
หลังจากชาวค่ายสารคดีครั้งที่ 20 เดินทางเก็บข้อมูลภาคสนามในสังขละบุรีอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาตั้งแต่บ่ายวันที่ 11 กรกฎาคมเป็นต้นไปคือช่วงเวลาของการสร้างสรรค์ ปลุกปั้นทุกสิ่งอย่างที่สังขละบุรีมอบให้ออกมาเป็นชิ้นงานขนาดย่อ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในวันรุ่งขึ้น
“ช่วงเวลาจากนี้สำคัญนะ เมื่อวานตอนบ่ายเราเอาทุกสิ่งมากองรวมแล้วคัดเลือกส่งครู วันนี้เราจะเอากองนั้นมาดูกัน เหมือนดินเหนียวก้อนหนึ่งที่จะไปปั้นเป็นชิ้นงาน ครูก็จะดูว่าเนื้อดินมันแน่นไหม มีลวดลายไหม ครูจะช่วยให้ความเห็นว่ามันเป็นยังไง มีตำหนิตรงไหน และจะไปต่ออย่างไร” ตัวแทนครูค่ายกล่าวก่อนเริ่มวิจารณ์ผลงาน
บนเวทีนำเสนอผลงานในเช้าวันที่ 12 กรกฎาคมนั้นมีทั้งคำติและคำชม ติเพื่อก่อ ชี้เส้นทางที่สามารถปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาต่อไปได้
งานเขียนบางชิ้นต้องกลับไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเพื่อให้เรื่องราวของชุมชนเล็กๆ สามารถพาผู้อ่านไปสู่ประเด็นสังคมขนาดใหญ่ งานภาพชุดอาจต้องกลับไปไล่ดูภาพนับร้อยนับพันใบที่ถ่ายมาใหม่อีกครั้ง เพื่อคัดเลือกและร้อยเรียงออกมาเป็นชุดภาพที่สามารถสื่อสารได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่ชิ้นงานวิดีโอจะต้องกลับไปตัดต่อผลงานให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อเล่าสิ่งที่เริ่มต้นไว้ในงานชิ้นย่อ
“ตอนช่วงเตรียมงานก่อนถ่ายทำจริง เราเตรียมข้อมูลมาไม่แน่นครับ พอลงพื้นที่แล้วได้ข้อมูลมาเยอะก็ฟุ้ง หลงทาง ไม่รู้ว่าจะพางานไปทิศทางไหน ไม่มีทิศทางที่แน่ชัดครับ” น้องค่ายคนหนึ่งแลกเปลี่ยนปัญหาที่ผมระหว่างลงพื้นที่
“ของหนูเป็นปัญหาตอนสัมภาษณ์ค่ะ หนูไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ถามอะไร บทสนทนากับแหล่งข้อมูลถึงจะลื่นไหล พอเขาตอบคำถามมาก็ลืมว่าหนูต้องถามอะไรต่อ อาศัยดูว่าคนอื่นถามยังไง ค่อยๆ คุยให้เขาเปิดใจยังไง จำและเอามาใช้จนผ่านมาได้ค่ะ” น้องอีกคนพบเจอปัญหาที่ต่างออกไป
“จุดที่ผมต้องพัฒนาต่อน่าจะเป็นเรื่องความรู้ครับ เวลาไปคุยยังจับประเด็นได้ไม่ดีเท่าไหร่ ตอนที่เขาเล่าเรื่องราวมา ผมพยายามหาความเชื่อมโยงให้ลึกขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เรายังลงลึกไปกับเขาไม่ได้ น่าจะต้องหาความรู้ในเรื่องที่จะไปคุยเพิ่มครับ”
“ส่วนทีมพวกเราเจอปัญหาเรื่องอุปกรณ์ค่ะ เราใช้อุปกรณ์ยังไม่คล่อง แหล่งข้อมูลมารอเราแล้วแต่เรายังตั้งอุปกรณ์ถ่ายทำไม่เสร็จเลย พอใช้งานไปสักพักก็เริ่มมีปัญหา แบตของกล้องหมดบ้างหรืออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ต่างๆ เต็มบ้าง ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเราเตรียมไว้พอแล้ว อยากจะสอนตัวเองว่าเราต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมกว่านี้”
ท่ามกลางปัญหามากมายที่น้องค่ายนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ตัวแทนครูค่ายก็ย้ำเตือนเรื่องสำคัญกับน้องๆ เรื่องหนึ่ง
“น้องๆ รู้ไหมว่าการทำสารคดีเนี่ยเป็นทักษะแบบหนึ่งนะ และทักษะมันฝึกฝนได้ ตอนนี้เราขาดประสบการณ์อะไรก็ฝึกฝน ทำไม่ได้ในวันนี้ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ในวันหน้า สิ่งที่เจอเหล่านี้มันเป็นปัญหาของมือใหม่ ตอนครูๆ เป็นมือใหม่ก็เจอเหมือนกัน สิ่งที่จะแก้ตรงนี้ได้คือความมั่นใจของเราเอง กับความแม่นในการค้นหาข้อมูลก่อนลงพื้นที่ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ”
งานสารคดีที่สังขละบุรีครั้งนี้เป็นการทำงานสารคดีชิ้นแรกของน้องๆ หลายคน การพบเจอปัญหาหรือมีจุดบกพร่องนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้เองที่จะเป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า
“จากนี้ก็ปรับปรุงตัวเองตลอด ค้นหาตัวเองตลอดเวลา ดูงานเพื่อนๆ หรืออย่างน้อยที่สุดครูอยากชวนพวกเราดูพัฒนาการตัวเอง ถ้าเทียบกับวันแรกๆ ที่มาค่ายคุณจะรู้สึกเลยว่าคุณได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น แก้ปัญหาได้มากขึ้น เดือนที่แล้วหลายคนยังเป็นลูกนกอยู่เลย แต่วันนี้คุณบินไปไกลแล้ว และเชื่อว่าในอนาคตทุกคนก็จะดียิ่งขึ้นกว่านี้อีก อวยพรทุกคนนะ”
ขอบคุณทุกความตั้งใจไม่ย่อท้อ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางสำหรับทุกความช่วยเหลือ
ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่ช่วยให้เราเติบโต





























สนับสนุนโดย
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- มูลนิธิเล็กประไพวิริยะพันธุ์
- วิริยะประกันภัย
- กลุ่มธุรกิจ TCP
- Nikon
- TheDigital STM
- Hollyland Thailand
- Zhiyun Thailand
- Miliboo Thailand
- Sirui Thailand
- Sigma Thailand
- Srishti Digilife Thailand