหตุของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่มาจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา มีรายงานบอกว่าเป็นเหมืองแรร์เอิร์ธ 70 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ เพราะปัญหาในประเทศเมียนมามีความซับซ้อน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายชี้แจง
ด้าน ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพพื้นที่และภูมิประเทศของตำบลเกาะช้างว่าตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองแม่สายไปทางตะวันออก เป็นพื้นที่รับน้ำโดยตรงจากแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกที่มาบรรจบรวมตัวกันในตำบลเกาะช้าง
ทั้งแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกต่างเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับเมียนมา กำเนิดจากขุนเขาในรัฐฉาน หลังจากแม่น้ำสายไหลมาบรรจบกับแม่น้ำรวกที่เกาะช้างแล้วแม่น้ำรวกจะไหลต่อไปลงแม่น้ำโขงที่สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
“ตำบลเกาะช้างมีพื้นที่ประมาณ 43 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่รับน้ำที่มักมีน้ำหลากและท่วมขัง พืชที่เกษตรกรปลูกมีทั้งข้าวโพด ข้าว หากแม่น้ำมีสารพิษ หน่วยงานจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร นอกจากน้ำท่วมแล้วผลกระทบจากสารพิษตกค้างที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการใช้น้ำในการเกษตรและอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมายังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนว่าการปนเปื้อนจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรบ้าง”


ผลกระทบต่อสุขภาพเป็นประเด็นที่ผู้เข้าร่วมหลายคนกังวลใจ ชมภูนุฒ ชิดเกิดสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บ้านปิยะพร อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ที่ผ่านมา อสม. เห็นผลกระทบที่เกิดกับชาวบ้าน
“ยกตัวอย่างผื่นคันหลังน้ำท่วม ชาวบ้านเกิดอาการนี้บ่อยมาก เป็นแล้วเป็นอีก วันนี้ตนเองก็มือลอกเป็นแผ่น ๆ แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด”
เมื่อผู้สูงอายุในหมู่บ้านทราบข่าวว่าแม่น้ำปนเปื้อนสารพิษก็เกิดความกังวลว่าจะกินปลาและใช้น้ำไม่ได้ จนทำให้นอนไม่หลับ กลายเป็นปัญหาทางจิตเวช
“เราพยายามให้คำแนะนำกับชาวบ้าน อยากให้มีการนำเสนอผลการวิจัยที่มีความแน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพออกมา”
สอดคล้องกับ ชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่สาย ที่กล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าตุ่มหรือผื่นที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านเกิดจากอะไร เราอยากมีฐานข้อมูลตรงนี้ อยากขอความกรุณา เพราะตอนนี้แม่สายเป็นเมืองภัยพิบัติ ควรทำเป็นต้นแบบของการแก้ไขปัญหา”
สมพร เพ็งค่ำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน ตั้งคำถามสำคัญที่สะท้อนถึงการทำหน้าที่แก้ไขปัญหาของหน่วยงานรัฐ
“ระหว่างนี้ประชาชนจะอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนมลพิษอย่างปลอดภัยได้อย่างไร ถ้าเราไม่ทำอะไร อีก 3-4 ปีต่อไป เมื่อมีความเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นจะยิ่งลำบาก
“ในทางวิชาการ การบันทึกอย่างต่อเนื่องจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลง เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนัก และสามารถดึงข้อมูลไปใช้ บทบาทการเฝ้าระวังที่นำโดยรัฐต้องเปลี่ยนมาเป็นของประชาชน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ประชาชนต้องช่วยกันตรวจและจดบันทึก เตรียมระบบข้อมูล ทำให้เห็น hot spot เพื่อหาทางลดปัญหาการเจ็บป่วย
“ต้องยกระดับระบบการตรวจ ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังตัวเองด้วย รู้เท่าทันมลพิษทั้งในน้ำและตะกอนดิน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยาวแน่ ๆ“
ขอขอบคุณ
- สำนักข่าวชายขอบ (Transborder News)
- องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers)