เขตปลอดมือถือ

 

 

ไม่นานมานี้ เพื่อนคนหนึ่งมาขอคำปรึกษาให้ผมช่วยหาสถานที่จัดสัมมนาในต่างจังหวัด  เอาแบบเงียบๆ เป็นธรรมชาติ ติดทะเล ภูเขา หรือจะอยู่ในป่าก็ได้  สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ต้องเลิศหรูแบบรีสอร์ตระดับห้าดาว แต่เงื่อนไขสำคัญคือ สถานที่นี้ต้องเป็น “เขตปลอดมือถือ”  หากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้จะดีมาก

เพื่อนบอกว่าบ้านพักในต่างจังหวัดที่ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือได้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับการจัดสัมมนาที่ไม่ต้องการเสียงรบกวนใดๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีสมาธิและได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่  เพราะการอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือมักจะทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาไม่มีสมาธิ พะวักพะวน เผลอทีไรแอบไปคุยโทรศัพท์ทุกที

คำว่า “กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือ” ดูจะไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ

ย้อนไปไม่ถึง ๑๐ ปี เราคงได้เห็นโฆษณาระบบโครงข่ายโทรศัพท์มือถือมากมายหลายยี่ห้อตามโทรทัศน์หรือสื่อต่างๆ เป็นต้นว่า ขณะพรีเซนเตอร์เดินอยู่ในป่า ขี่ช้างขึ้นดอยกับชาวเขา หรือล่องเรือกลางทะเลอันเวิ้งว้าง ก็สามารถใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับคนในเมืองได้ชัดแจ๋ว ทั้งนี้เพื่อแสดงความสำเร็จของโครงข่ายที่สามารถทะลุทะลวงสัญญาณโทรศัพท์มือถือไปแทบทุกพื้นที่ในประเทศ

ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรวมทั้งผมที่ชอบเดินทางล้วนยินดีและอุ่นใจเป็นยิ่งนัก เวลาไปไหนต่อไหนโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลความเจริญก็สามารถติดต่อกับคนอื่นได้อย่างสะดวกสบาย

ต้องยอมรับว่าบรรดาบริษัทเจ้าของสัมปทานสัญญาณโทรศัพท์มือถือมีความสามารถในการสร้างโครงข่ายจนเกือบเต็มพื้นที่ พร้อมกับยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่ติดกันงอมแงมจนแทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ห้ากันแล้ว

วันหยุดยาวหลายวัน ผมชวนพรรคพวกไปกางเต็นท์ในอุทยานฯ แห่งหนึ่งแถวภาคอีสาน  เพื่อนพาลูกสาววัยรุ่นไปด้วยคนหนึ่ง ปรากฏว่าระหว่างที่คนอื่นๆ ไปเดินป่า สัมผัสธรรมชาติกันนั้น เด็กสาวคนนี้ไม่ยอมออกไปไหน หมกตัวอยู่แต่ในบริเวณที่พัก เสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่มือถือคุยโทรศัพท์ทั้งวันทั้งคืน เว้นก็แต่ตอนกินข้าวกับตอนแม่เรียกไปล้างจาน

ผมเพิ่งบอกเลิกบริการส่งข่าวทางมือถือ เพราะกำลังสำลักข้อมูลข่าวสารที่กระหน่ำกันมาทั้งทางโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์  วันก่อนผมลืมเอาโทรศัพท์มือถือมาที่ทำงาน และเป็นวันเดียวกับที่ระบบอินเทอร์เน็ตในสำนักงานล่มทั้งวัน  แรกๆ รู้สึกหงุดหงิด ทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็พยายามบอกตัวเองว่า อย่าตกเป็นทาสเทคโนโลยีมากนักเลย

ยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมา ผมเองใช้มือถือบ่อยมาก และใช้เวลากับการท่องเน็ตวันละหลายชั่วโมงจนต้องเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่า แม้อินเทอร์เน็ตจะพาเราท่องโลกไปได้ทุกหนราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงโลกเสมือน เราต้องออกไปเรียนรู้ชีวิตจากโลกจริงๆ กันบ้าง  เช่นเดียวกับเตือนสติตัวเองให้พูดคุยกับคนรอบข้างที่เป็นตัวเป็นตน มากกว่าคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ

ทุกวันนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการวิจัยพบว่า นักข่าวจำนวนมากทำข่าวหาข่าวจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์  จะสัมภาษณ์แหล่งข่าว แทนที่จะเดินทางไปพบบุคคลนั้นเองก็ใช้วิธีโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์แทน ทั้งๆ ที่การสนทนากันตัวต่อตัวช่วยให้การสัมภาษณ์ลื่นไหลและได้ข้อมูลลึกกว่าการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ตั้งมาก  หรือหากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่อ่านหนังสือ เลิกเข้าห้องสมุด ใช้บริการกูเกิลอย่างเดียว ทั้งๆ ที่กูเกิลเป็นเพียงช่องทางหนึ่ง ไม่ใช่ช่องทางทั้งหมดในการแสวงหาความรู้

ความเคยชินในการใช้เทคโนโลยีช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้น แต่สิ่งที่แลกมาคือทำให้เราเสพติดเทคโนโลยีโดยไม่รู้ตัว และทำให้เราขี้เกียจกันมากพอที่จะไม่ออกไปท่องโลกเดินทางไปหาของจริงกัน

เทคโนโลยีก็ไม่ต่างจากเหรียญสองด้าน อยู่ที่ว่าเราจะฉลาดใช้มัน หรือมันจะใช้เรา  แต่ดูเหมือนเวลานี้มันจะใช้เราเสียมากกว่า สังเกตจากที่เราต้องหมั่นอัปเกรดเปลี่ยนรุ่นเพื่อก้าวตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ทัน

มาเริ่มฉลาดใช้เทคโนโลยี ด้วยการตั้งเขตปลอดมือถือกันดีไหม

จาก สารคดี ฉบับที่ 293 กรกฎาคม 2552

Comments

  1. mookie

    บางวันที่ฮอตมากๆ แบตสามก้อนมุกใช้ไม่พอครับพี่จอบ แต่เป็นการติดต่อเรื่องงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ใหญ่ขนาดที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมงานมันต้องติดต่อกับใครต่อใครมากมายขนาดนี้…

    คุยไม่นาน แต่ละสายสั้นๆ กระชับๆ แต่มันเย๊อะสาย สายแรกยังไม่วาง สายสอง สายสาม สายสี่ ซ้อนกันมาเมามันกันไปเลย…

    ตกเย็นกลับถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือ divert ทุกสายเสมอ… แต่ชอบบริการ missed call alert มากเลยคับ การ divert เครื่อง อย่างน้อยคนโทรก็อาจเข้าใจว่าเราอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณหรือแบตหมด แต่เราก็ยังทราบได้ว่าใครโทรมา และเลือกโทรกลับเฉพาะสายที่จำเป็น มันรู้สึกดูมีมารยาทมากกว่าการที่มีสายเข้าแล้วไม่ได้รับ ไม่ได้โทรกลับ เล็กน้อย อิอิ …

    หกโมงเย็น ถึงหกโมงเช้า มีสัญญาณโทรศัพท์แต่จงใจไม่ใช้ เป็นการปรับสมดุลไปในตัว…

    ในโรงหนัง หลายคนยังไม่ยอมปลอดกันเลยอ่ะคับ เฮ้อออ 😥

  2. รุ่งอรุณ สุขเเสวง

    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะว่า ทุกวันนี้เราเเทบจะเป็นทาสของเทคโนโลยี่สมัยใหม่

    ย้อนกลับไปไม่กี่วันที่ผ่านมาค่ะ ท่านอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี เเต่ท่านเตรียมสื่อมาในรูปแบบของ Power Point บังเอิญวันนั้นโปรเจ็คเตอร์ไม่ทำงาน ซึ่งก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร นักศึกษาพยามยามช่วยกันเเก้ไข ลองสำรวจดูว่าเครื่องเสียหรือไม่ จนต้องไปเเจ้งเจ้าหน้าที่ก็เเล้ว ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ จนท่านอาจารย์ตัดสินใจไม่สอน เพียงเพราะโปรเจ็คเตอร์ไม่ทำงาน ทำให้เพื่อนๆบางคนดีใจกันมาก เฮกันยกใหญ่

    เเต่พอมาคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจอกับคำตอบที่ว่า “ทุกวันนี้เราตกเป็นทาสของเทคโนโลยี่สมัยใหม่เสียเเล้วจริงๆ”

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.